ย้อนกลับไปในปี 2022 เราจะเห็นว่าหลายเทรนด์เกิดขึ้นจริงจากบทความนี้ 22 Food Trends in 2022 โดยเฉพาะ Borderless Cuisine ด้วยความที่อาหารไร้ขอบเขตมากขึ้นอีก ทำให้คนกินไม่ได้สนใจแล้วว่าอาหารนั้นเป็นชาติอะไร ในปีที่ผ่านมาก็มีร้านอาหารที่เด่นเรื่องนี้เปิดตัวมากมาย แน่นอนว่าในปี 2023 ยังได้ไปต่อ หรือ Solo Dining การกินอาหารคนเดียวกลายเป็นไลฟ์สไตล์ใหม่ หรือ Cashless and QR Code Menu วัฒนธรรมโอนเงินมีในทุกร้าน รวมถึงร้านไร้เมนู
สำหรับในปี 2023 เรามองย้อนกลับไป เราว่าในบ้านเราเทรนด์อาหารมีความแตกต่างจากเทรนด์โลกประมาณหนึ่ง แต่เช่ือว่าเรื่องของ Food Sustainable จะยังคงได้รับความสนใจ แต่เพิ่มเติมในดีเทลที่คนน่าจะเข้าใจเรื่องนี้มากกว่าการงดกิน แต่ทำอย่างไรให้มีกินได้ตลอดมากกว่า ที่เราว่ามาแรงคือ ปลากระป๋อง ซึ่งความจริงได้รับความนิยมในแถบยุโรป และต่างจากในฝั่งเอเชียที่อาหารกระป๋องไม่พรีเมียมเท่า และว่ากันว่าเทรนด์ที่น่าจะยังมาแรงต่อเนื่องน่าจะเป็น หมูกระทะ ชาบู หม้อไฟ และหม่าล่า ที่มีการเม้าท์มอยไปถึงขั้นว่าคำว่า หมูกระทะ จะถูกบัญญัติในพจนานุกรมออกซ์ฟอร์ด
สำหรับในปี 2023 จะมีเทรนด์อาหารอะไรบ้าง เราจะมาเล่าให้ฟัง ลองอ่านกันดูว่าเทรนด์อาหารในปีนี้จะมีทิศทางอย่างไรกับ 23 เทรนด์อาหารที่น่าสนใจ ใครเห็นด้วยไม่เห็นด้วยคอมเมนต์กลับมาได้เลยจ้า
1Korean Innovative Wave
ปีก่อนเป็นปีของ Korean Soft Power ที่นำเอาเรื่องราวอาหารเกาหลีในมุมต่าง ๆ ออกมาสื่อสารผ่านช่องทุกทาง แต่สำหรับในปีนี้เราว่าเป็นปีของ Korean Innovative Wave อาหารเกาหลีในรูปลักษณ์ใหม่ หลายคนอาจจะเรียกว่า Fine Dining บางอาจจะเรียกว่า Innovation แต่ล้วนเป็นก้าวต่อมาของอาหารเกาหลี เราได้เห็นร้าน Juksunchae ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งเกาหลีที่ปรับโฉมอาหารจานคลาสสิกให้ดูเท่แบบคอร์สไฟน์ไดนิ่ง
แต่ก่อนหน้านั้นก็มีร้านอาหารในเกาหลีอย่าง Mingles หรือ Jungsik อาหารแนวนี้เริ่มเดินทางไปทั่วโลกผ่านเชฟชาวเกาหลีอย่าง Atomix ในมหานครนิวยอร์ก หรือร้านอาหารเกาหลีในประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ทั้ง Meta และ NAEUM หรือแม้แต่ร้าน Mosu ที่เปิดทั้งในเกาหลีและฮ่องกง ซึ่งแต่ละร้านก็ล้วนติดอันดับโลกและมีดาวการันตีกันหมด เรียกว่าเทรนด์อาหาร Korean Innovative Wave กำลังมาเลย
2Fine Dining is Sustainable
