สำหรับผู้ที่ชื่นชอบในความสดของอาหารญี่ปุ่น แต่ก็ไม่อยากพลาดรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารอเมริกัน แนะนำให้ลองแวะมาที่ร้าน “Maki Maki Sushi Bar & Bistro” ร้านอาหารญี่ปุ่นแนวบาร์ แอนด์ บิสโทร แห่งใหม่ ใจกลางทองหล่อ (ซอย 5) ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์อเมริกัน ที่จะทำให้การลิ้มรสปลาดิบของคุณไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ด้วยความถนัดในการสร้างสรรค์อาหารญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ บวกกับการคัดเลือกวัตถุดิบชั้นดีอย่างพิถีพิถัน โดย เชฟ “ยินดี” ซูชิเซฟที่มีประสบการณ์ในอาหารญี่ปุ่นมากกว่า 10 ปี ในร้านอาหารญี่ปุ่นระดับ Top 5 ของเมืองชิคาโก ซึ่งมีประสบการณ์จากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำอาหารญี่ปุ่นจากเชฟประเทศต่างๆ และการนำเสนอด้วยศิลปะการวาดลวดลายด้วยซอสต่างๆ และการจัดวางอาหารอย่างเป็นศิลปะ
“Where the art meet sushi” จึงกลายเป็น concept ของร้านที่นำเอาศิลปะมาไว้ในจานอาหารญี่ปุ่นได้อย่างลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ
อีกทั้งเมื่อคุณเดินเข้ามาในร้านคุณจะได้พบกับ “Maki Maki Glass House” ห้องกระจกเล็กๆภายในร้านที่ได้แรงบันดาลใจมาจากนิวยอร์ก มีดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ยังคงไว้ซึ่งสเน่ห์ เหมาะอย่างยิ่งแก่การนั่งทานซูชิอร่อยๆไปพร้อมกับการดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ปลอดโปร่ง ด้วยทัศนียภาพของต้นไม้ที่รายล้อมอาณาบริเวณของร้าน ยิ่งในช่วงพลบค่ำหากได้นั่งดูดวงอาทิตย์ตกไปพร้อมกับคนรู้ใจ ไม่มีอะไรที่จะสร้างความประทับใจได้เท่านี้อีกแล้ว
นอกจากห้องกระจกแล้ว มุมอื่นภายในร้านก็ถูกตกแต่งในสไตล์ Loft / Industrial Chic ที่ยังคงความดิบของวัสดุที่ใช้ตกแต่ง แต่ยังคงไว้ซึ่งความสะอาด และความสดชื่นอยู่ เปรียบเสมือนซูชิชั้นดีที่ต้องพิถีพิถันในเรื่องของความสดของอาหารดิบ
อย่ารอช้ามาลิ้มลองรสชาติปลาดิบกันเลยดีกว่า เริ่มด้วยเมนูแนะนำที่ต้องลองสักครั้งในชีวิต “To Die For Maki” (ราคา 590 บาท) แตกต่างจากร้านอื่นเพราะมีเพียงที่ร้าน Maki Maki ที่เดียวเท่านั้น โรลที่นำเอาโทโร่ชั้นดี ซึ่งเป็นทูน่าส่วนท้อง มาห่อคู่กับไข่ปลาดำที่สีดำมาจากสาหร่าย และไข่ปลาแดงที่สีแดงมาจากพริกที่ไม่มีความเผ็ด โดยไม่ใส่ข้าว วางตกแต่งเป็นรูปดอกไม้อย่างสวยงาม ตรงกลางจะมีต้นหอมซอยกับไข่นกกระทาดิบด้านบน ซึ่งก่อนทานนั้นให้ตีไข่นกกระทาให้แตก แล้วให้ตัวไข่มาเคลือบกับโรล จะได้รสชาติหนึบๆของไข่ที่เคลือบปลา ตามด้วยรสชาติของเนื้อปลาเน้นๆ อีกทั้งยังมีความกรุบกรอบของไข่ปลา แนะนำให้ทานคู่กับไข่ปลาแซลมอนและหอมซอย รับประกันได้ว่าจานนี้อร่อยจนลืมไม่ลง สมกับที่ชื่อ To Die For จริงๆ !
