#วงในบอกมา
- น้ำผลไม้ทุกชนิดที่ร้านใช้จะเป็นการสกัดเย็น เพื่อให้ได้วิตามินสูงที่สุด
- เครื่องดื่มสามารถสั่งเป็น “น้ำตาลหญ้าหวาน” แทนน้ำตาลได้
- ด้านบนของร้านจะเป็นโฮสเทลให้บริการ

วันหยุดทั้งที รีบดึงร่างกายออกจากเตียง แล้วพาน้องขาวรถมอเตอร์ไซค์ลูกรักของนายปอเทือง ออกท้าสายลมแห่งซัมเมอร์ของปี ขับเคี้ยวเลี้ยวรถออกจากที่พักไม่ทันไร น้ำมันรถยังไม่ทันหมด แต่น้ำมันเชื้อเพลิงในตัวของเราเริ่มริบหรี่ จากสภาพอากาศที่สุดแทนจะบั่นทอนพลังงาน ประจวบเหมาะกับการที่ได้เจอคาเฟ่เชียงใหม่แถวย่านวัวลายพอดี รีบพุ่งปรี่เข้าไปเพิ่มเติมความสดชื่นทันที ที่ร้าน “Green Light” เชียงใหม่ ร้านคาเฟ่น้องใหม่ เอาใจคนรักสุขภาพ

ครั้นเปิดประตูบานกระจกของร้านเข้า ลมเย็นจากแอร์ ก็ปะทะเข้าหน้าให้เย็นฉ่ำชื่นใจ และสายตาคู่นั้นของเราก็ได้ประจบกับป้ายไฟนีออนสีเขียว - แดง มีตัวหนังสือตัวโตว่า “Green Light” ซึ่งบรรยากาศภายในของร้านก็คุมธีมตามคอนเซปต์ของชื่อร้าน ทั้งร้านถูกปกคลุมด้วยสีเขียวขจี และของตกแต่ง ก็ต่างพาหยอกล้อกันได้อย่างลงตัว เหล่าบรรดาลต้นไม้น้อย ๆ ที่อยู่ตามบริเวณรอบ ๆ ช่วยทำให้เรารู้สึกสบาย นั่งชิลเพลินจนลืมตัวว่าจะสั่งอะไร เอาล่ะขอลุกไปรับเชื้อเพลิงกับเครื่องดื่มเย็น ๆ สักแก้วก่อนละกัน

เติมความสดชื่นกับแก้วแรกด้วย น้ำผลไม้สกัดเย็น ของดีของร้าน “Green Light” เชียงใหม่ อย่าง “Apple Carrot” (ราคา 70 บาท) น้ำผลไม้ของร้านจะนำไปสกัดเย็นโดยเครื่อง Cold Pressed ซึ่งจะทำให้ได้น้ำผลไม้ที่ยังอุดมไปด้วยวิตามิน รสชาติของแก้วนี้จะได้ความหวานและเปรี้ยวจากแอปเปิลทั้งลูก ผสมกับรสชาติของผลแครอทมันช่างชื่นใจสุด ๆ ไปเลย รสชาติดีแบบนี้จะหยุดแก้วเดียวคงไม่พอไปต่อกับ “Pink Lemonade” (ราคา 70 บาท) แก้วนี้เป็นการผสมผสานผักและผลไม้ได้อย่างลงตัวอย่างคาดไม่ถึง นำทีมด้วยบีทรูท ที่เป็นลีดเดอร์ทำให้แก้วออกไปสีม่วงแดง ซึ่งเราจะได้รสชาติเปรี้ยวอมหวานจากแอปเปิลสด และเลมอน ทิ้งท้ายความสดชื่นด้วยรสชาติของแตงกวาว ทุกอย่างผสมผสานกันได้ลงตัวอย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งความสนุกของเมนูสกัดเย็นนี้คือ เราสามารถมิกซ์ผักและผลไม้ได้ตามชอบเลย


นอกจากน้ำผลไม้สกัดเย็นไปแล้ว ร้าน “Green Light” เชียงใหม่ ก็ยังมีพาร์ทที่เอาใจคอกาแฟด้วยกาแฟแคปซูลกับเมนู “Almond Lake Latte” (ราคา 60 บาท) กาแฟรสเข้มข้นเต็มเมล็ด ผสมผสานเข้ากับนมรสนุ่มละมุนลิ้น ตีคู่มาพร้อมกับกลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟและอัลมอนด์ ความหวานที่พอดีทำให้ยิ่งจิบยิ่งดีต่อใจ เตรียมตัวแก้วต่อไปเลยฮะ ไป ไป ไป! “Lava Milkeshake With Espresso” (ราคา 65 บาท) มิลค์เชครสหวานกำลังดี สัมผัสของตัวเนื้อมิลค์เชค เนียนนุ่มละมุนสุด ๆ แก้วนี้จะเสิร์ฟมาพร้อมกับเอสเปรสโซ 1 ช็อต เต็ม ๆ ราดให้ผสานกับตัวมิลค์เชค จะกาแฟที่แยกชั้นสีดูสวยงาม และรสชาติทั้งหวานผสมกับรสเข้มของกาแฟลงตัวสุด ๆ