หลายคนน่าจะทราบข่าวร้ายเรื่อง noma ของเชฟเรเน่ เรสซิพี จะปิดให้บริการในฤดูหนาวของปี 2024 ด้วยประโยคที่ถูกโค้ดใน bon appetit ว่า Fine Dining Is ‘Unsustainable’ ที่ยกหลายเหตุปัจจัยมาบอกเล่าถึงสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงจาก noma 2.0 สู่ 3.0 แต่เมื่อเราเข้าไปอ่านไอเดียของเชฟเราจะพบว่า “From 2025, our restaurant will no longer exist in its current form. Instead, we will pop up in different parts of the world—including Copenhagen” เราน่าจะได้เห็น noma 3.0 ในรูปแบบที่ตระเวนย้ายป๊อปอัพไปทั่วโลก และโคเปนเฮเก้นเป็นเพียงหนึ่งในนั้น เพราะร้านอาหารเดิมจะกลายเป็น Lab R&D เปลี่ยนมากว่าปิด ซึ่งไม่แตกต่างจากร้านระดับตำนาน El Bulli โดยเชฟ Ferran Adrià ที่ปิดตัวลง ซึ่งเราว่าเคสนี้แทบจะคล้ายกับ noma เชฟไม่ได้เบื่อแต่เค้าต้องการสร้างคนรุ่นใหม่จึงปรับตัวเองไปเป็นสถาบัน เราเลยมองว่าแท้จริงแล้ว Fine Dining ไม่จำเป็นต้องเป็นร้านอาหารหรือไม่ แต่มันสามารถเป็นอย่างอื่นได้
3Singapore is Foodie Destination
คงต้องยอมรับว่า สิงคโปร์ ได้กลายเป็นเมืองแห่งอาหารของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปแล้ว แน่นอนว่าเราอาจจะดูแคลนเขาว่าไม่มีวัฒนธรรมอาหารของตัวเอง แต่แท้จริงแล้วรากเหง้าของเขาค่อนข้างชัดเจนในเรื่องการผสมผสานเอาวัฒนธรรมอาหารเข้าด้วยกัน ที่สำคัญหากเรามองย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อน สิงคโปร์ได้รับเลือกให้เป็นสถานที่จัดงานประกาศรางวัล Asia’s 50 Best Restaurant เจ้าแรกในเอเชีย หลังจากนั้นวงการอาหารและเครื่องดื่มของสิงคโปร์ก็เติบโตขึ้นอย่างมีนัยยะ กลายเป็นศูนย์รวมของร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งจองยาก หรือศูนย์รวมของศูนย์อาหาร Hawker ที่ดูแล้วต่างจากบ้านเราที่ร้านค้าแผงลอยอยู่ไม่เป็นระเบียบและถูกไล่ที่อยู่ตลอด ทำให้วัฒนธรรมอาหารข้างทางของเราไม่แข็งแรง แน่นอนว่าในปีนี้ สิงคโปร์กลายเป็นที่จัดงาน Asia’s 50 Best Restaurant อีกครั้งและมันจะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้
4Matcha Specialty
มัทฉะ หรือชาเขียว ไม่ได้ใหม่ในเมืองไทย เพียงแต่ว่าในปีที่ผ่านมาเราได้เห็นร้าน Matcha Specialty เปิดตัวกันมากขึ้น ก่อนหน้านี้เราคงได้เห็นเฉพาะ Coffee Specialty หรือเมนูมัทฉะที่มีเพื่อเสริมไว้ในทุกคาเฟ่สำหรับคนที่ไม่ดื่มกาแฟ เรียกว่ารองบ่อน แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว มีร้านที่เชี่ยวชาญเรื่องมัทฉะเปิดมากมาย
