ถ้าพูดถึงเดอะแบกใน “Squid Game 2” คงต้องนึกถึงตัวละครใหม่ ที่โดดเด่นเข้าตาแบบมงลงอย่าง “โจฮยอนจู” ออนนี่ทรานส์สุดสตรอง ที่ไม่เคยกลัวการออกโรงจัดการปัญหาต่าง ๆ ตบปากแม่หมอก็ทำมาแล้ว หรือจะสอนเหล่าชายแทร่ให้ใช้ปืนแบบมือโปรก็ทำมาแล้ว แต่กว่าที่ออนนี่จะกล้าหาญได้ขนาดนี้ เรื่องราวเบื้องหลังของการเป็นทรานส์ในเกาหลีใต้ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเลยนะเออ
เมื่อฝันสุดท้ายของออนนี่ ในการเอาชนะเกมเสี่ยงตายครั้งนี้ เพื่อรวบรวมเงินก้อนโตไป “ผ่าตัดแปลงเพศ” ที่ไทยให้เสร็จ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เรื่องนี้เลยเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ทำให้หลายคนหยิบยกมาพูดคุยกัน การที่ออนนี่มองว่าหมอไทยนี่แหละคือ “สวรรค์” ของคนทรานส์ เลยทำให้เกิดคำถามตามมาว่า ทำไมถึงเลือกบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาที่นี่ หมอไทยเราเก่งระดับนั้นจริงหรือ? Beauty Story Ep.นี้ พามาดูกันค่ะ
.
(1) อดีตหน่วยรบพิเศษสายหวาน ทำไมถึงอยากหนีมาไทย?
ใน Ep. 5 ผู้เล่นหมายเลข 120 ‘โจฮยอนจู’ ออนนี่ก็ได้เปิดเผยให้เราได้รู้กันว่า เคยเป็นอดีตทหารกองกำลังพิเศษมาก่อน คนดูอย่างเรานี่นั่งตบเข่าฉาดเลย มันต้องอย่างนี้สิ สู้เขาสิวะอีหญิง! แต่ในทางกลับกันแล้ว ถ้าย้อนไปในช่วงนั้น ชีวิตการเป็นทหารของออนนี่อาจไม่ง่ายเท่าไร
การเป็นทหารเกาหลีใต้เป็นเรื่องซีเรียส และจริงจังสุด ๆ เพราะเป็นหน้าที่พลเมืองชายทุกคนที่ต้องทำ แต่สำหรับคนที่มีอัตลักษณ์ทางเพศไม่ตรงกับเพศกำเนิด (Transgender) นี่คือความลำบากที่หลายคนแทบจะต้องซ่อนตัวตน หรือเจอแรงกดดันขั้นหนัก ถึงขั้นต้องออกจากกองทัพกลางคัน ซึ่งเกาหลีใต้ยังเป็นสังคมที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม เคสจริงจากกรณีจริงของ “บยอน ฮุย-ซู” (Byun Hui-su) ทหารเกาหลีใต้ที่เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศในไทย แล้วถูกกองทัพสั่งปลด โดยอ้างว่าการเปลี่ยนแปลงสรีระ ทำให้ “ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้”
.
คุณบยอน ฮุย-ซู ได้กล่าวว่า “ฉันจะต่อสู้จนกว่าจะถึงวันที่ฉันได้รับใช้กองทัพต่อไป... ฉันจะอุทธรณ์คำสั่งให้ถึงที่สุด ไปถึงศาลสูงสุด” และเธอเคยคาดหวังว่าจะยังทำงานในฐานะ “ทหารหญิง” ได้ แต่สุดท้ายกลับถูกปลดออก เนื่องจากกองทัพระบุว่า “ไม่มีกฎเกณฑ์สำหรับทหารข้ามเพศ” นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริง จะเห็นได้ว่าการที่เรายืนหยัดในตัวตนของตัวเอง ช่างเป็นเรื่องที่ยากลำบากเหลือเกินในประเทศนี้
.
ตัดกลับมาที่ ฮยอนจูออนนี่ ที่ได้สะท้อนให้เราได้เห็นบางส่วนของเรื่องราวเหล่านี้ “ยิ่งเป็นตัวเอง ยิ่งใช้ชีวิตลำบากมากขึ้น” การที่ครอบครัวไม่ยอมรับ การที่ถูกผู้เล่นคนอื่น ๆ ตั้งคำถามอยู่เสมอถึงการเป็นทรานส์ ซึ่งสะท้อนว่าสังคมเกาหลีเองยังไม่ค่อยเปิดกว้างมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นบุคลิกใจดีของออนนี่กลับสร้างมิตรภาพใหม่ ๆ ได้ในเกมเสี่ยงตายนี้ แถมยังย้ำจุดยืนอีกว่า “ฉันอยากจะผ่าให้ครบ จบที่ไทย” เพราะหวังว่าจะเจอโอกาส และชีวิตใหม่ที่เหมาะกับตัวเองมากกว่า
.
