ถือว่าเป็นแหล่งแห่งอาหารเลยก็ว่าได้ สำหรับศูนย์การค้าเซ็นทรัล ไม่ว่าเดินไปชั้นไหนก็ไม่ต้องห่วงเกี่ยวกับเรื่องอาหาร ที่น่าเป็นห่วงมากกว่าก็คือ "มื้อนี้จะทานอะไรกันดี" เพราะว่าด้วยตัวเลือกที่มีให้อย่างล้นหลามไม่ว่าจะเป็นสไตล์อาหาร หรือ ว่าตัวหน้าร้าน บางทีก็อาจจะเป็นการยากที่จะตัดสินใจเลือกอาหารมื้อเด็ดประจำวัน แต่ไม่ต้องเป็นกังวล! เพราะวันนี้วงในมีร้านเด็ดนอกสายตาถึง 3 ร้านมาแนะนำให้ทุกท่านได้ลิ้มลอง ขอแค่ให้มีความหิวเป็นตัวนำทาง รับรองติดใจจนต้องบอกเพื่อนฝูงอย่างแน่นอน!
เรามาเปิดประเดิมกันแบบเรียบง่ายแต่รับรองไม่ธรรมดาที่ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กับร้าน "Yotori" ไก่ทอดสูตรพิเศษต้นตำรับจากเมืองคุวาจิม่า ประเทศญี่ปุ่น ที่รับประกันเรื่องความกรอบสะใจ พร้อมกับรสชาติที่เข้มข้นเนื้อไก่ชุ่มฉ่ำ ยากที่จะหาใครเปรียบ ใครที่ชื่นชอบไก่ทอดแบบเข้าเลือดก็อย่าได้พลาดเชียว
"ทาโกยากิ"
"ทาโกยากิ"
และแน่นอนเมนูของร้านนี้ก็ต้องเน้นไปที่ไก่ทอดเป็นพิเศษ โดยทางร้านจะเน้นใช้เนื้อสะโพกไก่เพราะว่ามีความชุ่มฉ่ำเและเคี้ยวสนุก รสชาติเข้มข้นเหมาะที่จะนำมาทำเป็นไก่ทอดอย่างที่สุด ยิ่งเอามาผสมกับสูตรหมักสูตรพิเศษส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่นต้นกำเนิดก็จะได้ไก่ทอดที่มากด้วยเอกลักษณ์น่าลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง โดยทางร้านจะมีวิธีการนำเสนอและชูรสของไก่ทอดให้โดดเด่นในแต่ละเมนูในราคาเริ่มต้นแค่ 89 บาท มาเริ่มกันด้วยเมนูรสเข้มซอสเน้นๆอย่าง "ทาโกยากิ" ไก่ทอดกรอบๆเข้ากันได้ดีกับเครื่องและซอสของทาโกยากิ อย่างซอสเปรี้ยวสูตรเฉพาะ มายองเนสแบบญี่ปุ่นรสเข้ม โรยหน้าด้วย คัตสึโอะบูชิ หรือปลาโอแห้งฝานอย่างดี และสาหร่าย เป็นการรวมตัวที่รสชาติเข้มข้นทานได้ไม่รู้เบื่อ
"เทอริยากิ"
"เทอริยากิ"
สำหรับใครที่อยากลิ้มลองความกรอบของหนังไก่แบบเพียวๆ ก็มาต่อกันด้วย "เทอริยากิ" ซึ่งแปลตรงๆก็คือไก่ย่าง ซึ่งถึงแม้จานนี้จะเป็นไก่ทอด แต่ก็ยังแฝงด้วยลูกเล่นที่น่าสนใจ เมื่อทอดไก่จนสีทองอร่ามได้ที่ ก็นำชิ้นไก่มาสะเด็ดน้ำมัน แล้วค่อยทำการ "Aburi" หรือ เผาไฟแบบอ่อนๆเพื่อให้ได้กลิ่นย่างเตาถ่าน ออกมาเป็น "เทอริยากิ" ไก่กรอบที่ดูแสนเรียบง่ายแต่รสชาติไม่เรียบง่ายแน่นอน เพราะจะได้ทั้งความกรอบ เนื้อไก่ฉ่ำๆรสเข้ม แถมยังมีกลิ่นย่างเตาถ่านด้วยแค่คิดก็น้ำลายสอแล้ว
"กรอบแกงกะหรี่"
"กรอบแกงกะหรี่"
สำหรับใครที่รู้ตัวว่าเป็นคอแกงกะหรี่ญี่ปุ่นตัวยง ห้ามพลาดกับ "กรอบแกงกะหรี่" โดยเด็ดขาด! นอกจากสูตรหมักไก่ทอดสูตรพิเศษแล้ว แกงกะหรี่ของ Yotori ยังเป็นสูตรเฉพาะของร้านที่หอม blend เครื่องเทศเอกลักษณ์เฉพาะที่ได้มาจากคุวาจิม่าอีกด้วย เข้ากันกับไก่ทอดต้นตำรับท้องถิ่นได้อย่างลงตัวสุดๆ เรียกได้ว่าถ้าอยากลิ้มรสชาติอาหารญี่ปุ่นสูตรเฉพาะตำรับเมืองคุวาจิม่าก็ต้องมาที่ร้าน "Yotori" หากคุณเป็นคออาหารญี่ปุ่นตัวจริง ร้านนี้ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด!