ปีก่อนเราได้เห็นสาขาของ MTCH ที่ขยายไปตามจุดต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ ไม่นับรวม Peace ที่นำหน้าไปก่อนแล้ว ที่สำคัญร้านที่เปิดใหม่ในตอนนี้ก็จริงจังในระดับที่มีตัวเลือกมัทฉะเกรดแข่งขันกันไปแล้ว แถมถามอะไรไปเจ้าของร้านก็ตอบได้ เนื่องจากความรู้เรื่องมัทฉะเริ่มแน่นขึ้น เราเลยได้เห็นร้าน Koto Tea Space, CHAEN Tea Experience, nita. bake and brew, GROW Tea Studio และ Origami ที่เพิ่งเปิดในปีนี้ เรียกว่าแรงดีไม่มีแผ่ว
5Sober Curious
ปีก่อน ๆ เราจะเห็นเทรนด์ Low AVB Cocktail เครื่องที่มีแอลกอฮอล์ต่ำ แต่ดูเหมือนว่าแค่ “ต่ำ” มันไม่เพียงพอแล้ว ต้องไม่มีแอลกอฮอล์แต่ดื่มแล้วรู้สึกถึงรสชาติเดียวกัน เมื่อไม่นานมานี้เกิดคำว่า Sober Curious ซึ่งเป็นเหมือนการขับเคลื่อนทางสังคม แน่นอนว่าไม่ใช่ในไทย พูดง่าย ๆ ว่าเจาะกลุ่มสายสุขภาพที่มองว่าเราปาร์ตี้แบบไร้แอลกอฮอล์ได้จริง และขยายกลายเป็น Sober Community ในต่างประเทศ สำหรับในเมืองไทยมี Skål : Sober Bar & Concept Store ที่เปิดให้บริการเครื่องดื่ม Sober อย่างจริงจังและครบวงจรที่สุด เมาทิพย์ได้เลยที่นี่
6Canning Fish
ปลากระป๋อง กลายเป็นเทรนด์ใหม่ของโลก หลังจากที่เกิดวีดีโอ “Tinned fish date night” ใน Tik Tok แต่นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่แท้จริงแล้ว ปลาแมคคลอเรลกระป๋อง ปลาแองโชวีกระป๋อง ปลาซาร์ดีนกระป๋อง ในยุโรป ถือว่าเป็นการถนอมอาหารรูปแบบหนึ่ง และนำมาใช้เป็นวัตถุดิบปรุงอาหาร หรือเป็นกับแกล้มกันอยู่แล้ว เราจึงเห็นว่าปลากระป๋อง หอยกระป๋อง และเครื่องกระป๋องในยุโรปไม่ใช่สินค้าราคาถูก ผู้คนเริ่มเรียกปลากระป๋องว่า “hot girl food”
สำหรับในบ้านเรามีร้านที่นำเอาปลากระป่องและเครื่องกระป๋องมาทำเป็นร้านอาหารแล้ว แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าเปิดกระป๋องและเสิร์ฟ แต่ผ่านการปรุงการครีเอตออกมาเป็นอาหารที่ดีมื้อหนึ่ง ร้านล่าสุด Mer Made ที่นำเอาปลากระป๋องนำเข้ามาต่อยอดเป็นเมนูเคียงคู่กับปลาไทย และ Mr.Kanso บาร์ที่นำเข้าอาหารกระป๋องญี่ปุ่นก็เปิดให้นั่งกินได้แล้วในจังหวัดสงขลา
7From Cheese & Charcuterie Board to Butter Board
ชีสบอร์ด กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนสั่งกลับบ้านมากขึ้นนับตั้งแต่ยุค Covid จนทำให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ร่ำรวยกันไปแล้วมากมาย รวมถึงเทรนด์ของร้านไวน์ที่เปิดตัวเรื่อย ๆ ทำให้เมนูนี้กลายเป็นหนึ่งในเมนูยอดฮิต ไม่รู้ว่าสั่งอะไรกินกับไวน์ ชีสและโคลด์คัตก็ดูเหมือนจะกลายเป็นตัวเลือกแรก ไม่เพียงเท่านั้นตอนนี้เพียงแค่มีบอร์ดไม้ไม่ว่าอะไรก็กลายเป็นเมนูนี้ได้หมด ตอนนี้ลามไปถึงบัตเตอร์บอร์ด ฮัมมุสบอร์ด และอะโวคาโดบอร์ดแล้ว