(2) ไทยนี่แหละ ตัวแม่ด้านศัลยกรรมแปลงเพศ
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าประเทศไทยติดโผท็อปด้าน Medical Tourism เป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชีย และของโลก โดยเฉพาะเรื่องการ “แปลงเพศ” หรือ GRS (Gender Reassignment Surgery) ทั้งฝั่ง M-to-F (ชายเป็นหญิง) และ F-to-M (หญิงเป็นชาย) เรามีศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ยาวนาน และมีการพัฒนาเทคนิคการผ่าตัดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสมัยนี้ทำกันแบบละเอียดยิบ ตั้งแต่เทคนิคการเก็บแผลให้สวย ไปจนถึงการใช้เนื้อเยื่อส่วนอื่นของร่างกาย (เช่น ลำไส้) เพื่อสร้างความลึกและความชุ่มชื้นให้ใกล้เคียงกับของผู้หญิงจริง ๆ มากที่สุด
ที่สำคัญคือ ค่าผ่าตัดในไทยอาจ “คุ้มค่ากว่า” เมื่อเทียบกับหลายประเทศ อย่างตะวันตกที่มีค่าครองชีพสูงลิบ หรือแม้แต่เกาหลีใต้เองที่ราคาก็ไม่ใช่ย่อย บวกกับคิวรอนาน ในไทยบางแห่งยังมีแพ็กเกจ “ครบวงจร” ตั้งแต่ตรวจร่างกายก่อนผ่า จนถึงพักฟื้นหลังผ่า แถมมีล่ามหรือเจ้าหน้าที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้สบาย ๆ นี่จึงไม่แปลกเลยที่ “ฮยอนจูออนนี่” จะวางใจเลือกบินมาไทยเพื่อให้ฝันแปลงเพศเป็นจริง
.
แม้เราอาจจะไม่ได้เป็นยูโทเปียสำหรับคนข้ามเพศเต็มร้อย แต่ภาพลักษณ์ไทยในสายตาคนนอก เป็นประเทศที่ผู้คน “คุ้นเคย” กับการปรากฏตัวของสาวประเภทสอง หรือ LGBTQIA+ เช่น สาวประเภทสองในทีวี รายการต่าง ๆ การประกวดนางงาม แถมยังมี Influencer หรือดาราข้ามเพศที่โด่งดังในกระแสหลัก อาจทำให้ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวทรานส์ รู้สึกว่า “อย่างน้อยที่นี่ก็มีพื้นที่ให้เรามากกว่าที่บ้านตัวเอง”
พอยิ่งนำไปเปรียบเทียบกับบางประเทศที่ยังมีแนวคิดอนุรักษ์นิยมสูง หรือมีกฎหมายเข้มงวดจนคนทรานส์ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไทยเลยดู “ผ่อนคลาย” และเป็นกันเองมากกว่าสำหรับใครหลายคน แน่นอนว่าเรายังต้องพัฒนา หรือผลักดัน เรื่องการยอมรับอีกเยอะ แต่สำหรับ “ฮยอนจูออนนี่” ที่อาจมองว่าแค่มีสังคมที่ไม่ตามบูลลี่เธอทุกฝีก้าว ก็นับว่าเป็น “บ้านอีกหลัง” ที่อยู่ได้อย่างสบายใจแล้ว
.
และอีกข้อดีเด็ดของไทย คือการเป็นจุดหมายท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) อันดับต้น ๆ ในเอเชีย ซึ่งรวมถึงการทำศัลยกรรมใหญ่ หรือเล็กทุกชนิด ไปจนถึงสปา นวด และโปรแกรมฟื้นฟูหลังการผ่าตัด แถมค่าครองชีพของบ้านเราก็ยังไม่สูงลิ่ว เมื่อเทียบกับประเทศฝั่งตะวันตก ทำให้ใครที่ “มาผ่า” สามารถแพลนทริปแบบคุ้ม ๆ ทั้งพักฟื้น เที่ยวทะเล เช็กอินคาเฟ่สวย ๆ ได้ในทริปเดียว เมื่อทุกปัจจัยรวมกัน ไทยเลยเป็น “ตัวเลือกในฝัน” สำหรับใครที่อยากแปลงเพศ และต้องการสภาพแวดล้อมที่โอบรับตัวตนของเราอย่างปลอดภัย!
