ร้าน “Fujio Shokudo” ชั้น 6 มาบุญครอง เซ็นเตอร์ ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โฮมเมด ที่เน้นการบริการแบบ Self Service ที่มีคอนเซปท์คล้ายๆ กับโรงอาหาร หรือ แคนทีน ที่ลูกค้าสามารถเลือกหยิบ เลือกตักอาหารต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง นับเป็นความสุขและความสนุกในการกินอาหารรูปแบบหนึ่ง เพราะสามารถเลือกอาหารที่ถูกใจได้ตามสบาย อยากจะเลือกกินอะไร หรือมิกซ์เมนูนั้นเข้ากับเมนูนี้ ก็สามารถทำได้ แถมหลายๆ เมนูยังทำสดใหม่ order by order อีกด้วย เช่น เมนู “ไข่ม้วนทามาโกะยากิ” (ราคา 69 บาท) ที่เชฟชาวญี่ปุ่นจะลงมือทอดไข่ในกระทะสำหรับทอดไข่ม้วนให้ลูกค้าด้วยตัวเอง แบบสั่งปุ๊บ ทำปั๊บ ซึ่งลูกค้าสามารถยืนดูเชฟทำไข่ม้วนแบบเพลินๆ ได้ที่หน้าเตา หรือเมนูเทมปุระต่างๆ เช่น “หอยนางรมทอด” (ราคา 180 บาท) ที่เก็บกักรสชาติของหอยนางรมเอาไว้ได้เป็นอย่างดี เพียงแค่กัดลงไปคำแรก ก็ได้กลิ่นทะเลอบอวลอยู่ในปากเลยทีเดียว หรือ “หมูทอดทงคัตสึ” (ราคา 140 บาท) เนื้อหนานุ่ม แป้งบางกรอบ ทุกเมนูเชฟจะปรุงกันสดๆ ใหม่ๆ ทุกครั้งที่มีลูกค้าสั่ง จึงมั่นใจได้ว่า จะได้กินอาหารเสริ์ฟใหม่สดร้อนอยู่เสมอ เหมือนกำลังกินอาหารอยู่ที่บ้านของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
นอกจากนี้คงไม่มีร้านอาหารญี่ปุ่นในห้างสรรพสินค้าร้านไหนแน่ๆ ที่จะตั้งเครื่องสีข้าวขนาดเล็กไว้ภายในร้าน และคอยสีข้าวเปลือกออกมาเป็นข้าวสารทุกวัน อีกหนึ่งความใส่ใจที่ร้าน "Fujio Shokudo" นั้นสีข้าวสดใหม่เพื่อรักษาคุณภาพและความอร่อยของข้าว อีกทั้งยังหุงด้วยกรรมิวิธีแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า “คามาทากิ” ซึ่งเป็นการใช้หม้อหุงข้าวแบบโบราณและเตาสไตล์ญี่ปุ่นที่จะช่วยให้เมล็ดข้าวได้รับความร้อนอย่างทั่วถึง เพื่อให้ได้ข้าวที่สุกนุ่มหอม กินกับอะไรก็อร่อย และถ้าอยากเห็นว่าหน้าตาของหม้อและเตาแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นเป็นอย่างไร ก็สามารถไปดูได้ที่เตาซึ่งตั้งอยู่หน้าร้าน สามารถมองเห็นกรรมวิธีการหุงข้าวได้ทุกขั้นตอน
เครื่องสีข้าวขนาดเล็ก
เตาหุงข้าวแบบคามาทากิ
เชฟกำลังทำไข่ม้วน
เมื่อไข่ม้วนชั้นแรกเสร็จ ก็เทลงไปทำไข่ม้วนชั้นที่ 2
ไข่ม้วนทามาโกะทากิ
