


นานมาแล้วมีคุณป้าชาวเกียวโตคนหนึ่ง ได้มีโอกาสไป อาศัยอยู่ที่โอซาก้า และได้ลิ้มลองความอร่อยของโอ โคโนมิ ยากิ ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่ออย่างหนึ่งของโอซาก้า เมื่อกลับไปยังเกียวโตบ้านเกิด คุณป้าจึงได้นำสูตรการทำโอโคโนมิ ยากิของโอซาก้า มาประยุกต์ให้เป็นแบบฉบับของตัวเอง และเปิดเป็นร้านเล็กๆ ชื่อ "Yoshino" ขึ้นมาในเกียวโต ซึ่งเป็นร้านที่ขายโอโคโนมิ ยากิแบบเกียวโตที่มีความแตกต่างกับแบบโอซาก้าต้นตำรับ เพราะแป้งจะบางกว่าและใส่ผักเยอะกว่าแบบโอซาก้าซึ่งเคล็ดลับที่ทำให้โอโคโนมิ ยากิแบบเกียวโตแป้งบางกว่าแบบโอซาก้า ก็คือเวลาทำจะต้องราดแป้งลงไปบนกระทะก่อน แล้วจึงตามด้วยผักและเนื้อหมู จากนั้นจึงราดด้วยแป้งอีกที เมื่อด้านล่างเริ่มสุกจึงกลับด้าน แล้วทอดต่อจนทั้งสองด้านสุกได้ที่ ซึ่งต่างจากโอโคโนมิ ยากิแบบโอซาก้าที่จะผสมแป้งกับผักเข้าด้วยกันเลย ก่อนจะนำมาหยอดลงบนกระทะแล้วทอดจนสุกทั้งสองด้าน ซึ่งโอโคโนมิ ยากิแบบโอซาก้าจะมี texture ของแป้งที่เยอะและหนากว่าแบบเกียวโตและไม่น่าเชื่อเลยว่าร้านโอโคโนมิ ยากิเล็กๆ ของคุณป้าจะกลายมาเป็นร้านที่มีชื่อเสียงโด่งดังยาวนานมากว่า 30 ปีแล้ว และก็ยังเป็นร้านที่มีคนมาเข้าคิวรอทุกวัน ไม่เคยจืดจางเลย....และในวันนี้โอโคโนมิ ยากิสูตรเกียวโตก็เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาสู่เมืองไทยแล้ว ในชื่อ "Kyoto Yoshino" ณ ชั้น 6 ศูนย์การค้าอิเซตันคนไทยส่วนใหญ่อาจจะคุ้นชินกับโอโคโนมิ ยากิตามร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไป ซึ่งจะเป็นแบบที่ทำสำเร็จมาให้แล้ว และเสิร์ฟแบบพร้อมกิน ซึ่งจะทำให้ขาดรสชาติบางอย่างของการเป็นโอโคโนมิ ยากิไป เช่น ความหนานุ่มและความร้อนระอุในเนื้อแป้งที่เพิ่งทอดเสร็จสดๆ ร้อนๆ และเพิ่งนำขึ้นจากกระทะ รวมทั้งขาดอารมณ์ร่วมไปกับการกินโอโคโนมิ ยากิในแบบเดียวกับคนญี่ปุ่น ที่มักจะมีทั้งร้านที่ให้ลูกค้าทอดโอโคโนมิ ยากิเอง และร้านที่ให้ลูกค้านั่งอยู่หน้ากระทะ รอรับการเสิร์ฟโอโคโนมิยากิที่ทำเสร็จใหม่ๆ จากพ่อครัว