หลังจากโดนไก่ทอดสูตรเด็ดกรอบนอกฉ่ำในตำรับแท้คุวาจิม่ากันกันไปแล้ว ทีนี้ก็ได้เวลาเติมเต็มกระเพาะและจิตใจด้วยอาหาร สไตล์ Japanese Comfort Food แบบฉบับคุณแม่ชาวญี่ปุ่นแท้ๆ หากใครเป็นนักชิมอาหารญี่ปุ่นตัวยง “OOTOYA” ก็น่าจะเป็นชื่อที่คุ้นเคยกันอย่างดี
"หน้าร้าน"
"บรรยากาศภายในร้าน"
บรรยากาศภายในร้านให้ความรู้สึก cozy กะทัดรัด อบอุ่นราวกับได้มานั่งรับประทานอาหารในบ้านสไตล์ญี่ปุ่นแสนสบายโดยทางร้านจะใช้ไม้โทนสีน้ำตาลที่ไม่อ่อนและไม่ทึบจนเกินไปรวมถึงการเล่นแสงที่มีการ balance ระหว่างแสงสว่างและเงาอย่างสมดุลย์
“คัตสึโทจิ”
มานั่งทานในบ้านแบบญี่ปุ่นทั้งที อาหารที่เสิร์ฟ ก็ต้องเป็นสไตล์ Japanese Home-cooking ที่เน้นเรื่องคุณภาพของวัตถุดิบ ปรุงแบบเรียบง่ายและเอาใจใส่เพื่อดึงรสชาติที่แท้จริงของวัตถุดิบเหล่านี้ให้เด่นชัด มาเปิดประเดิมกันแบบจัดหนักด้วย “คัตสึโทจิ” (a-la-carte 229 บาท/ set 289 บาท) หมูทอดทงคัตสึทำจากสันนอกคุณภาพจาก S-Pure ชิ้นโตเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำรสชาติกลมกล่อมไร้ซึ่งกลิ่นคาว ตุ๋นอย่างรวดเร็วพร้อมน้ำซอสโชยุสูตรพิเศษใส่ไข่คนรสชาติกลมกล่อมตบหน้าอีกทีด้วยไข่ออนเซ็นนุ่มๆไข่แดงเยิ้มๆ ทานพร้อมกันรับรองฟิน! ตบท้ายด้วยผักมิซูน่า ช่วยตัดเลี่ยนและเพิ่มความสดชื่นให้กับต่อมรับรสระหว่างรับประทาน
“ปลาชิมะฮอกเกะย่างถ่าน”
อาหารทะเลของ “OOTOYA” ก็น่าสนใจไม่แพ้กันเลยทีเดียวเพราะวัตถุดิบทั้งหลายล้วนแต่เป็นของ Import คุณภาพจากญี่ปุ่นจึงได้ทั้งความสดใหม่และรสชาติที่เข้มข้น ใครที่ชื่นชอบปลาย่างก็ต้องชิม “ปลาชิมะฮอกเกะย่างถ่าน” (a-la-carte 299 บาท/ set 359 บาท) เป็นปลาน้ำเย็นที่จับได้ในทะเลเบริงซึ่งอยู่ระหว่างประเทศรัสเซียและอเมริกาเหนือ จึงมีเนื้อแน่นรสชาติเข้มข้นและอุดมไปด้วยวิตามินดี และแคลเซียม ย่างเตาถ่านไฟกำลังดีจนสุกกำลังดีจึงได้กลิ่นหอมเตะจมูกมาแต่ไกลปรุงด้วยเกลือชั้นเยี่ยมเพื่อดึงรสธรรมชาติออกมาให้ถึงที่สุด วิธีทานก็แค่ใช้ตะเกียบหรือช้อนส้อมจิกตรงปลายกระดูกสันหลังตรงกลางตัวปลาแล้วค่อยๆรูดออก ด้วยความที่ย่างมาแบบสุกกำลังดี กระดูกจึงร่อนออกค่อนข้างง่ายดายเผยให้เห็นเนื้อสีขาวแน่นๆ รสสัมผัสชุ่มฉ่ำ แค่คิดก็อยากลิ้มลองแล้ว ทานพร้อมกับสาหร่ายฮิจิกิปรุงรส หรือ หัวไชเท้าขูดสดๆหวานฉ่ำก็ยิ่งได้อรรถรส
