เคยไหมที่มีสองอารมณ์ในวันเดียว ทั้งอยากนั่งกินอาหารสบายๆ พร้อมนั่งพูดคุยกับเพื่อนๆ ไปเรื่อยๆ แต่พออิ่มแล้ว ก็อยากจะมูฟไปหาที่นั่งดริงค์เบาๆ แบบคนไม่เยอะ ไม่แออัด แกล้มด้วยอาหารสไตล์ฝรั่งที่สามารถสั่งมาแชร์กับเพื่อนๆ ได้ แต่ก็ติดตรงที่ว่าไม่อยากจะต้องขับรถย้ายร้านกันให้เหนื่อย เพราะไหนจะรถติด ไหนจะต้องหาที่จอดรถกันใหม่อีก อารมณ์สนุกไม่ต่อเนื่องกันพอดี ด้วยเหตุนี้ก็เลยต้องตัดใจเลือกอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง เลือกร้านใดร้านหนึ่งไปเลยเพื่อความสะดวก และเพื่ออารมณ์จะได้ต่อเนื่องแล้วจะดีแค่ไหน ถ้ามีร้านอาหารที่มีสองสไตล์ สองอารมณ์รวมไว้ด้วยกันในหนึ่งเดียว ทั้งเป็นที่นัดกินข้าว และเป็นที่นัดสังสรรค์กับเพื่อนๆ ได้ในคราวเดียว อย่างร้านอาหาร "The Cafe" และ ร้านอาหาร "A Bar Above" ซึ่งเป็นร้านอาหารสองร้านในพื้นที่เดียวกัน อยู่ชั้นบนและชั้นล่าง ถ้าอยากนั่งกินอาหารไทยแบบเป็นเรื่องเป็นราว ก็สามารถนั่งที่ "The Cafe"ชั้นล่าง แล้วสั่งอาหารมานั่งกินกันให้เป็นเรื่องราว อิ่มแล้วค่อยมูฟขึ้นไปที่ "A Bar Above" บนชั้นสอง ไปนั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ กับอาหารสไตล์ฝรั่ง หรือจะกลับสูตรกันก็ยังได้ คือเปลี่ยนมาเป็นนั่งจิบเครื่องดื่มเบาๆ รอเพื่อนที่ชั้นบน แล้วค่อยมูฟลงไปนั่งกินอาหารที่ชั้นล่าง แล้วนั่งยาวกันไปเลย เพราะที่ "The Cafe" ชั้นล่างมีดนตรีสดให้ฟังเพลินๆ ด้วยสองร้าน สองอารมณ์ ในพื้นที่เดียวกัน
"The Cafe"ยกสวนสวยมาไว้ในร่ม ด้วยลานหญ้าเทียม พร้อมบีน แบ็กอันใหญ่ให้เอนหลังนั่งพิงกินอาหารอร่อยๆ ในแบบสบายๆ ท่ามกลางการตกแต่งให้ดูเหมือนอยู่ในสวน มีต้นไม้สีเขียวอยู่รายล้อมรอบตัว และที่นั่งยังแบ่งเป็น 3 โซน คือโซนสนามหญ้าเทียมหน้าเวที ให้นั่งกินข้าวไปด้วยฟังเพลงไปด้วยแบบชิลล์ๆ หรือโซนหลังเวทีที่มีโต๊ะตัวยาวเข้าคู่กับเก้าอี้พนักพิง ในมุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว เพราะหลบออกมาจากตรงกลางของร้าน และโซนด้านนอกที่จัดเป็นโต๊ะกับม้านั่งเหล็ก พร้อมไฟสลัวๆ เหมาะกับคนที่สูบบุหรี่ แต่ไม่ต้องกลัวว่านั่งแล้วจะร้อน เพราะมีการต่อท่อแอร์ออกไป เพื่อส่งความเย็นไปให้บริเวณเอาท์ ดอร์ด้วย