8Mookata+Suki+Mala
หมูกระทะ จะกลายเป็นศัพท์ใหม่ใน Oxford Dictionary อาจจะไม่ใช่เรื่องล้อเล่นก็เป็นได้ เพราะ “หมูกระทะ” ไม่ได้เป็นที่รู้จักเฉพาะในบ้านเรา แต่เพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ก็มีร้านหมูกระทะสักพักใหญ่แล้ว อาทิ Siam Square Mookata, New Udon Mookata Thai Food, Kin Tub Thai Mookata BBQ Steamboat ชื่อที่เราพิมพ์มานี่ยังไม่ถึงครึ่งของจำนวนร้านหมูกระทะในสิงคโปร์เลยด้วยซ้ำ
ทำไมเราว่าหมูกระทะมาแน่ ให้สังเกตว่าปีก่อน Everyday Mookata ก็ดังขึ้นมาแถมสาขาล่าสุดมาเปิดริมน้ำตรงข้ามไอคอนสยาม หรือบ้าน Nice two Meat You เองก็แตกไลน์แบรนด์อย่าง หมูกระทะคนรวย ขึ้นมากลางสยามสแควร์ ไม่นับรวมแบรนด์เตรียมเปิดใหม่ของคุณปลา Iberry อย่าง Chin Bo Dang ชิ้น โบ แดง ที่เกิดขึ้นจากแนวคิดว่า “อยากเชิดชูหมูกะทะของคนไทยให้ก้องกังวาลไกลไปทั่วหล้า”
นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ว่า สุกี้ และหมาล่าก็จะยังคงโตวันโตคืน ดูอย่างสุกี้ตี๋น้อยที่โตไวมาก ไม่นับสุกี้จินดาที่ขยายสาขาอย่างรวดเร็ว แถมระยะเวลาในการรอคิวก็ดูไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
9Borderless Cuisine
เราว่าปีนี้ Borderless Cuisine จะยังคงได้ไปต่อ เพราะกรอบนั้นได้ถูกตีแตกแล้ว เทรนด์ของอาหารไร้สัญชาติจะมาแบบเต็มตัวแบบไม่แคร์ใคร เคยคุยกับเชฟแวน ร้าน DAG ที่ทำอาหารแนวนี้มานานปี ก็รู้สึกว่าเออมันคือวันของกูแล้ว
เชื่อว่าหลายคนพยายามนิยามคำจำกัดความของอาหารที่เราไปกิน แต่แท้จริงแล้วเชฟจำนวนไม่น้อยออกตัวว่าอาหารที่ทำออกมานั้นพวกเขาไม่ได้จำกัดความมัน เพียงแต่นำเสนอ “วัตถุดิบ” ที่พวกเขาชื่นชอบผ่านกระบวนการปรุงอาหารอะไรก็ได้ที่ทำให้ “วัตถุดิบ” นั้นออกมาดีที่สุด ซึ่งเป็นแนวคิดของการทำอาหารสมัยใหม่ที่ไม่ต้องการจำกัดตัวเองอยู่ในคอนเซปต์อาหารชาติใดชาติหนึ่ง
และปีที่ผ่านมากเราก็ได้เห็นร้านอาหารแนวนี้เปิดให้บริการมากมายตลอดทั้งปี
10Pasta Alternative 2.0
พาสต้า 2.0 หรือเราจะเรียกว่า Plant-Based Pasta ก็คงได้ แต่พอฟังแล้วมันแปลกตรงที่แป้งมันมาจากพืช แต่หลายคนอาจจะลืมไปว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่แพ้กลูเต็นในแป้ง การทำพาสต้าที่ไม่มีกลูเต็นจึงเป็นเรื่องยากที่จะทำออกมาแล้วอร่อย ล่าสุดมีการนำเอาถั่วลูกไก่ ซูกินี กะหล่ำดอก มาใช้ในการทำเส้นพาสต้าทั้งทดแทนแป้ง หรือทำรูปลักษณ์ของเส้นเลยก็มี ให้สัมผัสใกล้เส้นพาสต้ามากที่สุด ซึ่งทาง Whole Foods ยังคาดการณ์ว่าเร็ว ๆ นี้เราน่าจะได้เห็นเส้นสปาเกตตีจากสควอช ยอดมะพร้าว และกล้วยดิบ
