Beauty Story Ep.23 แอบงีบยังไงให้กลายเป็นเจ้าแม่แฟชั่น
  1. Beauty Story Ep.23 แอบงีบยังไงให้กลายเป็นเจ้าแม่แฟชั่น

Beauty Story Ep.23 แอบงีบยังไงให้กลายเป็นเจ้าแม่แฟชั่น

นี่คือ Beauty Story กับสัญลักษณ์แห่งอำนาจ ความงาม และอิทธิพลทางการเมือง เมื่อแม่นางบูเช็คเทียนใช้แฟชั่นสร้างอำนาจในราชวงศ์ถัง
writerProfile
7 พ.ย. 2024 · โดย

ที่ประเทศอังกฤษ การที่คนเราจะแอบไปงีบอู้งานอยู่ใต้ต้นไม้ คงจะทำให้เราค้นพบแรงโน้มถ่วงแบบเซอร์ไอแซค นิวตัน แน่ ๆ แต่ถ้าเราไปนอนใต้ต้นไม้ที่ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ อาจจะเป็นผู้นำแฟชั่นได้เลยนะ

และนี่คือ Beauty Story กับสัญลักษณ์แห่งอำนาจ ความงาม และอิทธิพลทางการเมือง เมื่อแม่นางบูเช็คเทียนใช้แฟชั่นสร้างอำนาจในราชวงศ์ถัง

.

ยุคราชวงศ์ถังนั้นโดดเด่นเรื่องศิลปะ ความงาม และการเมืองที่สอดประสานกันอย่างแนบแน่น โดยเฉพาะการแต่งหน้าด้วย “ฮวาเตี้ยน” (花钿) ที่กลายเป็นเครื่องหมายของบารมีและอำนาจของหญิงผู้เป็นตำนานอย่างแม่นางบูเช็คเทียน บทความนี้จะพาไปรู้จักกับที่มา และผลกระทบต่อสังคมในสมัยนั้นที่ทำให้เป็นตำนานถึงทุกวันนี้

.

(1.) เมื่อดอกเหมยกลายเป็นแฟชั่นอันงดงาม

การแต้มหน้าผากด้วย “ฮวาเตี้ยน” มีจุดเริ่มต้นจากตำนานที่กล่าวว่า องค์หญิงในราชวงศ์ถังบังเอิญเผลอหลับอยู่ใต้ต้นเหมย กลีบดอกเหมยก็บังเอิ๊ญ บังเอิญ ร่วงลงมาติดหน้าผากพอดิบพอดี เมื่อองค์หญิงกลับเข้าไปในวัง คนในวังต่างชมเชยว่าเป็นการแต่งหน้าที่งดงาม แถมสีที่ติดมาจากดอกเหมยตรงหน้าผาก ยิ่งนานวัน ยิ่งสวยสะดุด ทำให้คนผ่านไปผ่านมามองเหลียวหลังกันทั่ววัง ฮวาเตี้ยนจึงกลายเป็นเทรนด์ที่นางในวังและชนชั้นสูงเริ่มทำตาม และเป็นเครื่องหมายของความงามที่แพร่หลายในสมัยนั้น

.

จะตีความได้อีกมุมได้เหมือนกันว่า ฮวาเตี้ยนแสดงถึงการสรรเสริญความงามธรรมชาติก็ว่าได้ แต่ยิ่งบูเช็คเทียนเข้ามาปรับใช้ จากกลีบดอกเหมยธรรมดา ถูกพลิกแพลงไปเป็นทองคำเปลว ไข่มุก เปลือกหอยแวววาว ฮวาเตี้ยนก็กลายเป็นเครื่องมือสร้างภาพลักษณ์และบารมีให้ตนเองในฐานะผู้นำหญิงที่ทรงอำนาจ และไม่ใช่เพียงแค่เรื่องความสวยงาม แต่ยังแฝงความหมายเชิงสังคมและการเมืองไว้อย่างลึกซึ้งด้วย

.

(2.) บูเช็คเทียน ผู้ใช้แฟชั่นสร้างบารมีในทางการเมือง

บูเช็คเทียน (Wu Zetian) คือผู้นำหญิงที่สำคัญในประวัติศาสตร์จีน เธอใช้แฟชั่นอย่างชาญฉลาดในการเสริมบารมีและสร้างอำนาจของตนเองไว้ในจิตใจของประชาชน โดย Steinhardt ผู้เขียนหนังสือที่ว่าด้วยเรื่องราวตำรับความงามราชวงศ์ถัง ได้กล่าวไว้ว่า "Wu Zetian did not simply follow the beauty trends of her time; she redefined them to match her authoritative image" หรือบูเช็คเทียนไม่ได้เพียงแค่ตามเทรนด์ความงามของยุคนั้น แต่ใช้แฟชั่นเพื่อสร้างอำนาจที่คนในยุคถังยอมรับอย่างลึกซึ้ง

.

