Beauty Story Ep.34 ขนกีกี้ยังต้องมีอยู่ไหมคะ ไม่มีขน = สะอาด เซ็กซี่?
  1. Beauty Story Ep.34 ขนกีกี้ยังต้องมีอยู่ไหมคะ ไม่มีขน = สะอาด เซ็กซี่?

Beauty Story Ep.34 ขนกีกี้ยังต้องมีอยู่ไหมคะ ไม่มีขน = สะอาด เซ็กซี่?

วันนี้ขอชวนมาคุยกันเรื่อง “บิวตี้กี สแตนดาร์ด” กันหน่อย “มีขน หรือไม่ขน” มันดีหรือไม่ยังไง Beauty Story พาไปไขข้อสงสัยกันค่ะ
writerProfile
24 ม.ค. 2025 · โดย

โกนไปแล้วมันจะ น๋าวฮี… วันนี้ขอชวนมาคุยกันเรื่อง “บิวตี้กี สแตนดาร์ด” กันหน่อย “มีขน หรือไม่ขน” มันดีหรือไม่ยังไงกันหนอ บางคนอาจไม่ชอบขนตรงนั้นมันเกะกะ แต่บางคนก็ภูมิใจกับความธรรมชาติ หรือบางจังหวะก็มีเพื่อนป้ายยาว่า “โกนเถอะ รับรองโล่ง ฟีลกู๊ด!” ใส่ชุดว่ายน้ำไม่แพลมแน่นอน ฝั่งวิทย์ก็บอกว่า “ขนกีช่วยกันกระแทกนะเออ~” เป็นคำถามที่คาใจ วันนี้ Beauty Story พาไปไขข้อสงสัยกันค่ะ

.

(1) ย้อนรอยประวัติศาสตร์ “การกำจัดขน” อยู่คู่กับมนุษยชาติมานาน!

เชื่อไหมว่าค่านิยม “ไม่มีขนถึงดูดี” ของผู้หญิงมีมาตั้งแต่ยุคมนุษย์ถ้ำ! เพราะสมัยก่อนใช้หินคม ๆ หรือเปลือกหอยขูดหนวดเครา (จินตนาการความเจ็บได้เลย) เพื่อกันแมลงทำรัง พอถึงยุคอียิปต์โบราณ ราชวงศ์อียิปต์ก็ชูแนวคิด “ไม่มีขน = อารยะ สะอาด และพรีเมียม” สุด ๆ ใครมีขนรุงรังอาจถูกมองว่าดูล้าหลัง หญิงอียิปต์บางคนถึงขั้นโกนหัวเกลี้ยงหรือใช้น้ำตาลข้น ๆ ทาบนผิวแล้วดึง (เรียก “Sugaring”) ฟังแล้วเจ็บจี๊ดแต่ก็สวยเนี้ยบเขาแหละ ส่วนนักรบโรมัน - กรีกเองก็มองว่าขนจุดซ่อนเร้นเป็นของไม่งาม ไม่แพง ถึงขั้นถอนออกทีละเส้นก็ยังเอา!

ต่อมาในยุคเอลิซาเบธ (1500s) ชาวยุโรปไม่ค่อยสนขนรักแร้หรือขนขา แต่เน้นถอนคิ้วบาง ถอยหน้าผากให้ยาวเรียว ดูโก้หรู ส่วนอเมริกาช่วงปลาย 1800s ถึงต้น 1900s นั้นเริ่มเปลี่ยนโฉมด้วยมีดโกนหนวดของ “คิงแคมป์ จิลเลตต์” ที่ปฏิวัติวงการมีดโกน พอเสื้อผ้าผู้หญิงเริ่มเปิดช่วงแขน ขา ขนส่วนเกินเลยกลายเป็น “อุปสรรคความสวย” สื่อแฟชั่นอย่าง Harper’s Bazaar ก็โปรโมทกันสนั่นว่าสาว ๆ ควรโกนรักแร้ จะได้อวดวงแขนเรียบเนียน ปี 1940s สงครามโลกทำให้ขาดไนลอน ผู้หญิงไม่มีถุงน่องใส่เลยต้องเปลือยขา จึงยิ่งฮิต “โกนขนขา” กันทั่วบ้านทั่วเมือง

.