11Private Dining
หลังจากผ่านโควิด นี่คือสิ่งที่ชัดเจนที่สุดของร้านอาหารที่เกิดขึ้น ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะทดลองทำ Private Dining ในบ้านของตัวเอง บางคนก็ทำในคอนโดมีเนียม แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่านิติบุคคลของที่ไหนอนุญาตไม่อนุญาตก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่เฉพาะบ้านเราที่เทรนด์นี้มา แม้แต่ในสิงคโปร์เองเชฟจำนวนไม่น้อยก็เลือกที่จะใช้คอนโดมีเนียมในการทำมื้อไดนิ่งเล็ก ๆ เนื่องจากสามารถคุมคอร์สของวัตถุดิบและประหยัดค่าเช่าไปได้เยอะ ในบ้านเราตอนนี้มีร้านอย่าง The Pasta Apartment พาสต้าอิตาเลียน, Casa Panza อาหารคิวบา และ Bobo’s Place อาหารอิหร่าน
12Cook by Wood and Charcoal
ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับคนไทยกับการนำเอา “ฟืน” และ “ถ่าน” มาปรุงอาหาร เพียงแต่ว่าเมื่อเปิดเป็นร้านอาหาร นี่คือ Pain Point ที่ทำให้ใช้เวลาในการทำอาหารมากขึ้น แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความหอมและกลิ่นควัน และน่าสนใจว่าในช่วงนี้ก็มีร้านอาหารแนวนี้ออกมาเยอะทีเดียว เชื่อว่านี่คือหนึ่งในเทรนด์ที่อาจจะไม่ได้มาแรงแต่น่าสนใจ อย่าง ร้าน Aunglo By Yangrak เล่าเรื่องอาหารผ่านการย่างด้วยเตาอั้งโล่ TAAHRA อาหารไทยไฟน์ไดนิ่งบนถนนเจริญกรุงที่ใช้ “ถ่าน” ในการปรุง และ Choen ใช้ฟืนและไฟในการปรุง โดยเลือกไม้ที่เหมาะกับอาหาร
13Thai Fish and Fish Butchery
ความจริงแล้วเรื่องของการบุชเชอร์ปลาไทยถูกทำโดยเชฟไม่น้อยที่ได้เรียนเทคนิคแบบญี่ปุ่นในการทำ Ikejime การปลิดชีพปลา Shinkejime ทำลายระบบประสาทแบบปลายังไม่ทันรู้ตัวว่าตาย และ Dassuijime การรีดน้ำไม่ดีออกจากตัวปลาด้วยเกลือ จนมีทั้งเชฟแบล็ก Blackitch เชฟแวน DAG และร้าน Kensaku ที่นำเอาปลาไทยมาทำด้วยเทคนิคเหล่านี้อยู่แล้ว ทำให้เราได้กินปลาที่เนื้อแน่นไม่คาว
.
ซึ่งอาจารย์ของพวกเขาก็คือ Naoki Maeda นักแล่ปลาระดับตำนาน ซึ่งเขาคือทายาทรุ่นที่ 5 ของร้านขายปลา Sasue Maeda Uoten ที่เปิดมานานกว่า 60 ปี ในจังหวัดชิสึโอกะ ประเทศญี่ปุ่น โดยปกติมาเอดะซังจะลงมือทำปลาเองทุกขั้นตอนให้กับร้านต่าง ๆ เพียงแค่ 15 ร้าน และร้านส่วนใหญ่อยู่ในญี่ปุ่นเท่านั้น และเป็นร้านดังที่มีดาวและมีรางวัล The World's 50 Best Restaurants การันตี อาทิ Den, Naruse , Narisawa, Yoshitake, Miyagawa, Kiyama (kyoto) และ Ogata
.