แต่โอโคโนมิยากิที่ร้าน "Kyoto Yoshino" จะแตกต่างออกไป เพราะบนโต๊ะอาหารจะมีกระทะเหล็กแผ่นยาวอยู่กลางโต๊ะ เพื่อให้พนักงานนำโอโคโนมิยากิที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ จากกระทะหน้าร้าน มาเสิร์ฟให้ที่กระทะบนโต๊ะของลูกค้า ให้ลูกค้าได้สนุกกับการหั่นโอโคโนมิยากิเอง และความร้อนบนกระทะยังช่วยทำให้โอโคโนมิ ยากิร้อนอยู่ตลอดเวลา ได้อารมณ์เหมือนทำโอโคโนมิ ยากิกินเองในแบบฉบับของคนญี่ปุ่นเลย"โอซาก้า โอโคโนมิ ยากิ", "เกียวโต โอโคโนมิ ยากิ", "เนงิ ยากิ" (ซ้าย) + และไม่ต้องห่วงว่าเมื่อมาถึงร้านแล้ว จะมีแต่โอโคโนมิ ยากิให้กินอยู่แบบเดียวรึเปล่า เพราะโอโคโนมิ ยากิของ "Kyoto Yoshino" มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบ "เกียวโต โอโคโนมิ ยากิ" (ขนาดปกติ 189 บาท /ขนาดปกติเพิ่มเส้นยากิโซบะ 219 บาท) ที่มีจุดเด่นตรงปริมาณผักที่เยอะและแป้งที่บาง พร้อมท้อปปิ้งด้วยซอสดาชิ มายองเนส สาหร่ายทะเลและปลาโออบแห้ง ตามแบบของโอโคโนมิ ยากิหรือจะลองโอโคโนมิยากิแบบต้นตำรับ "โอซาก้า โอโคโนมิ ยากิ" (ขนาดปกติ 219 บาท / ขนาดปกติเพิ่มเส้นยากิโซบะ 239 บาท) เป็นโอโคโนมิ ยากิที่หนานุ่มตามแบบฉบับโอซาก้า ที่ใช้แป้งผสมกับกะหล่ำปลีทอดลงไปบนกระทะจนสุกทั้งสองด้าน ท้อปปิ้งด้วยเนื้อหมูชิ้นโตและไข่ไก่ โรยหน้าด้วยขิงดอง ซอสดาชิ มายองเนส สาหร่ายทะเลและปลาโออบแห้ง เป็นโอโคโนมิยากิที่แป้งหนานุ่มเต็มปากเต็มคำและโอโคโนมิ ยากิสูตรพิเศษ สำหรับคนที่ชอบรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัวของต้นหอม "เนงิ ยากิ" (ขนาดปกติใส่หมูตุ๋น 249 บาท/ขนาดปกติใส่เนื้อตุ๋น 269 บาท /ใส่เอ็นเนื้อตุ๋นและบุก 299 บาท / ขนาดปกติเพิ่มเส้นยากิโซบะ + หมูตุ๋น 279 บาท /ขนาดปกติเพิ่มเส้นยากิโซบะ + เนื้อตุ๋น 299 บาท) เป็นโอโคโนมิ ยากิที่จะราดแป้งลงไปบนกระทะก่อน แล้วตามด้วยต้นหอมในปริมาณที่เยอะมากๆ จากนั้นค่อยๆ ทอดจนด้านล่างเริ่มสุกและแป้งเริ่มเซ็ตตัว แล้วจึงราดแป้งที่ด้านบน ตามด้วยการวางหมูตุ๋นหรือเนื้อตุ๋น แล้วจึงพลิกกลับอีกด้านขึ้นมาทอดจนสุกเท่ากันทั้งสองด้าน เสิร์ฟพร้อมเลมอนและซอสพอนสึที่จะช่วยขับรสชาติของต้นหอมให้อร่อยมากขึ้น

"โอซาก้า โอโคโนมิ ยากิ"


"เนงิ ยากิ"

"เกียวโต โอโคโนมิ ยากิ"โอโคโนมิ ยากิแบบต้นตำรับจะมีขนาดประมาณชามก๋วยเตี๋ยว และสามารถเลือกท้อปปิ้งเองได้ คือ หมู (20 บาท), ปลาหมึก (30 บาท), กุ้ง (40 บาท), รวมหมูหมึกกุ้ง (60 บาท), เบคอน (30 บาท), หมูตุ๋น (50 บาท) และเนื้อตุ๋น (70 บาท) แต่หากรู้สึกว่าโอโคโนมิ ยากิไซส์ปกติอันใหญ่เกินไป กลัวจะกินไม่หมด หรืออยากจะลองหลายๆ แบบในคราวเดียว ก็มีแบบ "โอโคโนมิ ยากิ มินิ" (ราคา 80 บาท) ให้เลือกสั่ง หรือจะสั่งเป็นเซ็ต 3 ชิ้น 3 แบบ (ราคา 220 บาท) ก็ได้และนอกจากโอโคโนมิ ยากิสูตรต้นตำรับแล้ว "Kyoto Yoshino" ยังโอโคโนมิ ยากิให้เลือกอีก 3 แบบ คือ "โอซาก้า เบคอน+ข้าวโพด ยากิ (ขนาดปกติ 229 บาท /โมเดิร์น 249 บาท) "โอซาก้า ซีฟู้ด ยากิ" (ขนาดปกติ 239 บาท / โมเดิร์น 259 บาท) และ "โอซาก้า เห็ดออรินจิ ยากิ" (ขนาดปกติ 219 บาท/โมเดิร์น 239 บาท)วิธืการทำโอโคโนมิ ยากิ