พอชุดบิกินีเปิดตัวปี 1946 สาว ๆ ก็หันมาจัดการ “ขนน้องสาว” ให้เป๊ะกับบิกินีตัวจิ๋ว พอสื่อต่าง ๆ นำเสนอความเซ็กซี่แบบเกลี้ยงเกลา กระแส “ไม่มีขนคือสวย” ก็พุ่งต่อเนื่อง แม้ช่วงหนึ่ง (1960s - 1970s) กระแสเฟมินิสต์พยายามโชว์ความ Authentic แต่สุดท้ายปี 1987 ก็มี “Brazilian Wax” เข้ามาฮิตอีก ชนิดที่ปากต่อปากลามไปถึงฉากในซีรีส์ Sex and the City เมื่อราวปี 2000 ที่ตัวละครหลักไปแว็กซ์จนคนดูจดจำว่านี่แหละความแซ่บยุคใหม่ หรือจะคนดังและเซเลบริตี้โชว์บิกินีแบบ “ไร้ขน” กันจนเป็นภาพชินตา “บิวตี้กี สแตนดาร์ด” ในยุคนั้นเลยเน้นไปที่ความเรียบเนียน ทั้งยังสร้างภาพจำถึงความ “เซ็กซี่” ให้วัยรุ่นยุคนั้นฮิตตามกันแบบสุด ๆ

จะเห็นได้ว่าการมีขนหรือไม่มีขน ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัวของเรา แต่มักถูกโยงเข้ากับความสวย ความเซ็กซี่ และมาตรฐานความงามในแต่ละยุคสมัยเสมอ

.

(2) ถ้าไปเวย์โล่งเตียน ในมุมมองวิทยาศาสตร์ จะเป็นปัญหาหรือเปล่า?

ประโยชน์หลัก ๆ ของขนกี คือช่วยลดการเสียดสี ป้องกันผิวบอบบางแถวนั้นไม่ให้ถลอกปอกเปิกระหว่างเดิน วิ่ง หรือระหว่างบะบะ… (Censored เองค่ะ) ซึ่งถ้าเราโกนหรือแว็กซ์จนหมดซะ ผิวอาจโดนบาดหรือระคายเคืองได้ง่ายขึ้น แถมยังมีโอกาสเกิดแผลและติดเชื้อสูงขึ้นด้วยนะ เอาเป็นว่าการมีขนสักนิด อาจช่วยซัพพอร์ตผิวไม่ให้ระคายเคืองเกินไป

.

มีขนแล้ว “สกปรก” จริงมั้ย? เอาจริง ๆ ก็ยังไม่มีงานวิจัยไหนฟันธงเป๊ะ ๆ ว่าการมี “ขนหมออ้อย” เป็นปัจจัยเพิ่มความสกปรกหรือความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากกว่า “ไม่มีขน” เพราะถ้าดูแลอย่างถูกวิธี ไม่ว่าจะไว้ขนหรือโกนขนก็สะอาดได้เหมือนกัน ประเด็นคือต้องล้างให้สะอาด เช็ดให้แห้ง เพื่อไม่ให้เกิดความอับชื้นหรือหมักหมม นอกจากนี้หากกำจัดขนด้วยมีดโกนหรือแว็กซ์ไม่ถูกวิธี อาจเกิดบาดแผล ตุ่มขนคุด หรือเสี่ยงต่อการติดเชื้ออีกด้วย จากงานวิจัยปี 2017 ในวารสาร Sexually Transmitted Infections ระบุว่าคนที่กำจัดขนบริเวณนี้บ่อย ๆ อาจเสี่ยงรับเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้มากขึ้น ฉะนั้นจะไว้หรือจะกำจัดก็ไม่ผิด แค่ระวังเรื่องดูแลความสะอาดและป้องกันบาดแผลให้ดีพอ

.

(3) แล้วทำไมคนจำนวนมากถึงคิดว่า “โกนเถอะดีกว่า” ?

อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ และสื่อในสังคมที่เราได้เห็น จะพบว่ากระแส “ผู้หญิงต้องไร้ขนถึงจะงดงาม” เกิดขึ้นจากการทำการตลาดของอุตสาหกรรมความงามที่ร่วมมือกับสื่อมวลชน เช่น ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เมื่อผู้ผลิตมีดโกน (อย่าง Gillette) และแมกกาซีนผู้หญิง (Harper’s Bazaar) เริ่มปั่นกระแสว่า “ขนรักแร้หรือขนขาคือสิ่งไม่พึงประสงค์” เพื่อกระตุ้นยอดขาย และในเวลาเดียวกัน สื่อบันเทิงอย่างนิตยสาร Playboy ยุค 1950s ก็ขับเน้นภาพลักษณ์สาวเกลี้ยงเกลาในชุดเซ็กซี่จนกลายเป็นบรรทัดฐานว่า “ไร้ขน = เซ็กซี่” อีกทั้งแนวคิดเรื่องการกำจัดขนยังถูกนำเสนอผ่านแฟชั่น เสื้อผ้า และการตลาด จนผู้หญิงจำนวนมากค่อย ๆ ซึมซาบความเชื่อว่า “ไม่มีขนแล้วจะดูสะอาด เนียน น่ามอง” ซึ่งนี่เลยกลายเป็นผลจากการที่สังคมออกแบบมาตรฐานความงาม (Beauty Standard) และสื่อนำภาพดังกล่าวมาปลูกฝังซ้ำ ๆ ในหลายยุคหลายสมัย จนกลายเป็นกระแสหลักในที่สุด