การที่บูเช็คเทียนเลือกใช้วัสดุหรูหรา เช่น ทองคำเปลวหรือเปลือกหอยในการแต้มหน้าผาก สะท้อนให้เห็นว่าแฟชั่นไม่ใช่แค่เป็นสัญลักษณ์แห่งความงามเพียงอย่างเดียวนะ แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจที่คนทั่วไปสัมผัสได้ เธอปรับแต่งฮวาเตี้ยนให้แสดงออกถึงความมีบารมี ซึ่งแสดงถึงสถานะของเธอในฐานะผู้หญิงที่ทรงอำนาจที่สุดในราชสำนัก เป็นภาพลักษณ์ที่มีพลังในการสร้างความเคารพและยอมรับในอำนาจของเธอโดยไม่ต้องเอ่ยปาก

.

(3.) แฟชั่นคือการเมือง มาตรฐานใหม่ของคนชั้นสูง

ตามมุมมองของ คุณหวัง นักวิชาการที่เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจีนยุคราชวงศ์ถัง มองว่า ความงามในยุคราชวงศ์ถังไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องรูปลักษณ์ภายนอก แต่ยังสะท้อนถึงความเป็นชนชั้นสูงที่สามารถแสดงบารมีผ่านแฟชั่นได้ การแต่งกายและการแต้มฮวาเตี้ยนที่บูเช็คเทียนใช้ ได้กลายเป็นค่านิยมใหม่ที่ได้รับความเคารพจากสังคมชั้นสูง และถูกมองว่าเป็น “the refined elegance of the elite” หรือความงามที่ประณีตของผู้สูงศักดิ์

โดยเจ้าแต้มที่หน้าผากนี้กลายเป็นเครื่องหมายของความมั่งคั่งและบารมีซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในชนชั้นสูง และค่อย ๆ แพร่หลายลงมาสู่ประชาชนทั่วไป

.

แฟชั่นของบูเช็คเทียน ยังเชื่อมโยงกับความเชื่อทางวัฒนธรรมและการเมืองของเธอ นักวิชาการ May Holdsworth กล่าวว่า การที่บูเช็คเทียนเลือกใช้วัสดุจากเส้นทางสายไหมในการแต้มฮวาเตี้ยน ไม่ใช่แค่เพื่อตกแต่ง แต่เป็นสัญลักษณ์ของการเชื่อมโยงกับเส้นทางการค้าและการเปิดกว้างต่อวัฒนธรรมต่างแดนที่กำลังเติบโตในราชวงศ์ถัง เรียกได้ว่าการเลือกแฟชั่นของแม่นางบูเช็คเทียน แสดงให้เห็นถึงการเปิดกว้างทางวัฒธรรมและเต็มใจที่จะมีส่วนร่วมกับวัฒนธรรมอื่น ๆ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตผ่านแฟชั่น

.

(4.) บทบาทผู้หญิงในสังคมที่เปลี่ยนไปตามอิทธิพลของบูเช็คเทียน

บูเช็คเทียนถือเป็นแบบอย่างที่สำคัญในการทำให้ผู้หญิงในยุคนั้นเห็นถึงความสามารถในการมีบทบาททางการเมืองและสังคม ผ่านการแสดงออกถึงอำนาจและความงามในเวลาเดียวกัน การที่บูเช็คเทียนยิ่งสามารถแสดงอำนาจผ่านแฟชั่นได้ ก็ยิ่งทำให้ผู้หญิงในราชวงศ์มีบทบาทและสถานะสูงขึ้นด้วย

ผู้หญิงในสังคมราชวงศ์ถังจึงได้รับแรงบันดาลใจจากบูเช็คเทียนในการแต่งกายและแสดงตัวตน ทำให้เริ่มมีการเปิดกว้างในเรื่องบทบาทของผู้หญิงมากขึ้น เป็นการแสดงออกถึงความงามและความสามารถที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว

.

ฮวาเตี้ยนในยุคบูเช็คเทียนจึงไม่ใช่เพียงแค่เทรนด์แฟชั่นเพื่อความสวยงาม แต่เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ สถานะ และความเชื่อที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว เป็นเครื่องมือในการสร้างบารมีและยอมรับทางสังคมที่ไม่เหมือนใคร ผ่านแฟชั่นนี้ บูเช็คเทียนแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเชื่อมโยงวัฒนธรรมและการเมืองเข้าด้วยกัน ทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่มีอิทธิพลที่สุดในยุคสมัยนั้น และเป็นแบบอย่างให้ผู้หญิงคนอื่น ๆ ได้เดินตาม

แฟชั่นของบูเช็คเทียนจึงไม่ใช่แค่สไตล์ แต่เป็นเครื่องมือที่เธอใช้สร้างอิทธิพลและสะท้อนความยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ถังที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมหลากหลาย และสร้างความภาคภูมิใจให้กับประชาชนที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมของตนเองอย่างลึกซึ้ง

—------------

Reference

Jia. (2022). Tang Dynasty Beauty: Symbolism and Style

Steinhardt. (2000). Beauty and Authority in Tang Dynasty

Wang. (2015). Beauty and Power in Tang Dynasty

Liu. (2010). Cultural Influence of the Silk Road on Tang Dynasty Fashion

May Holdsworth. (2000). Women of the Tang Dynasty
.

#Wongnai #WongnaiBeauty #BeautyStory #WongnaiBeauty #ฮวาเตี้ยน #แต้มหน้าผาก #BeautyStandard #DouyinMakeup #บูเช็คเทียน