ส่วนคนที่ชอบสารพัดเมนูปลาสไตล์ญี่ปุ่น ทั้งปลาดิบและปลาย่าง ก็จะได้พบกับหลากเมนูปลาแสนอร่อยในราคาที่คุ้มค่าสุดๆ โดยเฉพาะเมนูปลาย่าง ที่มีปลาให้เลือกหลายชนิด เช่น “ปลาฮอกเกะย่างกลือ” (ราคา 120 บาท) เนื้อปลานุ่มและย่างมาแบบสุกกำลังดี ; “ปลาหิมะนึ่งซีอิ๊ว” (ราคา 280 บาท) และ “แก้มปลาบุรินึ่งซอสนิซึเคะ” (ราคา 180 บาท) อร่อยกับปลาชิ้นใหญ่เนื้อนุ่มละมุน ราดซอสรสชาติเข้มข้นสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ สั่งมากินคู่กับข้าวที่สีสดๆ ใหม่ๆ หุงร้อนๆ จากเตาโบราณ อร่อยจนเผลอจินตนาการไปว่าเป็นคนญี่ปุ่น ที่กำลังนั่งกินอาหารอยู่ในบ้านญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมกันเลยทีเดียว
และถ้าหากชอบเมนูปลาดิบ ที่ “Fujio Shokudo” ก็มีเมนูปลาดิบให้เลือกหลากหลาย เช่น “ซาชิมิแซลมอน” (ราคา 280 บาท) แซลมอนเนื้อนุ่ม ชิ้นหนาเต็มคำ หรือจะลองเมนูเครื่องเคียงสไตล์ญี่ปุ่นที่สามารถเลือกหยิบได้เองที่ตู้แช่หน้าร้าน เช่น "ฮิจิกินิ” สาหร่ายฮิจิกิกรุบกรอบต้มซอสรสชาติหวานๆ เค็มๆ หรือ “คินปิระโกโบ” หัวโกโบผัดปรุงรส เผ็ดนิดๆ จากพริกเหลืองที่คลุกเคล้าจนเข้ากัน และ “นิคุชากะ” (ราคา 89 บาท) เนื้อหมูสไลซ์บางๆ ต้มกับน้ำซุปและมันฝรั่งจนเข้าเนื้อ
หมูทอดทงคัตสึ
หอยนางรมทอด
ปลาฮอกเกะย่างกลือ
ปลาหิมะนึ่งซีอิ๊ว
แก้มปลาบุรินึ่งซอสนิซึเคะ
ปลาหิมะเนื้อหนานุ่ม
แก้มปลาบุริชิ้นใหญ่
ปลาฮอกเกะย่างหอมๆ
ซาชิมิแซลมอน
ฮิจิกินิ
คินปิระโกโบ
นิคุซากุ นอกจากนี้ยังมีอาหารญี่ปุ่นสไตล์โฮมเมดอย่าง “แฮมเบิร์กสตูว์” (ราคา 99 บาท) เนื้อวัวผสมกับเนื้อหมูสับละเอียดปั้นเป็นก้อนหนานุ่ม ราดน้ำซอสรสเข้ม ส่วนเมนูเส้นก็มี “ราเมง” (ราคา 109 บาท) ที่ใช้เส้นราเมงเหนียวนุ่มกับหมูชาชูเนื้อนุ่มและน้ำซุปหอมกรุ่น ปิดท้ายด้วยเมนูอาหารจานเดียวยอดฮิตของคนญี่ปุ่น “ข้าวหน้าแกงกะหรี่” (ราคา 120 บาท) ข้าวหอมๆ นุ่มๆ ราดด้วยแกงกะหรี่เนื้อวัวรสเผ็ดกลางๆ ที่เคี่ยวเนื้อวัวกับผักต่างๆ และเครื่องแกงกะหรี่จนเข้าเนื้อ แล้วปิดท้ายด้วยไอศกรีมแบบซอฟท์ครีมรสนุ่มละมุนที่มีให้เลือก 3 รส คือ รสวานิลลา; รสชาเขียว และมิกซ์วานิลลา-ชาเขียว ส่วนเครื่องดื่ม มีทั้งน้ำเปล่า ชาเขียวมัทฉะที่ใช้ผงชาเขียวแท้ๆ ชงแบบไม่ใส่น้ำตาล ชามะนาวรสนุ่มละมุน และน้ำอัดลมต่างๆ คอยบริการแบบเติมไม่อั้น
แฮมเบิร์กสตูว์
ข้าวหน้าแกงกะหรี่
ราเมง
ไอศกรีมมิกซ์ชาเขียว-วานิลลา ทุกเมนูในร้านสามารถเลือกจับคู่กันได้ตามความชอบ และคิดราคาตามเมนูที่สั่ง จะเลือกจับคู่ของอร่อยเมนูไหนกับเมนูไหน ก็แล้วแต่จินตนาการและความหิวจะบันดาลให้เป็นไป