หลังจากได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 หรือเชื้อไวรัสโคโรนาที่แพร่ระบาดกันอยู่ในปัจจุบัน ก็มักจะมีหลายคนที่กังวลในเรื่องของอาการและผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีน ดังนั้นในวันนี้เราจึงได้รวบรวมอาการทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นได้จากการฉีดวัคซีน AstraZeneca กันค่ะว่ามีอะไรกันบ้าง เกิดอาการแบบนี้ขึ้นมันผิดปกติหรือเปล่า ถ้าพร้อมแล้วก็ตามไปเช็กอาการกันเลยค่า
อาการที่พบบ่อยหลังฉีดวัคซีน AstraZeneca
👍เจ็บหรือปวดบริเวณที่ฉีด เป็นอาการเบื้องต้นที่พบได้บ่อยหลังฉีดวัคซีน โดยคนไข้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนจะมีอาการเจ็บหรือปวดบริเวณที่ฉีดอยู่แล้ว ไม่ถือเป็นอาการที่ผิดปกติหรือน่าเป็นห่วงแต่อย่างใด ซึ่งอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปเองค่ะ
👍ปวดศีรษะ / อ่อนเพลีย เป็นอีกหนึ่งอาการข้างเคียงยอดฮิตของการฉีดวัคซีน ที่พบว่ากลุ่มผู้ที่ทำการฉีดวัคซีนประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ จะมีอาการปวดศีรษะและอ่อนเพลียมากขึ้นตามมาด้วยหลังฉีดวัคซีน
👍ปวดเมื่อยตามร่างกาย เป็นอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย รู้สึกไม่สบายตัวหรือบางคนอาจจะมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวตามมาด้วย ซึ่งอาการเหล่านี้ปกติแล้วจะพบได้ในกลุ่มผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าอยู่ที่ประมาณ 40%
👍มีอาการไข้ หนาวสั่น เป็นอีกหนึ่งอาการที่ถือเป็นผลข้างเคียงที่ได้รับจากการฉีดวัคซีน ซึ่งมักเจออยู่ที่ประมาณ 30% ของกลุ่มคนที่ได้รับการฉีดวัคซีน AstraZeneca มักมีอาการไข้และหนาวสั่นร่วมด้วย
👍 คลื่นไส้ อาเจียน อีกหนึ่งอาการที่พบบ่อย ที่ถือเป็นอาการของผลข้างเคียงจากวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนตัวนี้จะมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนอยู่ที่ประมาณ 20%
อาการที่ต้องระวังหลังฉีดวัคซีน AstraZeneca
ในกรณีของผู้ที่มีลิ่มเลือดผิดปกติ ซึ่งมีเกล็ดเลือดต่ำหลังจากได้รับการฉีดวัคซีน AstraZeneca ก็เป็นอีกหนึ่งอาการผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน แม้จะมีโอกาสในการเกิดขึ้นน้อยมาก แต่หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นหลังได้รับการฉีดวัคซีนเราก็ต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที
👎 ปวดศีรษะรุนแรงต่อเนื่อง
👎 ตาพร่ามัว
👎เจ็บหน้าอก
👎หายใจลำบาก
👎ขาบวม
👎ปวดท้องอย่างต่อเนื่อง
👎ผิวหนังมีรอยช้ำผิดปกติ
👎มีจุดเลือดออกที่ผิวหนังบริเวณที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน
นอกจากนี้ในกรณีของการเกิดลิ่มเลือดอุดตันหรือภาวะเกล็ดเลือดต่ำ รวมถึงการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำในบริเวณที่ไม่ปกติ เช่น ลิ่มเลือดอุดตันในสมองจากไซนัสในสมอง และการอุดตันของเส้นเลือดที่เราได้เกริ่นไปในตอนต้นนี้นั้น มักจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปี ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นภายใน 2 สัปดาห์หลังจากได้รับวัคซีนเข็มแรก ดังนั้นหากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นต้องรีบทำการรักษาทันทีนะคะ และที่สำคัญการได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าก็ควรอยู่ในช่วงอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไปด้วยค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัคซีนเอสตร้าเซนเนก้า
Vaxzevria หรือที่รู้จักกันดีในชื่อเดิมว่าวัคซีน COVID-19 AstraZeneca เป็นวัคซีนที่ใช้ในการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาหรือโควิด- 19 ในผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่ง โควิด-19 เกิดจากไวรัส SARS-CoV-2 ดังนั้น วัคซีน COVID-19 AstraZeneca จึงประกอบด้วยไวรัสอีกหนึ่งตัวในตระกูล Adenovirus ที่ได้รับการดัดแปลงให้มียีนสำหรับสร้างโปรตีนจาก SARS-CoV-2 วัคซีนไม่มีไวรัสและไม่สามารถทำให้เกิด COVID-19 ได้ ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดมักไม่รุนแรงหรือปานกลาง และจะดีขึ้นภายใน 2-3 วันหลังจากฉีดวัคซีน
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจสอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า
การตรวจสอบและดำเนินการของวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าอยู่ในการควบคุมดูแลที่ปลอดภัย โดยสัญญาณความปลอดภัยดังกล่าวนั้นคือข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ใหม่หรือมีเอกสารไม่ครบถ้วนซึ่งอาจเกิดจากตัวยา เช่น วัคซีน นอกจากนี้ยังต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติม และมีการตรวจสอบการดำเนินการโดยคณะกรรมการประเมินความเสี่ยงด้านเภสัชจลนศาสตร์ (PRAC) ของ EMA ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่รับผิดชอบในการประเมินปัญหาด้านความปลอดภัยสำหรับยาในมนุษย์ CHMP คณะกรรมการการแพทย์ในมนุษย์ของ EMA จะประเมินการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นในข้อมูลผลิตภัณฑ์อย่างรวดเร็ว
การประเมินทางวิทยาศาสตร์ของ EMA มีส่วนช่วยสนับสนุนการใช้วัคซีนโควิด-19 อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ภายใต้คำแนะนำของ EMA ซึ่งเป็นรากฐานที่แต่ละประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปจะออกแบบและดำเนินการรณรงค์ฉีดวัคซีนระดับชาติของตนเอง โดยสิ่งเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานการณ์ของประเทศ เช่น อัตราการติดเชื้อของประชากร, ความพร้อมของวัคซีน และอัตราการรักษาในโรงพยาบาล
สำหรับใครที่ได้รับการฉีดวัคซีนมาแล้วมีอาการข้างเคียงต่าง ๆ เช่น เจ็บหรือปวดบริเวณที่ฉีด, อ่อนเพลีย, มีไข้ ไม่สบายตัวนั่นก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะถือเป็นอาการปกติที่มักพบได้ในกลุ่มคนทั่วไปค่ะ ให้พักผ่อน ดื่มน้ำเยอะ ๆ และคอยสังเกตอาการของตัวเองอยู่บ่อย ๆ หากมีอาการรุนแรงก็แนะนำว่ารีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจและรักษาอย่างทันท่วงที และหากใครที่เคยมีอาการแบบนี้อยากร่วมแชร์ประสบการณ์ก็สามารถคอมเมนต์หรือพูดคุยกันได้เลยนะคะ
บทความอื่นที่เพื่อน ๆ น่าจะสนใจ