แต่ล่าสุดมาเอดะซังได้ร่วมมือกับคุณบิ๊ก-อิทธิชัย เบญจธนสมบัติ ตัวแทนสิทธิของ Sasue Maeda Uoten ในประเทศไทย และคุณบอนด์-ธีรพัฒน์ เลิศสิริประภา Ceo ของ Kouen Group ในการส่งปลาตรงจากญี่ปุ่นมาให้ทางเครือ Kouen Group ใช้เป็นเจ้าแรก โดยจะนำไปใช้ใน Uraki และ Sushi Niwa ทำให้เราได้กินปลาที่ผ่านสุดยอดเทคนิคของมาเอดะซังในประเทศไทย
14Ramen Blooming
ขออนุญาตเรียกเหมารวมสารพัดเส้นของญี่ปุ่นว่า “ราเมง” บอกเลยว่าช่วง 2-3 ปี กระแสความนิยมของราเมงในประเทศไทยมาแรงมาก ไม่เหมือนกับยุคแรก ๆ ที่ฮาจิบัง หรือบังคาระ พยายามสร้างความเข้าใจในรสชาติราเมงแบบคนญี่ปุ่นกิน แต่สุดท้ายแล้วหลายร้านก็ต้านทานไม่ไหวปิดตัวไป คงต้องยกความดีความชอบให้กับเชฟชิน อิโนะอุอิ ที่มาสร้างกระแสของราเมงที่ขายจำกัดต่อวัน อยากกินต้องพยายาม ทำให้หลายคนเฝ้ารอ ล่าสุดนอกจาก No Name Noodles เขายังเตรียมเปิด Shoyu Stand ร้านใหม่ด้วย
ไม่เฉพาะเชฟชิน อีกแบรนด์ที่สร้างกระแสคือ Tsuru Udon ที่ปลุกประแสของเส้นหนึบให้กลัยมาอีกครั้ง ตามด้วยร้านอย่าง Shiko Udon Bar, Komugi และ Sunami แถมยังต่อยอดเปิด Kiri Tsukemen สึเคเมง เส้นจุ่มซุปอีก
15“Air Fryer” New Word from Oxford Dictionary
หม้อทอดไร้น้ำมัน กลายเป็นคำใหม่ที่ถูกบัญญัติลงใน Oxford Dictionary เมื่อปลายปี 2022 ที่ผ่านมา หลังจากกระแสของการทำอาหารได้สารพัดอย่างผ่าน Tik Tok ซึ่งก็ไม่ได้แปลความหมายอะไรหวือหวามาก Air Fryer : “a small convection oven, typically used to fry foods using very little oil”
16From Tik Tok Recipe to Restaurant Review
ช่วงล็อกดาวน์ดูเหมือนว่า Tik Tok จะดึงสมาชิกไปได้ไม่น้อย ด้วยสูตรอาหารช่วงล็อกดาวน์ที่ดูน่ากินจนกลายเป็นแอปพลิเคชันอันดับหนึ่งไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเมื่อผู้คนเริ่มออกมาใช้ชีวิต Tiktoker เองก็เริ่มปรับเปลี่ยนคอนเทนต์ที่ชวนคนออกมาใช้ชีวิตกันมากขึ้นกับการรีวิวร้านอาหาร เราลองสังเกตง่าย ๆ คน Gen Z ตอนนี้ส่งลิงก์ร้านอาหารใน Tik Tok เพื่อชวนเพื่อน พอ ๆ กับการส่ง IG Reel ชวนเพื่อนไปร้านอาหาร ซึ่งทั้งหมดก็อาจจะมาจากการปิดกั้นการมองเห็นของ Meta ทำให้ผู้คนเริ่มอพยพสู่แพลตฟอร์มใหม่กันมากขึ้น อย่าง Tik Tok ของ Wongnai เองก็โตเร็วมาก ใครยังไม่ได้ติดตามรีบด่วนเพราะเรารีวิวร้านดังไว้เยอะมาก
17Somtum is Best Seller of 2022
LINE MAN สรุปเทรนด์การกินของคนไทยผ่านการสั่งอาหารจากร้านอาหาร ตลอดทั้งปี พบว่า “ส้มตำ” ครองแชมป์ขายดีแห่งปี ขายไปแล้วกว่า 6.8 ล้านออร์เดอร์ ขึ้นแท่นเป็นเมนูแห่งชาติ