ผสมแป้งและไข่

แบบโอซาก้าจะผสมผักลงไปในแป้ง

แบบเกียวโตและเนงิ จะราดแป้งลงบนกระทะก่อน

แบบเกียวโต เมื่อแป้งเริ่มสุกก็วางผักลงไปที่ด้านบน

โอโคโนมิ ยากิทั้งสามแบบ

โรยขิงดองและเครื่องปรุงรส

ตามด้วยเบคอน

แบบ "เกียวโต" ท้อปปิ้งด้วยเบคอน และเเบบ "เนงิ" ท้อปปิ้งด้วยหมูตู๋น

ราดแป้งลงด้านบนอีกครั้ง

ค่อยๆ ตบแป้งและผักให้เข้ารูป

พลิกกลับด้าน

ทาซอสดาชิ

ตอกไข่แล้วทอดพอสุก เตรียมทำเป็นหน้าของโอโคโนมิ ยากิแบบโอซาก้า

แบบเกียวโต และเนงิเมื่อพลิกด้านหลังกลับขึ้นมาด้านบน

แบบโอซาก้าเมื่อพลิกกลับด้านบนที่สุกแล้วขึ้นมาอีกครั้ง

แบบโอซาก้าหลังจากคว้ำลงในไข่ ทอดต่อจนสุก จะได้แบบนี้

เอาขึ้นมาทาซอสดาชิ

ราดด้วยมายองเนสพร้อมเมนูไซด์ดิชอร่อยๆ ให้เลือกอีกหลายเมนู ซึ่งทุกเมนูจะถูกปรุงที่กระทะหน้าร้าน แล้วนำมาเสิร์ฟให้บนกระทะที่โต๊ะของลูกค้า มีทั้งเมนูเส้น เช่น "อุด้งผัดกระเทียม" (ราคา 159 บาท) เส้นอุด้งเหนียวนุ่มหนุบหนับผัดกับพริกแห้งและกระเทียมรสชาติเค็มๆ เผ็ดๆ อร่อยเคี้ยวเพลิน หรือ "ยากิโซบะ ซีฟู้ด" (ราคา 199 บาท) เส้นยากิโซบะเหนียวนุ่มผัดกับซอสรสชาติเข้มข้นและซีฟู้ด ตามด้วย "ข้าวผัดต้นหอมกระเทียม" (ราคา 119 บาท) ข้าวผัดที่ใส่ทั้งต้นหอมและกระเทียม เหมาะสำหรับคนที่ชอบกลิ่นและรสชาติเฉพาะตัวของต้นหอมแล้วยังมีเมนูกินแล่นอย่าง "ข้อไก่คั่วเกลือ" (ราคา 89 บาท) กรุบๆ กรอบๆ เคี้ยวเพลิน, "ไส้กรอกอาราบิกิคั่วเกลือ" (ราคา 89 บาท) ไส้กรอกเนื้อแน่นรสชาติเข้มข้น, "จัมโบ้เทปปันเกี๊ยวซ่า" (กุ้ยช่าย 100 บาท / หมู 120 บาท / กุ้ง 140 บาท) เกี๊ยวซ่าแป้งบางกรอบ ไส้ในหนานุ่ม, "เห็ดเข็มทองผัดเนย" (ราคา 99 บาท), "หน่อไม้ฝรั่งผัดเกลือ" (ราคา 99 บาท) และ "สลัดเต้าหู้" (ราคา 89 บาท)

เมนูเส้น

"อุด้งผัดกระเทียม"

"ยากิโซบะ ซีฟู้ด"

"จัมโบ้เทปปันเกี๊ยวซ่า"

"เห็ดเข็มทองผัดเนย"

"หน่อไม้ฝรั่งผัดเกลือ"

"ไส้กรอกอาราบิกิคั่วเกลือ"

"ข้อไก่คั่วเกลือ"

"สลัดเต้าหู้"

และถ้าจะให้อร่อยตามแบบฉบับคนญี่ปุ่นมากขึ้น จะสั่งสาเกหรือเบียร์มาจิบไปพลาง กินโอโคโนมิ ยากิไปพลาง ก็ไม่เลวเลยทีเดียว......ลองเปลี่ยนบรรยากาศจากอาหารญี่ปุ่นแบบที่คุ้นเคยมาลอง โอโคโนมิ ยากิสูตรเกียวโตดูสักครั้ง เหมือนได้เข้าถึงอีกหนึ่งรสชาติความเป็นญี่ปุ่นแท้ๆ