.
(3) ฟรีที่บ้าน ทำไมบางคนยังยอมจ่ายเงินแพงในไทย?
ในหลายประเทศทั่วโลก อย่างอาร์เจนตินา สวีเดน มอลตา เนเธอร์แลนด์ หรือหลายมณฑลในแคนาดา ขอบอกเลยว่ามีบริการ “ผ่าตัดแปลงเพศฟรี” ในระบบประกันสุขภาพของรัฐกันเลยทีเดียว! งานนี้คนข้ามเพศมีโอกาสเข้าถึงการรักษาได้ง่ายขึ้นแบบไม่ต้องจ่ายกระเป๋าฉีก หายห่วงเรื่องต้องไปกู้ยืมเงินก้อนโต หรือขายสมบัติให้เครียด เพราะรัฐเขาจัดสวัสดิการมาช่วยซัพพอร์ตเต็มที่ แต่ทุก “ของฟรี” แบบนี้ก็มักจะมาพร้อมเงื่อนไขยิบย่อย เช่น ต้องผ่านการประเมินจิตวิทยาหลายรอบ เทคฮอร์โมนเป็นเวลานาน และคิวยังยาวเหยียดมาก เพราะการแปลงเพศไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในหมวด “เร่งด่วน” แถมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ยังมีน้อย เมื่อเทียบกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น จึงไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าถึงการผ่าตัดได้รวดเร็ว
และแม้บางประเทศจะเปิดให้แปลงเพศได้ในระบบประกันสุขภาพ แต่อาจจำกัดอยู่ที่เทคนิคพื้นฐาน เช่น “Penile Inversion” (กรณีผ่าตัดจากชายเป็นหญิง) ซึ่งหลายคนมองว่ายังมีข้อเสียเรื่องความลึก หรือความชุ่มชื้นของช่องคลอด แตกต่างจากเทคนิคระดับสูงที่ไทยได้พัฒนาแล้วหลายแห่ง เช่น การใช้ลำไส้ หรือเนื้อเยื่ออื่น ๆ เพื่อให้ใกล้เคียงร่างกายเพศหญิงมากที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ครอบคลุมในสวัสดิการรัฐ
.
ครั้นจะไม่อยากรอนาน จะข้ามไปใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนในยุโรป หรืออเมริกา ค่าใช้จ่ายก็สูงกว่าที่ไทยถึง 3 - 4 เท่า บางครั้งยังมีค่าพักฟื้น ค่าหัตถการเสริม และค่าห้องพักสุดหรูเพิ่มเติม กลายเป็นงบบานปลายไปอีก ยิ่งถ้าทำหลายรายการควบคู่กัน (เช่น แปลงเพศ + เสริมหน้าอก) คูณค่าใช้จ่ายเพิ่มไปได้อีกหลายเท่าตัว
แต่ แต่… ไม่ใช่ทุกคนที่อยากแปลงเพศ แบบ 100% สำหรับบางคน แค่ได้เปลี่ยนคำนำหน้า (Mr. เป็น Ms. หรืออื่น ๆ ) ไม่ต้องผ่าตัดก็พอใจแล้ว ซึ่งในบางประเทศ เช่น เดนมาร์ก อนุญาตให้ทำได้แบบถูกกฎหมายเลย แปลว่าไม่ใช่ทุกคนจะต้องผ่าตัดใหญ่เสมอไป แต่ถ้าคนไหนสนใจผ่าจริง และเจาะจง “เทคนิคที่สะดวกใจ + ราคาเหมาะสม” ก็จะลงเอยที่ไทยบ่อย ๆ
.
(4) Squid Game 2 สะท้อนอะไร? นอกจากความระทึกขวัญ!