"ข้าวหน้าปลามากุโระ"
ใครที่รู้ตัวว่าเป็นคอปลาดิบอย่าได้พลาดกับ "ข้าวหน้าปลามากุโระ" (a-la-carte 309 บาท/ set 339 บาท) ที่ใช้เนื้อปลาทูน่าสดๆในส่วนที่เป็น Akami หรือเนื้อแดงไร้ไขมันคัดพิเศษ โดยทางครัวจะทำการสไลด์เนื้อปลาแบบมืออาชีพ ทุกๆครั้งที่มีออเดอร์เข้าครัว แช่ในซอสโชยุปรุงพิเศษสดๆเดี๋ยวนั้นเพื่อรสชาติที่สดใหม่สมบูรณ์แบบ ทานพร้อมข้าวซูชิปรุงด้วยน้ำส้มสายชูสูตรพิเศษ กับแตงกวาและต้นหอมญี่ปุ่นสไลด์บางๆก็ยิ่งทวีคูณความสดชื่นขึ้นไปอีก
"เต้าหู้สดเย็น และ สลัดมันฝรั่ง"
ยังไม่พอ จะลิ้มรสของ “OOTOYA” ให้ถึงที่สุดก็อย่าลืมที่จะสั่ง side dish อาหารเครื่องเคียงทำสดๆแบบวันต่อวันอย่าง "เต้าหู้สดเย็น" (79บาท) เนื้อเนียนหวานธรรมชาติทานพร้อมขิงสดยิ่งได้ความหวานเพิ่มขึ้นปนเผ็ดนิดๆสดชื่นยิ่งนัก หรือจะเป็น "สลัดมันฝรั่ง" (69บาท) มันฝรั่งที่ต้มจนสุกได้ที่บดรวมกับ ไข่ต้ม แตงกวาสดกรอบๆ และ แครอทต้มหวานธรรมชาติ พร้อมมายองเนสสูตรพิเศษประจำร้าน จึงได้รสชาติที่หอมหวานเป็นเอกลักษณ์รสสัมผัสเต็มอิ่มแบบสุดๆ หากสั่งแบบเป็นเซ็ทก็จะมี ซุป ผักดอง และอาหารเคียงประจำวัน ซึ่งเมนูทุกอย่างล้วนทำกันแบบสดๆ เพราะทางร้านยึดหลักการปรุงอาหารของคุณแม่ชาวญี่ปุ่น ที่พิถีพิถันในทุกๆรายละเอียดเพื่อให้ทุกๆคนในบ้านได้รับประทานของที่อร่อยที่สุด ใครที่ได้มาลิ้มลองก็เป็นต้องติดใจ
อิ่มเปรมกันจนเกือบแน่นท้องกันแล้ว มายืดเส้นยืดสายเดินย่อยอาหารลงรถไฟฟ้าไต้ดิน บึ่งมาที่เซ็นทรัลพลาซา พระราม 9 มาเติมช่องว่างกระเพาะให้เต็มอิ่ม ด้วยของหวานเพื่อสุขภาพแสน healthy อย่าง frozen yogurt แบรนด์ชื่อดังระดับโลกอย่าง "Pinkberry" ซึ่งมีต้นกำเนิดที่นคร ลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ตอนนี้มีกว่า 265 สาขาทั่วโลก
