ไม่เพียงแค่ซีรีส์เกาหลีเท่านั้นที่ได้รับความนิยมในบ้านเรา อาหารเกาหลีเองก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เพราะบรรดาคนที่เคยดูซีรีส์ย่อมต้องเคยตกหลุมรักอาหารเกาหลีที่พระ - นางกินในเรื่อง หรือแม้คนที่ไม่เคยดูซีรีส์มาก่อน แต่ก็ต้องเคยผ่านตาอาหารเกาหลีและวัฒนธรรมเกาหลีมาบ้าง ทำให้อาหารสัญชาตินี้ไม่ใช่เรื่องที่ห่างไกลคนไทยอีกต่อไป ร้านอาหารเกาหลีจึงกลายมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนที่รักการกินอาหาร
ซึ่งร้านอาหารเกาหลีในบ้านเราตอนนี้ ก็มีให้เลือกมากมายหลากหลายแนว และหนึ่งในนั้นคือ อาหารเกาหลีสไตล์โฮมเมด ที่มีรสชาติแบบเกาหลีแท้ๆ และใช้วัตถุดิบเหมือนกับที่คนเกาหลีทำกินเองที่บ้าน จึงยิ่งให้อารมณ์แบบอาหารในชีวิตประจำวันที่พระ - นางในซีรีส์เกาหลีกินมากยิ่งขึ้นไปอีก
และตอนนี้ หากมองหาร้านอาหารเกาหลีสไตล์โฮมเมดที่อร่อยเหมือนที่คุณแม่ชาวเกาหลีทำให้ลูกชาย ลูกสาวกิน ก็จะต้องมีชื่อของร้าน "Kiani" (คีอานี) ถูกเพิ่มเข้าไปในลิสต์ของนักชิมด้วยอย่างแน่นอน เพราะ "Kiani" เป็นร้านอาหารเกาหลีที่บรรยากาศอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน และยังมีเมนูอาหารเกาหลีที่มีรสชาติแบบต้นตำรับเกาหลีแท้ๆ ให้เลือกอร่อยมากมายหลายเมนู
เริ่มกันที่เมนูที่ดูหน้าตาน่ากินแม้จะยังไม่ได้ลงมือปรุงให้สุก อย่าง "คงบูล" (ราคา 350 บาท) เมนูกระทะร้อนที่ใช้เนื้อหมูสามชั้นสไสซ์ (หรือหากลูกค้าไม่ชอบเนื้อหมูติดมันเยอะๆ ก็สามารถเลือกสั่งเป็นเนื้อหมูสันคอสไลซ์บางๆ ได้) ถั่วงอกหัวโต หอมหัวใหญ่ ไส้กรอกหมู และต้นหอมซอย ผัดกับซอสสูตรเฉพาะของเจ้าของร้านชาวเกาหลีที่มีส่วนผสมถึง 18 ชนิด เช่น โคชูจังและกระเทียม เวลาสั่งเมนูนี้มากิน จะต้องมีการผัดหมูและเครื่องปรุงอื่นๆ ให้เข้ากันจนทั่ว โดยเจ้าของร้านจะเป็นคนมาผัดให้ลูกค้าที่โต๊ะด้วยตัวเอง เพื่อให้อาหารจานนี้อร่อยตามสูตรเป๊ะๆ ไม่มีผิดเพี้ยน
"คงบูล" เป็นเมนูที่กินเปล่าๆ ก็อร่อย สั่งมากินกับข้าวหุงแบบเกาหลีก็ยิ่งเข้ากัน เพราะเนื้อหมูสันคอที่นุ่มละมุนจะถูกผัดกับซอสเกาหลีรสเปรี้ยวเค็มหวานและเผ็ดนิดๆ แถมยังมีความนุ่มหนึบของถั่วงอกหัวโตที่เจ้าของร้านเลือกสรรมาจากเกาหลี ก็ทำให้เมนูนี้อร่อยลงตัวจริงๆ เป็นเมนูที่ยังไม่มีร้านไหนในเมืองไทยทำขาย นอกจากที่ "Kiani" เท่านั้น
และเมื่อมีเมนูกระทะร้อนแล้ว ก็ต้องมีเมนูหม้อไฟกันบ้าง ซึ่งเมนูที่น่าลิ้มลอง คือ "กิมจิชอนโคล" (ราคา 290 บาท) ซุปกิมจิหม้อไฟที่ดูเผินๆ จะรู้สึกว่าหน้าตาคล้ายๆ กับบูเดชิเก แต่รสชาติกลับเข้มข้นกว่า เพราะซอสที่ใส่ลงไปจะมีรสชาติที่เปรี้ยว แถมยังมีการใส่กิมจิเพิ่มลงไปด้วย ทำให้หม้อไฟเมนูนี้มีชื่อเรียกเล่นๆ ว่า "แกงส้มเกาหลี" เนื่องจากมีรสชาติที่เปรี้ยวนำเป็นจุดเด่นของเมนู และนอกจากนี้ในหม้อยังมี ปูอัด เต้าหู้ปลา มาม่าเกาหลี และยังสามารถเลือกได้ว่าจะใส่หมูหรือทูน่าลงไปได้อีกด้วย เป็นซุปหม้อไฟที่เข้มข้นได้ใจจริงๆ ถ้าอยากกินเมนูนี้ ต้องมาที่ "Kiani" เท่านั้น เพราะเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวที่ทำ "กิมจิชอนโคล" ขายในเมืองไทย