การ “เดิมพันชีวิต” ของโจฮยอนจู ที่ยอมเข้าร่วมเกมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ก็เพราะชีวิตจริงมันตีบตันไร้ทางไป เธอเลยอยากได้เงินก้อนใหญ่มาจัดการกับร่างกายที่เธอฝันถึงมานาน ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่า บางคนใน LGBTQIA+ อาจต้องดิ้นรนมากกว่าคนอื่น ๆ หลายเท่า แค่จะได้เป็นตัวเองยังต้องเสี่ยงชีวิต… ฟังดูเศร้านะ
คุณฮวัง ดงฮยอก (Hwang Dong-hyuk) ผู้กำกับและผู้เขียนบทซีรีส์เรื่องนี้ เคยให้สัมภาษณ์ว่าตัวละครอย่าง
“อาลี” ในซีซั่นแรกเป็นตัวแทนของคนชายขอบในเกาหลี (อาลี เป็นแรงงานข้ามชาติ) ส่วนในซีซั่นที่ 2 นี้ เขาต้องการสะท้อนว่า ยังมี “คนชายขอบ” อีกกลุ่มที่ถูกกดดันในสังคมเกาหลี นั่นคือกลุ่มเพศหลากหลาย (Gender Minority) โดยเฉพาะคนข้ามเพศ ซึ่งยังไม่ได้รับการยอมรับมากเท่าที่ควร
.
ตัวละคร “ฮยอนจู” เลยถูกวางบทบาทมาเพื่อสะท้อนสถานะ และปัญหาที่คนข้ามเพศต้องเผชิญในชีวิตจริง โดยเฉพาะในเกาหลีใต้ แต่การจะทำได้จริงนั้นยากยิ่งกว่า ผู้กำกับได้เล่าว่าตอนแรกอยากหานักแสดงที่เป็นคนข้ามเพศตัวจริงมาเล่นบทนี้ เพื่อความสมจริง แต่ในวงการเกาหลียังไม่มีนักแสดงที่ “เปิดตัวว่าเป็นทรานส์” ให้เลือกมาก (รวมถึงกลุ่ม LGBTQIA+ และอื่น ๆ ) เพราะสังคมยังไม่ค่อยยอมรับ จึงเป็นเรื่องสะเทือนใจสำหรับเขาที่รู้ว่านี่คือปัญหาโครงสร้างในสังคม ที่ถึงแม้จะเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น แต่ก็ยัง “ไกล” จากคำว่าเท่าเทียมแบบสมบูรณ์
.
ในที่สุดจึงได้ “พัคซองฮุน” (Park Sung-hoon) นักแแสดงชายเจ้าของบท พ่อน้องเยซอล จากซีรีส์ดัง The Glory เข้ามาเป็นออนนี่ในครั้งนี้ จากการที่ได้เห็นผลงานด้านการแสดงมาตั้งแต่เดบิวต์ เขาเลยเชื่อมั่นเต็มที่ว่าพัคซองฮุน จะถ่ายทอดบทสาวข้ามเพศออกมาได้อย่างลึกซึ้งแน่นอน
.
(5) คนไทยว่าไงดีล่ะ
ลองชวนมาคิดกันเล่น ๆ ว่าถ้าที่ไทยมี Squid Game และมีเหล่าพสทรานส์เข้าร่วมด้วยน่าจะบันเทิงน่าดู เพราะทุกคนได้เป็นตัวเองเต็มที่ และเพราะคนไทยแปลว่าอิสระ เชื่อเลยว่าจะต้องมีหลายสายเลยแหละ ทั้งสายบู๊ สายวางแผน สายซัพพอร์ต ก็คงจะดุเด็ดเผ็ดมัน และสวย ๆ เก๋ ๆ ไปอีกแบบ เพราะเราเจอคนข้ามเพศในสื่อ และชีวิตประจำวันมาเยอะพอควร
.
แต่ถึงอย่างนั้น แม้เราจะมีภาพจำในสายตาต่างชาติว่า “สวรรค์ของสาวสอง” แต่ในชีวิตจริง เรายังคงรอการรับรองสิทธิทางกฎหมาย เช่น การสมรสเท่าเทียม หรือการแก้กฎหมายเพื่อให้คนข้ามเพศเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อได้อย่างถูกต้อง คนทรานส์บางส่วนยังถูกกีดกันในการทำงาน บางคนเจอการบูลลี่ในโรงเรียน ทำให้เห็นว่าเราไม่ได้เป็น
“ยูโทเปีย” ขนาดนั้น ในส่วนนี้ยังต้องผลักดันกันอีกเยอะเลย และถ้าหากวันหนึ่งกฎหมายสมรสเท่าเทียมเริ่มบังคับใช้ นอกจากจะเป็นหลักประกันสิทธิให้คนในประเทศแล้ว ยังส่งผลบวกต่อ “Medical Tourism” และชื่อเสียงด้าน GRS ด้วย เพราะเมื่อกฎหมายรองรับจริง ๆ ชาวต่างชาติจะยิ่งมั่นใจว่า ไทยเป็นมิตรกับ LGBTQIA+ แบบ “จัดเต็ม” ไม่ใช่แค่พูดปากเปล่า
.