"รสธรรมชาติ"
ความพิเศษของโฟรเซนโยเกิร์ตของที่นี่ ก็คือ texture ที่เนียนนุ่มแบบเบาๆ รสชาติโยเกิร์ตสดใหม่เข้มข้น มีความสมดุลย์ระหว่างเปรี้ยวและหวาน ตบท้ายด้วยรสมันนิดๆ ซึ่งนี่คุณสมบัติของโฟรเซนโยเกิร์ตที่ผสมแบบสดใหม่วันต่อวันจึงไม่แปลกเลยที่ใครต่อใครทั่วโลกชื่นชอบ "Pinkberry" และยกให้เป็นโฟรเซนโยเกิร์ตอันดับ 1 ของโลก และที่สำคัญปราศจากไขมันด้วย มีให้เลือกถึง 5 รสด้วยกัน ใครที่พึ่งมาทานเป็นครั้งแรกเราขอแนะนำให้ลิ้มลอง "รสธรรมชาติ" (สามารถเลือกขนาดได้ตั้งแต่ เล็ก 99 บาท ไปจนถึงไซส์ใหญ่สุดที่ 175 บาท)
"รสทับทิม"
ส่วนใครที่อยากเพิ่มสีสันทั้งรสชาติและกลิ่นให้เป็นผลไม้ ก็สามารถลิ้มลอง "รสทับทิม" ได้ รับประกันความสดใหม่แบบจริงจังเพราะทางร้านใช้น้ำทับทิมคั้นสดๆผสมกับ โฟรเซนโยเกิร์ต เพื่อให้ได้รสชาติแบบธรรมชาติของทับทิม กลิ่นหอมสดชื่น
"รสซอลท์ คาราเมล"
นอกจากรสหวานเปรี้ยวสดชื่นแล้วก็ยังมีรสชาติ หวานฉ่ำเข้มข้นเค็มปะแล่มๆอย่าง "รสซอลท์ คาราเมล" ให้ลิ้มลองอีกด้วย ใครที่ชื่นชอบรสหวานมันปนเค็มนิดๆในแบบฉบับคาราเมลห้ามพลาด
"มีท๊อปปิ้งให้เลือกอย่างหลากหลาย"
และเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับประทานโฟรเซนโยเกิร์ตให้ได้อรรถรสฟินสดชื่นให้มากยิ่งขึ้น "Pinkberry" จึงมีท๊อปปิ้งให้เลือกสรรกว่า 30 ชนิด ซึ่งมีทั้งผลไม้สดๆคัดพิเศษหั่นเต๋ากับมือแบบวันต่อวัน กราโนล่ากรุบกรอบสไตล์คลีนๆแบบธรรมชาติ และอีกเพียบ
ยังไม่พอ! สำหรับเดือนนี้ "Pinkberry" ยังมี Promotion พิเศษไม่ว่าจะเป็นส่วนลดหรือซื้อ 1-แถม-1 ต่างก็คุ้มค่าน่าสนใจ ติดตามทุกๆการเคลื่อนไหวได้ผ่าน facebook ของ Pinkberry ได้ ที่นี่
มาแนะนำมีร้านเด็ดนอกสายตาถึง 3 ร้านแบบเจาะจงเสียขนาดนี้ ใครที่รู้ตัวว่าเป็นนักชิมก็ต้องเกิดความอยากรู้อยากรับรสกันบ้างแล้ว รีบบึ่งมาที่เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว หรือเซ็นทรัลพลาซา พระราม 9 แล้วมาลิ้มลองเมนูเอกลักษณ์น่าค้นหาของ 3 ร้านนี้กันได้แล้ว!