โซนหญ้าเทียมด้านหน้าเวที
โซนด้านหลังเวที
โซนเอาท์ ดอร์ส่วนอาหารของ "The Cafe" นั้น เน้นอาหารไทยที่รสชาติเข้มข้น อาหารจีน อาหารอีสาน ออกแนวนานาชาติที่สามารถกินเป็นกับข้าวให้อิ่มกันจริงจังกันได้เลย เช่น "รวมมิตรทะเลผัดผงกะหรี่" (ราคา 300 บาท) ที่รวมเอากุ้งตัวโต หอยเชลล์เนื้อแน่นๆ ตัวใหญ่ๆ และปูม้าเนื้อหวานๆ มาผัดเข้าด้วยกันกับผงกะหรี่หอมๆ จนรสชาติเข้มข้นเข้าเนื้อ แล้วตามด้วย "ทอดมันกุ้ง ทอดมันปลากราย" (รวมสองอย่างราคา 250 บาท/อย่างเดียวราคา 200 บาท) เนื้อนุ่มหนึบหนับ เพราะนวดเนื้อทอดมันมาเป็นอย่างดี แถมยังให้เนื้อปลากรายและเนื้อกุ้งมาอย่างเต็มที่อีกด้วย
"ทอดมันกุ้ง ทอดมันปลากราย"
"แกงส้มกุ้ง ชะอมไข่ กระเฉด/แกงส้มกุ้งแป๊ะซะ"
จากนั้นก็สั่ง "แกงส้มกุ้ง ชะอมไข่ กระเฉด/แกงส้มกุ้งแป๊ะซะ" (ราคา 300 บาท) มาซดให้อร่อย เป็นแกงส้มกุ้งเสิร์ฟมาในหม้อไฟอันเล็กๆ แยกชะอมไข่ และผักกระเฉดอออกมาต่างหาก แค่รอให้น้ำแกงเดือดได้ที่ แล้วจึงใส่ชะอมไข่กับผักกระเฉดลงไปในหม้อ รอสักพักให้ผักสลดไม่ต้องสุกมาก ผักกระเฉดจะกรอบอร่อยกำลังดี แล้วซดน้ำแกงรสชาติเข้มข้นเปรี้ยวหวานเค็มครบรสตามเข้าไป เป็นอันครบสูตรความอร่อยแต่ถ้าใครอยากอร่อยกับอาหารจานเดียวแบบจบในตัวเอง ก็ต้องลอง "ข้าวอบสับปะรด" (เป็นลูกราคา 200 บาท/เป็นจานราคา 120 บาท) ที่มีให้เลือกสั่งทั้งแบบที่เสิร์ฟมาในผลสับปะรดผ่าครึ่งสวยเก๋และหอมกลิ่นสับปะรด กับแบบที่เสิร์ฟมาในจานให้กินได้สะดวก จานนี้อร่อยเพราะเป็นข้าวสวยเม็ดร่วนๆ ผัดมากับผงกะหรี่จนเข้าเนื้อ แล้วระดมใส่เครื่องมาอย่างไม่ยั้งทั้งกุ้ง แฮม กุนเชียง สับปะรด ลูกเกด เม็ดมะม่วงหิมพานต์และหมูหยอง
"ข้าวอบสับปะรด"
"รวมมิตรทะเลผัดผงกะหรี่"
ข้าวอบสับปะรดที่ใส่เครื่องมาให้เต็มที่
กุ้ง ปูม้า และหอยเชลล์ตัวใหญ่จบมื้อเย็นด้วยอาหารไทยไปแล้ว ก็ได้เวลามูฟขึ้นไปบนชั้นสองกันต่อ"A Bar Above"