“Vanilla Milk Shake” (ราคา 65 บาท) เมนูมิลค์เชคที่ดูภายนอกอาจจะธรรมดา แต่รสชาตินั้นล้ำลึกด้วยรสชาติหวานพอดี มาพร้อมสัมผัสเนียนนุ่มของนม และกลิ่นหอมของวานิลลาฟุ้งกระจายทั่วทั้งปาก ราวกับกำลังเดินเล่นอยู่ในทุ่งดอกวานิลลา “Macha Milk Shake” (ราคา 65 บาท) เมนูที่จะทำให้ทุกคน หลุดเข้าไปอยู่ในโลกของเจ้าหนอนชีเม่โจได๊ ด้วยตัวมัจฉะมิลค์เชค ที่มีมัทฉะที่หอมเด่นชัดเจนทุกครั้งที่ดื่ม และความหวานละมุนของนม ทำเอาเราต้องกลายเป็นเจ้าหนอนน้อยตัวนั้นในสวนชาเลย


เติมความสดชื่นให้กับสายหวานต่อด้วยเมนูสมูทตี้กับ “Strawberry Mango Smoothie” (ราคา 75 บาท) สมูทตี้ที่แท็กทีมระหว่างผลไม้ 2 สี ที่เหมือนจะเข้ากันไม่ได้ แต่พอมาจับมือปรองดองกันแล้ว ก็ได้เป็นรสชาติที่ดีทีเดียว ความเปรี้ยวอมหวานแรกจะของสตรอว์เบอร์รี และปิดท้ายด้วยความสดชื่นจากมะม่วงน้ำดอกไม้ เป็นการปรองที่ชื่นใจสุด “Mix Berry Avocado Smoothie” (ราคา 75 บาท) เบอร์รีหลากชนิด นำปั่นผสมจนได้เป็นมิกซ์เบอร์รีสีม่วงสวยงาม รสเปรี้ยวหวานลงตัว ท็อปด้านบนด้วย Avocado ความหอมมันหวานบาง ๆ เมื่อกินเข้ากันแล้วมันดีต่อใจจริง ๆ นะ ลองสั่งมาดู อ้อ! ลืมบอกว่าเมนูนี้ก็สามารถครีเอทได้ตามใจชอบเลย ว่าอยากเอาอะไรผสมกับอะไร


นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูเครื่องอื่น ๆ อีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น “ชาเขียวลาเต้” (ราคา 70 บาท) ชาเขียวลาเต้ที่หอมหวานลงตัว นุ่มละมุนลิ้นด้วยนมคุณภาพดี, “นมอัลมอนด์” (ราคา 60 บาท) แก้วนี้ชื่นใจ๊ชื่นใจ ควรสั่งมาลอง!, “โกโก้” (ราคา 60 บาท) โกโก้รสเข้ม หวานขมนิด ๆ กำลังดี และเมนู “ชาไทย” (ราคา 60 บาท) ใบชาที่สกัดรสชาติของชามาจนได้ชาเข้มข้น หวาน มัน ลงตัว!

เครื่องดื่มผ่านไปหลายแก้วแล้ว เมนูขนมหวานก็ยังมี “Strawberry Nutella Toast” (ราคา 45 บาท) ขนมปังชิ้นโต ทานูเทล่าแน่นหน้า แต่งแต้มสีสันด้วยสตรอว์เบอร์รีแบบเต็มแผ่น ท็อปด้วยอัลมอนด์สไลซ์ และลูกเกด ปิดท้ายด้วยไอศกรีมหวานฉ่ำชื่นใจ “Banana Nutalla Toast” (ราคา 45 บาท) เมนูโทสต์ที่ให้ท็อปปิงมาแน่น ๆ ด้วยกล้วยหอม ท็อปด้วยวิปปิงครีม สายหวานไม่ควรพลาดเลย


ถือว่าเป็นฤกษ์งามยามดี ที่วันนี้พาเจ้าขาว เอ้ยไม่ใช่สิ เจ้าขาวต้องพาเรามาเจอกับร้านที่เติมความสดชื่น คลายร้อนได้อย่างดี แม้ว่าจะเป็นร้านนอกใหม่ในย่านนี้ แต่เราถือว่าร้าน “Green Light” เชียงใหม่ เป็นคาเฟ่เชียงใหม่ที่ต้องแวะอีกที่หนึ่งเลย ถ้าใครยังรู้สึกว่าไม่จุใจ อยากหาร้านกาแฟเชียงใหม่หรือคาเฟ่เชียงใหม่เพิ่มเติม เราแนะนำว่ากดถูกใจเพจ น้าอ้วนชวนหิว by Wongnai ไว้ มีอัปเดตให้ได้ตามกันอยูตลอดเวลาเลย
การเดินทาง
- ร้านตั้งอยู่บนถนนเส้นวัวลาย (ใช้เส้นทางถนนวัวลาย ถ้ามาจากคูเมืองฝั่งประตูเมืองเชียงใหม่ ให้วนไปรอบนอก แล้วเมื่อถึงแยกประตูเมืองเชียงใหม่ ก็เบี่ยงซ้าย ตรงไปประมาณ 400 เมตร ร้านจะอยู่ด้านขวามือ)
- เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 09.00 - 18.00 น.
- เบอร์ติดต่อ : 064 693 9635