จานต่อมา คือ อีกหนึ่งเมนูยอดนิยมของชาวเกาหลี อย่าง "หมูย่างเกาหลี" (ราคา 199 บาท) ที่ใช้หมูสันคอหมักกับซอสถั่วเหลืองสไตล์เกาหลี และเครื่องปรุงอื่นๆ ไว้ถึง 2 วันจนเข้าเนื้อ แล้วนำมาย่างบนกระทะร้อน โรยด้วยถั่วลิสงป่นหยาบ เสิร์ฟพร้อมกับผักสดที่ใช้สำหรับห่อ ซอสโคชูจัง และข้าว
ส่วนใครที่ชื่นชอบเมนูที่เปรียบสเหมือนพาสต้าของเกาหลี อย่าง "ต็อกโปกิ" (ราคา 199 บาท) ที่ "Kiani" ก็มีให้อร่อยเช่นกัน แถมที่นี่ยังให้เครื่องมาแบบจัดหนัก มีทั้งต็อกโปกิชิ้นหนานุ่ม ลูกชิ้นปลา เต้าหู้ปลา ปูอัด และไข่ต้มทั้งฟอง รวมทั้งพริกสดเม็ดใหญ่ ทุกอย่างถูกผัดจนเข้ากันกับซอสพริกเกาหลีรสชาติเผ็ดร้อน
หรือใครที่ชอบเมนูที่รสชาติเบาๆ ลงมาหน่อย ก็แนะนำ "คิมบับห่อไข่" (ราคา 199 บาท) ข้าวห่อรวมกับเครื่องเคราต่างๆ เช่น ไส้กรอก ปูอัด เต้าหู้ปลา แครอต ไข่เจียว แล้วม้วนด้วยสาหร่าย จากนั้นม้วนปิดด้วยไข่เจียวแผ่นบางๆ อีกที จากนั้นโรยด้วยงาขาวเพิ่มความหอม คิมบับของเกาหลีนั้น จะแตกต่างกับข้าวห่อสาหร่ายของญี่ปุ่นตรงที่ความหอมมันของน้ำมันงาและงาขาวที่ใช้โรย และตัวข้าวจะไม่มีรสเปรี้ยวน้ำส้มสายชูแบบข้าวห่อสาหร่ายของญี่ปุ่นด้วย
ปิดท้ายด้วยเมนูกินเล่น แต่อร่อยจริงจัง และกำลังเป็นเมนูเกาหลีที่ฮอตฮิตในหมู่คนไทย "ไก่ทอดเกาหลี" ซึ่งที่ "Kiani" มีสองแบบให้เลือก คือ "ทัคคังจอง" (เล็ก 89 บาท/กลาง 159 บาท) อกไก่ทอดกรอบๆ เคลือบด้วยซอสที่ผสมพริกเกาหลีให้รสชาติหวานๆ เผ็ดๆ และ "คันจังชิคเก้น" (เล็ก 89 บาท/กลาง 159 บาท) ปีหไก่บนทอดกรอบราดด้วยซอสถั่วเหลือง แล้วโรยด้วยถั่วลิสงป่นหยาบๆ รสชาติเค็มๆ หวานๆ กลมกล่อม ไก่ทอดทั้งสองแบบเป็นไก่ทอดสไตล์เกาหลีแท้ๆ ที่จะทอดจนกรอบแล้วนำมาคลุกกับซอสสไตลเกาหลี ให้ความอร่อยเข้มข้น กินแล้วเพลินหยุดไม่ได้
และไม่ว่าจะสั่งเมนูอะไร ทางร้านจะมีเมนูเครื่องเคียงแถมให้ 5 อย่าง เช่น ชิจิมิ ผักโขมคลุกน้ำมันงา กิมจิ หัวไชเท้าดองโฮมเมดที่ทำโดยคุณแม่ของเจ้าของร้านซึ่งเป็นคนเกาหลีแท้ๆ ซึ่งรสชาติของหัวไชเท้าดองสูตรเกาหลีแท้นั้น กลิ่นและรสจะไม่แรง แต่รสชาติจะออกเปรี้ยวอมหวานแบบนุ่มนวล นอกจากเมนูเครื่องเคียงบางอย่างจะเป็นของที่ทำเองแล้ว เมนูเครื่องเคียงทุกอย่างยังสามารถเติมได้เรื่อยๆ อีกด้วย
สิ่งสำคัญที่ทำให้อาหารของ "Kiani" คงความเป็นเกาหลีแท้ๆ เอาไว้ได้ ก็เป็นเพราะเจ้าของร้านเลือกใช้วัตถุดิบและอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้หลายๆ อย่าง ที่นำมาเองจากเกาหลีเช่น หม้อหุงข้าวไฟฟ้าก็ใช้เฉพาะหม้อหุงข้าวไฟฟ้าที่นำมาจากเกาหลีเท่านั้น เพราะหุงข้าวแบบเกาหลีได้นุ่มและอร่อยกว่า หรือถ้วยอะลูมิเนียมที่ใช้เสิร์ฟข้าวให้ลูกค้าก็นำมาจากเกาหลีด้วยเช่นกัน แถมเจ้าของร้านยังมีวิธีเฉพาะในการอุ่นข้าวให้ร้อนอยู่เสมอ ด้วยการนำถ้วยอะลูมิเนียมที่บรรจุข้าวสวยร้อนๆ ไปเก็บไว้ในหม้ออุ่น และเวลาพนักงานยกชามข้าวมาเสิร์ฟให้ลูกค้า ก็จะต้องใส่ถุงมือผ้าเพื่อป้องกันความร้อนจากชามอะลูมิเนียมเสมอ และต้องระวังไม่จับชามข้าวด้วยมือเปล่า เพราะชามร้อนมากจริงๆ แถมยังร้อนนานอีกด้วย เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า ลูกค้าจะได้กินข้าวเกาหลีร้อนๆ อร่อยๆ กับเมนูเด็ดๆ ของ "Kiani" แน่นอน