(6) ไทย ไม่ใช่ยูโทเปีย แต่คือ “ทางเลือก” ที่จับต้องได้
สำหรับฮยอนจูออนนี่ “ประเทศไทย” อาจเป็นที่ที่ช่วยเติมเต็มความฝันของเธอให้สมบูรณ์ หลังผ่านการผ่าตัดใหญ่ เธออาจจะใช้ชีวิตอย่างผู้หญิงเต็มตัว ไม่ต้องคอยซ่อนเร้นเหมือนในบ้านเกิด แม้ไทยจะไม่ เพอร์เฟกต์ 100% แต่ก็มีโอกาสสูงที่เธอจะเจอสังคมที่เปิดรับมากกว่า และใช้ชีวิตได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ไทยเรายังคงต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่องในการปรับปรุงกฎหมายและค่านิยม เพื่อไม่ให้มีใครถูกกีดกันเพียงเพราะ “ไม่ตรงกับเพศกำเนิด” จะให้ดีควรเริ่มตั้งแต่ระบบการศึกษา และการรณรงค์เพื่อความเข้าใจในเพศวิถี หากเราทำได้ครบวงจร ตั้งแต่การมีกฎหมายคุ้มครอง ไปจนถึงการทำให้คนในสังคมเคารพกันอย่างแท้จริง จนถึงตอนนั้น “ภาพจำ” ว่าไทยเป็นแดนสวรรค์ของคนทรานส์ ก็จะไม่ได้อยู่แค่ในซีรีส์ แต่จะกลายเป็นความจริงที่จับต้องได้
.
การแปลงเพศอาจเป็นเรื่องใหญ่ที่หลายคนยังเข้าไม่ถึง แต่สำหรับเรา “ความงาม” ไม่ใช่แค่เรื่องการมีจมูกโด่งสวย ผิวเป๊ะ หรือหุ่นดีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการที่คนคนหนึ่งได้เป็นตัวเองในแบบที่พอใจ ได้มีชีวิตในร่างกายที่สอดคล้องกับ “หัวใจ” อย่างแท้จริง ถ้าเราเชื่ออย่างนั้นได้ ก็เท่ากับว่าเราได้สนับสนุน “ความงาม” ในทุกรูปแบบอย่างแท้จริง
.
References:
ใยรัก ชุติอังกูร, “ฉันตั้งใจจะไปประเทศไทย” โจฮยอนจู ตัวละคร LGBTQIA+ เล่าถึงเหตุผลการเข้าร่วม Squid Game 2 (2024)
https://thestandard.co/squid-game-2-lgbtqia-quote/?utm_source=chatgpt.com
Taylor Henderson, Squid Game creator explains why season 2 featured a trans character (2024)
https://www.out.com/gay-tv-shows/squid-game-season-2-trans-character-casting-process-explained
Rathatip Khamnurak, เมื่อประเทศไทยถูกยกให้เป็น ‘พื้นที่ปลอดภัย’ ของชาว LGBTQ+ ผ่าน Squid Game 2 และอีกหลายซีรีส์ดัง (2024)
https://ellethailand.com/thailand-is-the-new-lgbtq-s-destination-in-squid-game-2-and-more/
BBC ไทย, ทหารข้ามเพศเกาหลีใต้เตรียมฟ้องกองทัพหลังถูกปลดเพราะแปลงเพศ (2020)
https://www.bbc.com/thai/international-51212383
ไทยรัฐออนไลน์, 'ท่องเที่ยวเชิงการแพทย์' โอกาสเศรษฐกิจไทย กับความท้าทายที่ต้องเร่งปรับตัว (2024)
https://www.thairath.co.th/scoop/theissue/2756870
ลงทุนแมน, ท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ของไทย เป็นอันดับ 4 ของโลก (2023)
https://www.longtunman.com/44962
Thai PBS, จะงามต้องไปเกาหลี แปลงเพศต้องมาเมืองไทยความเจ๋งของหมอไทย | ดูให้รู้ Dohiru [CC] (2024)
https://youtu.be/pnA59qQKqcg?si=Ab-GQC5WSHsucL2C
The Opener, ประเทศที่มี ‘สวัสดิการแปลงเพศฟรี’ แต่ทำไมคนกลับหนีมาทำที่ไทย? (2024)
.
#Wongnai #WongnaiBeauty #BeautyStory #SquidGameSeason2 #HyunJu120 #แปลงเพศ