.

แต่กระแสนี้ก็ใช่ว่าจะอยู่คงเส้นคงวา เพราะก็มีช่วงที่กระแสเฟมินิสต์และ Body Positivity พยายามฉีกกรอบเดิม ๆ แล้วหันมาเชิดชู “ความสวยที่หลากหลาย” บ้าง เช่น การรณรงค์ให้ผู้หญิงรู้สึกดีกับร่างกายตัวเอง ไม่ว่าจะมีขนหรือไม่มีขน แต่สุดท้ายโลกกระแสหลักก็ยังยึดติดกับภาพลักษณ์เกลี้ยงเกลาเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ความเชื่อว่า “ไร้ขน = สะอาด เซ็กซี่” กลายเป็นความเคยชินฝังแน่นในหลายวัฒนธรรม ในขณะที่ความเป็นจริงแล้ว “ชอบ” หรือ “ไม่ชอบ” ก็เป็นแค่เรื่องรสนิยมส่วนตัว ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้มีสูตรสำเร็จตายตัวว่าต้องโกนถึงจะดีกว่าเสมอไป!

.

(4) เอาจริง ๆ นะ… มีผลต่อการมี SEX ไหม?

หลังจากที่เราคุยกันมาหลายมุม ก็ถึงเวลาจับประเด็นเรื่องบนเตียงกันแบบตรง ๆ สักที เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่อง “โกนหรือไม่โกน” ก็มักพ่วงมากับการมีเพศสัมพันธ์ด้วย (แหมก็ที่เดียวกัน) ไปดูกันว่าการมีหรือไม่มีขนกีมีผลยังไงกับค่ำคืน (หรือกลางวัน) แสนสุขของเราได้บ้าง

“สัมผัสแนบเนื้อ” ที่แน่ ๆ เมื่อเราไม่มีขน ก็จะรู้สึกถึงผิวต่อผิวกันแบบเต็มแม็กซ์ระหว่างมีเพศสัมพันธ์หรือออรัลเซ็กซ์ หลายคนอาจจะฟีลฟินเพราะมัน “เนียนกว่า” ฟีลกู๊ดกว่า ไม่มีขนมาเป็นอุปสรรค หรือทำให้สะดุดตาจนเสียอรรถรส แต่ก็ต้องคำนึงเรื่องการเสียดสีด้วยนะ ถ้าผิว “โล้น” ซะจนไม่มีตัวกันกระแทกเลย บางคนอาจเจออาการเจ็บ แสบ แดง ระคายเคืองได้ง่ายขึ้น ยิ่งถ้าสารหล่อลื่นไม่พอหรือเคลื่อนไหวหนัก ๆ ผิวบาง ๆ บริเวณนั้นก็เสี่ยงถลอกได้ง่าย

.

“เสี่ยงโรคติดต่อทางเพศ (STIs) เพิ่มขึ้นหรือเปล่า?” หลายคนกลัวว่าถ้าโกนหรือแว็กซ์ขนจะยิ่งเปิดช่องให้เชื้อโรคเข้าไปง่ายไหม ในพาร์ตวิทยาศาสตร์ที่เราได้คุยกัน จากงานวิจัยจากวารสาร Sexually Transmitted Infections ปี 2017 ได้บอกเป็นนัยว่า คนที่ขยันโกนหรือแว็กซ์ขนบ่อย ๆ อาจมีโอกาสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สูงกว่าคนไม่ค่อยกำจัดขน เพราะถ้าโกนไม่ถูกวิธีจนเป็นแผลเล็ก ๆ หรือผิวถลอก เชื้อโรคก็จะ “สวัสดีค่ะ” เข้าสู่ร่างกายได้สะดวกขึ้น แต่ก็ใช่ว่าโกนแล้วจะต้องติดเชื้อตลอดไป หากดูแลขั้นตอนหลังโกนหรือแว็กซ์อย่างถูกวิธี (ล้างให้สะอาด ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ เลี่ยงใส่ชุดชั้นในรัดแน่นช่วงนั้น) รวมถึงมี Safe Sex อย่างถูกต้อง เช่น การใส่ถุงยางอนามัย และตรวจสุขภาพเป็นประจำ ก็ช่วยลดโอกาสเสี่ยงได้เยอะอยู่