และด้วยส่วนผสมที่ไม่มีแป้งเป็นส่วนประกอบ ทำให้เป็นเมนูที่เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการลดแป้ง เพราะอร่อยได้แบบสบายใจ โดยไม่ต้องมากังวลเรื่องน้ำหนักเลยแม้แต่น้อย
ต่อกันอีกหนึ่งเมนูห้ามพลาด “Poseidon on Fire” (ราคา 270 บาท) อย่างที่รู้จักกันว่าโพไซดอน คือ เทพเจ้าแห่งท้องทะเล ซึ่งเป็นที่มาของอาหารจานนี้เป็นการนำอาหารทะเลหลากหลายชนิด ทั้ง หอยเชลล์, เนื้อปู, ไข่ปลา, กุ้ง และปูอัด มาคลุกเคล้ากับซอสเผ็ดที่ดีไซน์ขึ้นมาเป็นพิเศษ เสิร์ฟพร้อมกับการจุดไฟโดยไม่ต้องรอให้ไฟดับก็สามารถทานได้เลย แต่ต้องระวังร้อนกันหน่อย ความร้อนจะทำให้ซอสและไข่ปลาแตกตัวเข้ากัน ทำให้ได้รสชาติที่มีความละมุนและได้ความเผ็ดนิดๆอร่อยเข้ากันอย่างลงตัว
Poseidon on Fire
จาก Chicago แวะไปที่ Tokyo ลงจอดที่ BKK คือนิยามของ “BKK Maki” (ราคา 370 บาท) ที่ผสมผสานระหว่างปลาอากามิเนื้อแดงชั้นดี และปลาฮามาจิ ของญี่ปุ่น กับการห่อข้าวและอโวคาโด้สไตล์ตะวันตก และการใส่เครื่องเคียงอย่างผักชีทำให้ได้กลิ่นหอมที่คุ้นเคย อีกทั้งยังมีผักหลายๆอย่างทำให้เวลาทานมีความสดชื่น ปาดทานคู่กับซอสที่ถูกตกแต่งด้วยลวดลายที่สวยงาม ซึ่งเป็นความงามที่มีครบทุกรสชาติทั้งเปรี้ยว, หวาน และเผ็ด เป็นเมนูที่ผสานความหลากหลายให้เข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ
สำหรับผู้ที่ชอบทานเทมปุระ จะต้องชอบ “Dragon Fly” (ราคา 350 บาท) แน่นอน เสิร์ฟมาบนจานรูปปลาวาฬสุดแสนจะน่ารัก เกล็ดแป้งเทมปุระที่อยู่รอบนอกมีความกรุบกรอบ เมื่อกัดเข้าไปจะพบกับความหวานมันของครีมชีส และอโวคาโดชุ่มฉ่ำ ราดด้วยซอสหวานสูตรเฉพาะของทางร้านรสชาติกลมกล่อม เป็นจานที่เรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี
“Black Pearl Maki” (ราคา 390 บาท) ปลาแซลมอนชิ้นโตถูกนำมาเผาไฟบางๆให้สุกนิดๆพอมีกลิ่นหอม ด้านในเป็นหอยเชลล์เนื้อนุ่มหนึบหนับ, แตงกวา และซอสสไปซี่มายองเนส เคล็บลับความอร่อยอยู่ที่หอมเจียวที่ถือเป็นส่วนผสมลับที่ช่วยชูความหอมให้กับเมนูนี้เป็นเท่าตัว เสิร์ฟคู่กับซอส Black Pearl ที่ถูกผสมขึ้นมาเป็นพิเศษ เวลาทานจะได้ความหอมเย้ายวนไปอบอวลทั่วในปาก บวกกับความกรอบของแตงกวา อีกทั้งยังได้ความสดของปลาแซลมอนและหอยเชลล์จะทำให้คุณติดใจเมนูนี้แบบไม่รู้ตัว
“Spicy Tuna Tempura Maki” (ราคา 310 บาท) โรลถูกนำไปทอดจนเหลืองกรอบ ด้านในถูกอัดแน่นไปด้วยปลาทูน่า(หรือจะเปลี่ยนเป็นแซลมอนก็ได้), ไข่ปลา, หอมซอย และครีมชีส รอบๆถูกประดับด้วยซอสที่เชฟสร้างสรรค์ถูกจัดวางมาในจานอย่างสวยงาม แต่ในความสวยงามนั้นมีความอร่อยซ่อนอยู่ เวลาทานให้ปาดกับซอสที่ แล้วจิ้มกับซอสเฉพาะ “เทมปุระซอส” ที่ได้รสชาติสไปซี่เล็กๆตามด้วยรสเปรี้ยวหน่อยๆ อร่อยกลมกล่อมจนต้องบอกต่อ
และปิดท้ายมื้อนี้ด้วย “Suki Sake” (ราคา 230 บาท ต่อ 2 คำ) สำหรับผู้ที่ชื่นชอบปลาแซลมอนโดยเฉพาะ เป็นแซลมอนส่วนกลางลำตัวที่เวลาตัดแซลมอนทุกครั้งจะต้องกันไว้หนึ่งชิ้นสำหรับ Suki Sake ซึ่งเป็นส่วนที่มีความมันน้อยและเนื้อค่อนข้างแน่น จากนั้นจึงนำไปหมักกับซอสโชยุสูตรพิเศษของเชฟยินดีข้ามคืน ในอุณหภูมิที่พอเหมาะเพื่อคงความสดของปลาแซลมอน แล้วนำไปเผาไฟบางๆที่หนังทำให้ได้กลิ่นหอมน่าทาน เวลาทานจะได้ความเข้มข้นของซอสซึมเข้าไปในเนื้อปลา แถมยังเนื้อนุ่มสดจนแทบจะละลายในปาก จะพลาดไม่ได้ที่จะลองเมนูนี้
“Maki Maki” ที่ๆคุณจะได้ลิ้มรสความอร่อย และ สัมผัสกับอีกมุมหนึ่งของร้านซูชิ ในราคาที่ไม่แพงอย่างที่คิด