สำหรับเมนูส้มตำยอดนิยม 3 อันดับแรก ได้แก่ ตำปูปลาร้า, ตำป่า และตำไทย นอกจากนี้อาหารอีสานเมนูอื่น ๆ ได้แก่ ลาบหมู, คอหมูย่าง และน้ำตกหมู ก็ยังติด 10 อันดับเมนูขายดีเช่นเดียวกัน และยังเป็นปี Soft Power โดยคนดังรันวงการอาหารไทย อาทิ ข้าวเหนียวมะม่วง ยอดขายทะลุ 320,000 กล่อง ในรอบ 3 เดือน หลัง “มิลลิ” โชว์กินข้าวเหนียวมะม่วงบนคอนเสิร์ตระดับโลก, โรตีสายไหม ยอดขาย 3 เท่าภายใน 1 สัปดาห์ หลัง “ลิซ่า BLACKPINK” โพสต์สตอรีในอินสตาแกรม, ทุเรียน เพียง “แจ็คสัน หวัง” บอกว่าชอบกินทุเรียนก็ดันยอดขายพุ่ง 41,000 พู บน LINE MAN MART ในรอบ 1 เดือน และขนมบ้าบิ่น ขายไปแล้วกว่า 1,856,000 ชิ้น หลังบล็อกเกอร์และชาวโซเชียลรีวิวถึง
18Limited Seat & Order
กลายเป็นกระแสไปแล้วกับการจำกัดที่นั่งและจำกัดจำนวนการขายต่อวัน ไม่ใช่ว่าเป็นกิมมิคแต่เป็นเรื่องของความสมบูรณ์เรื่องรสชาติ และกำลังการผลิต ทำให้ร้านมากมายจำกัดลูกค้าที่เข้าใช้บริการ ความจริงสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมานานแล้ว อย่าง ข้าวเหนียวมะม่วง ป้าใหญ่ป้าเล็ก ที่ขายเฉพาะฤดูกาลของมะม่วง หรืออุไรห่านพะโล้ ก็ต้องจองและหมดแล้วหมดเลย แต่กระแสนี้มาแรงขึ้นเมื่อ No Name Noodle จำกัดการขายราเมงต่อวัน ความจริงทำมาตั้งแต่ 69 Rockmen ทำให้ความต้องการมากกว่ากำลังการผลิต กว่าจะจองได้กว่าจะได้กิน ทำให้กลายเป็นประสบการณ์ใหม่ของนักกินชาวไทย
19Climatarian : New Sustainable Trend
นี่คือวิถีการกินแบบใหม่ที่กำลังมา แน่นอนว่ามันถูกพูดถึงไว้ราว 1-2 ปีที่ผ่านมา แต่มันถูกตอกย้ำอีกครั้งเมื่อ New York Times นำมาพูดถึง ความหมายของ Climatarian คือ “a person who chooses what to eat according to what is least harmful to the environment” แปลกว้าง ๆ ก็คือกินอย่างระวังไม่ให้กระทบสิ่งแวดล้อม แต่ก็ดูกว้างมาก แต่สรุปง่าย ๆ ก็คือนำเอาทุกเทรนด์ที่เคยเกิดขึ้นมายำใหม่เป็นคำใหม่ประหนึ่งอาจารย์ธีรยุทธมาเอง ใจความที่ https://climatarian.com/ สรุปในวีดีโอที่มีความยาวประมาณ 2 นาที พูดถึงสาเหตุของการเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากวัวที่มากกว่าหมูและไก่ รวมถึงการขนส่งอาหาร ที่ล้วนทำให้เกิด Carbon Footprint ซึ่งเขาแนะนำว่าให้เลือกเนื้อสัตว์จากฟาร์มที่เลี้ยงแบบปล่อยอิสระ กินวัตถุดิบในท้องถิ่น กินตามฤดูกาล ให้ดีก็ปลูกกินเอง แถมยังมีคำอย่าง “Flexitarian” ที่ใหญ่กว่าการกินมังสวิรัติ ไม่จำเป็นต้องกินผัก กินปลาและเนื้อวัวได้ แต่ต้องกินอย่างสมดุล ฟังดูก็เป็นแค่เหล้าเก่าในขวดใหม่เท่านั้น
20Cook Book from Game & Manga