จุดสมดุลระหว่าง ความพึงพอใจ กับ ความปลอดภัย บางคนชอบความเนียนจั๊วะเพราะรู้สึกเซ็กซี่ขึ้น พอใจตอนไม่มีขน อันนี้ก็ไม่มีใครว่าผิด แค่อย่าลืมเลือกวิธีการกำจัดขนที่ปลอดภัย ถ้าใครเลือกไว้ขน ก็ต้องหมั่นทำความสะอาดสม่ำเสมอเช่นกัน จะสระหรือเล็มขนบ้างก็ได้ ไม่ให้ยาวจนหมักหมม เพราะการที่มันอับชื้นก็อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์

.

สรุปง่าย ๆ คือ การมีหรือไม่มีขนล้วนส่งผลต่อสุนทรียภาพ และการป้องกันด้านสุขภาพทางเพศทั้งนั้น เพียงแต่หากเราเตรียมตัว เลือกวิธีที่เหมาะสม และทำความสะอาดอย่างถูกหลัก ก็ช่วยให้ช่วงเวลาบนเตียงดำเนินไปอย่างราบรื่น แฮปปี้ และปลอดภัยได้เช่นกัน

.

(5) แล้วถ้าอยากกำจัดขน… ทำไงดี? กีกี้บาง กลัวเจ็บ!

หากเป็นสายโล้นอยากกำจัด “ขนหมออ้อย” หรือขนบริเวณจุดซ่อนเร้นให้เรียบกริบ ก็ขอบอกว่าวิธีจัดการมีตั้งแต่ขั้นเบสิกยันระดับถาวรเลย

เริ่มจากการโกน (Shaving) ซึ่งเป็นวิธีฮอตฮิตและทำได้เองที่บ้าน เพียงหมั่นใช้มีดโกนสะอาดหรือเครื่องโกนไฟฟ้า โกนตามแนวเส้นขน แต่ต้องระวังมีดบาดและขนขึ้นใหม่ที่อาจคันยุบยิบอยู่สักพัก ข้อดีคือสะดวก ประหยัด แต่ข้อเสียคือขนจะงอกเร็ว ภายในไม่กี่วันต้องโกนซ้ำอยู่ดี

อีกวิธี คือ ถอนขน (Tweezing) ด้วยแหนบหรือคีม แม้จะไม่ต้องใช้อุปกรณ์ซับซ้อน แต่เจ็บเกินทนสำหรับหลายคน พอถอนเสร็จก็อาจเกิดรอยแดง ขนคุด หรือรูขุมขนอักเสบได้ง่าย

ถ้าอยากกำจัดอย่างเร่งด่วน และกำจัดเป็นวงกว้างกว่าการถอน ก็มีแว็กซ์ (Waxing) ใช้แว็กซ์ร้อนหรือเย็นทาแล้วดึงทีเดียว ขนหลุดแบบยกโขยง แต่ต้องทำใจเรื่องความเจ็บและการระคายเคือง แถมขนจะงอกกลับมาใหม่ได้อยู่ดี ไม่ได้ทำลายรากขน ส่วนสารเคมี (Depilatory) แบบครีมสลายเส้นขนก็เป็นอีกทาง ไม่ต้องดึงแต่มีความเสี่ยงแพ้หรือระคายเคืองสูง บางคนหลังใช้แล้วผิวคล้ำขึ้นเล็กน้อย เพราะสารไทโอไกลโคเลต (Thioglycolate) อาจก่ออาการแสบคัน

.