บาร์นั่งชิลล์สไตล์ดิบๆ ที่มีให้เลือกนั่งทั้งโซนบาร์ด้านหน้าร้าน โซนบัลโคนีที่มีระเบียงยื่นออกไปให้นั่งมองท้องฟ้าในยามค่ำคืน และโซนห้องแอร์ที่เน้นนั่งกินกันเป็นเรื่องเป็นราว ส่วนการตกแต่งก็เน้นความดิบและเท่ห์ ดูวินเทจหน่อยๆ จากของกระจุกกระจุกที่นำมาตกแต่ง เช่นจักรยานเก่าๆ โคมไฟและรูปต่างๆ อารมณ์เหมือนกำลังนั่งอยู่ในบาร์ที่ต่างประเทศอย่างไรอย่างนั้น เข้ากันกับสไตล์อาหารของที่นี่ เพราะ "A Bar Above" มีแต่เมนูอาหารฝรั่งให้เลือกเท่านั้น แต่ก็เป็นเมนูอาหารฝรั่งที่หลากหลาย มีทั้งอังกฤษ อเมริกัน และอิตาเลียน เรียกว่าเอาใจได้ครบทุกความชอบเลยทีเดียว
โซนระเบียงถ้าชอบสไตลล์อเมริกัน ต้องสั่ง "A Bar Above's Burger" (ราคา 250 บาท) เบอร์เกอร์เนื้อโฮมเมดชิ้นหนานุ่ม ราดด้วยซอสเห็ดแชมปิญองรสเข้ม เบคอน และท้อปปิ้งด้วยไข่ดาวแบบฝรั่ง เคียงข้างมาด้วยเฟรนช์ฟรายชิ้นหนานุ่ม และโคลสลอว์รสชาตินุ่มนวลที่ช่วยตัดเลี่ยนได้เป็นอย่างดีหรือถ้าชอบสไตล์ผู้ดีอังกฤษ ก็ลอง "Fish and Fries" (ราคา 260 บาท) ปลาดอรี่ชุบแป้งทอด กรอบนอกนุ่มใน เนื้อปลาเหนียวนุ่มจิ้มกับทาร์ทาร์ซอสเปรี้ยวๆ เค็มๆ แล้วแกล้มกับเฟรนช์ฟรายชิ้นหนาใหญ่เต็มคำ และถั่วลันเตาอบกรอบเค็มๆ มันๆ บีบมะนาวเลมอนลงไปอีกสักหน่อยอร่อยเด็ด เมนูนี้เหมาะจะสั่งมาแกล้มกับเบียร์เย็นๆ สักแก้วเป็นที่สุดแต่ถ้าใครชอบสไตล์อิตาเลียน และนิยมการแชร์อาหารกับเพื่อนๆ ต้องสั่ง "A Bar Above's Pizza" (ราคา 320 บาท) พิซซ่าถาดใหญ่แป้งบางกรอบ ที่ระดมใส่ทั้งเนื้อไก่ย่าง พริกหวาน มะเขือเทศ และพริกแห้ง รสชาติอร่อยลงตัว และหอมหวนชวนกิน พิซซ่าชิ้นใหญ่มาก กินเพียงชิ้นเดียวก็อิ่มได้สบายๆ ใครไปกับเพื่อนหลายๆ คน ห้ามพลาด!!
"A Bar Above's Burger"
"A Bar Above's Pizza"
"Fish and Fries"นอกจากอาหารฝรั่งอร่อยๆ แล้ว "A Bar Above" ยังมีเบียร์ต่างประเทศหลากหลายยี่ห้อให้เลือกสั่งมาจิบแกล้มกับอาหารอร่อยๆ ด้วย เช่น Hoegaarden และ Stella Artois ใครเป็นคอเบียร์ไม่ควรพลาด ยิ่งช่วงนี้เข้าใกล้เทศกาลเบียร์รับลมหนาวแล้ว ลองเปลี่ยนบรรยากาศจากลานเบียร์ที่พลุกพล่าน ไปนั่งจิบเบียร์เย็นๆ เคล้าอาหารรสชาติประณีตที่ "A Bar Above" กันดูสักครั้ง....แล้วจะติดใจในอาหารและบรรยากาศของร้าน
แป้งบางกรอบ
เนื้อปลาหนานุ่ม
เบอร์เกอร์เนื้อชิ้นหนานุ่ม เห็ดแชมปิญอง เบคอน และไข่ดาว