หลายคนน่าจะเคยเห็นคนให้ความสนใจกับเมนูอาหารในมังงะ หรือเกมส์ และพยายามดึงออกมาแกะสูตรเองมากมาย โดยเฉพาะจิบลิที่ถูกนำมาทำอวดในโลกโซเชียลอย่างจริงจัง แต่ไม่ได้แจกแจงสูตรเอาไว้ ล่าสุดมีคนทำหนังสือสูตรอาหารของจิบลิออกมา แม้ว่าไม่ใช่ Official แต่ก็เป็นแรงบันดาลใจในการทำอาหารของผู้คน เช่นเดียวกับมังงะดังอย่าง วันพีช เองก็มี Official Recipe Book ออกมา เรียกว่าเหมือนซันจิทำให้กิน แม้กระทั่ง Harry Potter หรือ Final Fantasy ก็ต่างมีคุกบุ๊กเป็นของตัวเอง แม้แต่เมนูสยองขวัญอย่าง Hannible
21Flavor of the year 2023
วัตถุดิบอาหารที่กำลังจะมาในปีนี้ตามที่ The New York Times และ Whole Foods Market เชนซุปเปอร์มาร์เก็ต ได้สรุปมามี อินทผาลัม ต้นยอปอนฮอลลี่ และสาหร่ายเคลป์ อินทผาลัม (Dates) ผลไม้ทางฝั่งตะวันออกกลางที่มีรสชาติหวานจากธรรมชาติ นอกจากการกินผลสดแล้ว ตอนนี้ได้ถูกผลิตเป็นซีรัป เครื่องจิ้ม ซอสมะเขือเทศ เหมาะสำหรับคนที่ควบคุมน้ำหนักและผู้ป่วย ต้นยอปอนฮอลลี่ (Yaupon) พืชตระกูลเบอร์รีที่พบทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และเป็นแหล่งสารคาเฟอีนตามธรรมชาติ จึงถูกใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องดื่ม สาหร่ายเคลป์ (Kelp) พืชน้ำที่เป็นแหล่งสารอาหารและแร่ธาตุ เติบโตได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใช้ปุ๋ยหรือยาฆ่าแมลง
2250 Shades of Milk
ปีก่อนนมมันฝรั่ง (Potato Milk) กลายเป็นนมทางเลือกที่นำเอามันฝรั่งมาต้มแล้วคั่นเอาแต่น้ำ มีความเป็นไปได้ว่าผู้คนจะหันมาดื่มนมที่หลากหลายมากขึ้น เพราะคนกว่า 70% เห็นความสำคัญของ non-dairy หรือ Plant-Based Milk หลังพบกลุ่มคนที่แพ้นมวัวมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นนมพืชมีผลิตภัณฑ์ที่เติบโตขึ้นอย่างน่าสนใจ
23Zero Waste & Surplus Food is Back
อาหารส่วนเกิน (Food surplus) อาหารที่เกินจากความต้องการ ไม่ใช่เรื่องของคุณภาพ หรือการเน่าเสีย แต่ด้วยความต้องการเรื่องความสวยงาม และลดความเสี่ยง ทำให้เราเลือกทิ้งมากกว่านำมากิน ผักผลไม้ที่ไม่สวยไม่ได้คุณภาพตลาด หรืออาหารกระป๋องที่หมดอายุตามระบบการผลิตแต่ความจริงยังกินได้ ทำให้อาหารเหล่านี้กลายเป็นอาหารส่วนเกิน หรือแม้แต่ขนมปังบนไลน์บุฟเฟ่ต์ที่ไม่ถูกแตะต้องหลังจบมื้อ ซึ่งมีความหมายต่างจาก ขยะอาหาร (Food Waste) ซึ่งภาคธุรกิจในประเทศไทยเริ่มสนใจเรื่องการลดขยะอาหาร ไม่ว่าจะเป็น IKEA หรือเทสโก้โลตัสที่ต่างมีแนวคิดขับเคลื่อนการลดปริมาณขยะอาหาร และนำอาหารส่วนเกินที่ยังมีคุณภาพดีไปบริจาคผ่านหน่วยงานเพื่อการกุศลอย่าง SOS (Scholars of Sustenance)
ซึ่งในปีนี้ก็มีงานใหญ่ที่เชฟรวมตัวกันเพื่อทำอาหารมื้อพิเศษ“ ZERO WASTE FOOD JAM SESSIONS”
มื้ออาหารส่วนเกินที่ช่วยแบ่งเบาภาระของโลก ซึ่ง จัด 2 วัน 18 - 19 กุมภาพันธ์ ที่ The Food School Bangkok