สำหรับคนที่ไม่ได้อยากดึงหรือโกนออกหมด แค่ “พราง” ให้ขนดูบางเบาเฉย ๆ ก็มีทางเลือกอย่าง ฟอกสี (Bleaching) นำสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์กับกำมะถันมาย้อมให้ขนกลืนไปกับสีผิว แต่ข้อเสียคือยังมองเห็นเส้นขนถ้ามันยาวหรือหนามาก และอาจระคายเคืองได้เหมือนกัน

สุดท้าย สำหรับคนที่อยากเห็นผลถาวร ต้องยกให้ เลเซอร์ หรือไฟฟ้ากำจัดขน (Laser & Electrolysis) ซึ่งจะจี้ทำลายเซลล์สร้างขน (Dermal Papilla) ทำให้ขนขึ้นใหม่บางลงหรือแทบไม่ขึ้นเลย ข้อเสียคือราคาและความเจ็บระหว่างทำ แถมอาจมีรอยแดงหรือผิวไหม้เล็กน้อยหลังเลเซอร์ นอกจากนี้ยังต้องทำซ้ำหลายครั้งเพื่อผลลัพธ์ระยะยาว

ไม่ว่าจะเลือกวิธีไหน ข้อสำคัญคือให้เตรียมตัวเตรียมใจ และดูแลผิวหลังทำเสมอ เช่น ทำความสะอาดแผลอย่างถูกวิธี หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้ารัดแน่น ลดความเสี่ยงแผลอักเสบหรือติดเชื้อ สรุปแล้วไม่มีวิธีใดดีที่สุดสำหรับทุกคน เพราะเราแต่ละคนก็มีงบประมาณ ระดับความทนเจ็บ ไลฟ์สไตล์ และเป้าหมายไม่เหมือนกัน เอาที่พอใจและเหมาะกับตัวเราได้เลย

.

(6) เรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่ที่เทสต์

อยากบอกว่าการ “ไว้ขน” หรือ “โกนขน” เนี่ย ไม่ได้มีใครมาตัดสินได้ว่าถูกหรือผิด เพราะเทสแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน บางคนโกนแล้วมั่นใจเบอร์สิบ เวลาอยู่กับแฟนไม่เขิน เพราะรู้สึกว่าลุคเนียน ๆ เรียบร้อยมันสบายใจดี แต่บางคนก็มองว่า “ฉันเกิดมาก็มีขนตรงนั้นอยู่แล้วนี่ จะโกนทิ้งทำไมล่ะ” แถมแฟนยังไม่ได้ว่าอะไรด้วย ทุกคนโอเคหมด ก็อยู่กันแบบธรรมชาติ ๆ เลย ตราบใดที่เราและคู่รักของเรายอมรับและรักในสิ่งที่เราเป็น ก็ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากกำจัดขนให้วุ่นวาย

สิ่งสำคัญจึงไม่ใช่ว่ามีขนหรือไม่มีขนจะดีกว่ากัน แต่คือเรารู้สึกโอเคกับร่างกายตัวเองแค่ไหน และคู่รักของเรายินดีให้เกียรติและสื่อสารกันอย่างเข้าใจหรือเปล่า เพราะโลกของเราวันนี้ ค่านิยมก็พร้อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา “ขนกี” เองก็เช่นกัน ไม่มีอะไรตายตัวว่าต้องกำจัดเพื่อสวยหรือปล่อยไว้เพื่อความเป็นธรรมชาติเสมอไป ดังนั้นจะเลือกแบบไหน สุดท้ายก็อย่าลืมเคารพเสียงหัวใจของตัวเราเองก่อนเป็นอันดับแรกนะ

.

References

Suzanne Cords, A brief history of women's public grooming (2024)

https://www.dw.com/en/womens-pubic-grooming-from-full-bush-to-brazilian/a-69872582

Women's Museum of California,The History of Female Hair Removal (2017)

https://womensmuseumca.org/the-history-of-female-hair-removal/

Venus, How Long Have Women Removed Their Hair? (2023)

https://www.gillette.co.uk/blog/for-her/how-long-have-women-removed-their-hair/?srsltid=AfmBOoqIyoDWlEoviSgKGWRMhSzxF3i-J9I_5Q-LxglOMokOiuMuj1eC

ธนชาติ จึงแย้มปิ่น, ขนหมออ้อย มีประโยชน์อย่างไร ควรโกนออกหรือไม่ (2023)

https://hellokhunmor.com/%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%82%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%9e%e0%b8%97%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%a8/%e0%b8%82%e0%b8%99%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a2-%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%82%e0%b8%a2%e0%b8%8a%e0%b8%99%e0%b9%8c%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b9%84%e0%b8%a3/

พญ. ชัญวลี ศรีสุโข, โกนขนตรงนั้น… เจ๋งหรือเจ๊ง? (2017)

https://thestandard.co/lifestyle-sex-and-relationship-pubic-hair-waxs/

.

#Wongnai #Wongnaibeauty #BeautyStory #โกนขน #ขนลับ