การหาร้านแฮงค์เอาท์กับกลุ่มเพื่อนหลังเลิกงานนั้น กว่าจะหาร้านที่ลงตัวทั้งราคา สถานที่ อาหาร และบรรยากาศได้นั้น คงต้องลองผิดลองถูกกันไปเรื่อย ๆ แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว เพราะความลงตัวถูกรวบรวมอยู่ที่ร้าน In'taste Music restaurant เป็นที่เรียบร้อย
เครียดเรื่องงานมาทั้งวัน หลายคนเลือกวิธีการผ่อนคลายด้วยการนัดเหล่าเพื่อนสนิท ไปนั่งคุยกับตามร้านนั่งชิลล์ แต่เราเคยสังเกตกันไหมว่า บางร้านเสียงดนตรีก็ดังเกินไป จนต้องตะเบ็งเสียงคุยกันจนเจ็บคอ บางครั้งแอบมีความคิดว่าไม่รู้จะเรียกว่าไปหาความสุข หรือไปเพิ่มความทุกข์กันแน่
ผมเองก็เป็นคนหนึ่งทีเจอปัญหานั้นบ่อย ๆ จนพาลไม่อยากเข้าสังคมกับเพื่อนฝูงเลย แต่การมาร้าน In'taste Music restaurant ย่านเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทราในครั้งนี้ ได้เปลี่ยนความคิดของผมไปอย่างสิ้นเชิง เพราะดนตรีเพราะ อาหารอร่อย แถมราคาก็สมเหตุสมผลอีกต่างหาก
เหตุที่ร้านนี้มีความเด่นเรื่องดนตรี นั้นเป็นเพราะร้านนี้เป็นร้านของครอบครัวศิลปิน อีกทั้งหนึ่งในหุ้นส่วนร้านก็เป็นศิลปินในวงการบันเทิง จึงทำให้พิถีพิถันเรื่องเฟ้นหานักดนตรีที่มีคุณภาพ ในแนวดนตรีอะคูสติกโมเดิร์นที่มีความสนุกสนาน แฝงด้วยความโรแมนติค ฟังสนุก แต่ไม่หนวกหู จึงไม่รบกวนการคุยกันของลูกค้า
ส่วนทางด้านอาหารก็มีดีไม่น้อยหน้ากัน เพราะได้นำวัตถุดิบจากต่างประเทศ กับวัตถุดิบของไทยมาผสมผสานกัน จนเกิดเป็นความลงตัวระหว่างเมนูอาหารไทยกับอาหารทานเล่น หรือกับแกล้มของญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว ทำให้ลูกค้าได้กินอาหารในแบบที่ไม่ซ้ำใคร
เราเริ่มต้นเมนูรองท้องด้วยการสั่งเมนู กุ้งย่างใบชะพลู (180 บาท) มองครั้งแรกหน้าตาเหมือนกุ้งห่อสาหร่ายของญี่ปุ่น แต่ทางร้านได้เปลี่ยนเป็นใบชะพลูมาย่าง ทำให้ได้รสชาติหอมสมุนไพร ด้านบนราดด้วยซอสวาซาบิสูตรพิเศษที่ทางร้านได้ปรับปรุงสูตรให้ไม่ฉุนเกินไป เพื่อให้ถูกปากคนไทยโดยเฉพาะ
ตามด้วยเมนู สปาเก็ตตี้เมนไตโก๊ะ (220 บาท) หนึ่งในเมนูยอดฮิตจากประเทศญี่ปุ่น ที่นำเส้นสปาเก็ตตี้มาผัดด้วยไข่ปลาเมนไตโก๊ะนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น หลังจากนั้นโรยด้วยสาหร่ายทะเล ทำให้ได้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากสปาเก็ตตี้แบบยุโรป คือ มีความเค็มของไข่ปลา ไม่เลียนจนเกินไป แนะนำให้กินขณะที่เสิร์ฟใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มความอร่อย
หรือจะสั่งเป็น ปลาช่อนลุยสวน (350 บาท) ปลาสดใหม่ที่แม่ครัวพิถีพิถันคัดไซส์ และเกรดเป็นอย่างดีก่อนจะนำไปทอด จึงทำให้ได้เนื้อปลาหวาน อร่อย หลังจากนั้นจึงโรยด้วยสมุนไพรต่าง ๆ และราดด้วยน้ำราดสูตรเด็ดของทางร้าน ที่ให้รสชาติกลมกล่อม ครบรส
ส่วนใครที่เป็นคนชอบกุ้ง ก็ไม่ควรพลาดเมนู กุ้งแม่น้ำราดซอสมะขาม (290 บาท) เป็นอันขาด ด้วยความสดใหม่ของกุ้ง บวกฝีมือการทอดจนเหลืองน่ากิน ราดด้วยซอสมะขามครบรส สุดเพอร์เฟ็ค อร่อยจนต้องขอสั่งเพิ่ม
ส่วนนักดื่มที่กำลังหามองหากับแกล้มชั้นยอด ผมขอแนะนำ ยำโชการะ (150 บาท) เมนูที่นำปลาหมึกดองสไตล์ญี่ปุ่นมายำกับพริก กระเทียม มะนาว ในแบบบ้านเรา แนะนำให้กินปลาหมึกดองพร้อมกับแตงกวา จะรู้สึกได้ถึงความกรุ๊บกรอบปลาหมึก และรสชาติจี๊ดจ๊าดถึงใจ
ทีเด็ดยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะทางร้านยังคัดสรรเมนูเนื้อย่างให้เลือกสองสไตล์ ได้แก่ สไตล์ไทย คือ ริบอายจิ้มแจ่วกระทะร้อน (290 บาท) เนื้อริบอายหมักสูตรพิเศษประจำร้าน ย่างร้อนๆบนกระทะ ทำให้กรอบนอกนุ่มใน เพียงแค่ลิ้นสัมผัสก็รู้สึกได้ถึงความหวานกลมกล่อม จิ้มกับน้ำจิ้มแจ่วที่ผสมผสานระหว่างความเผ็ดของพริก และความเปรี้ยวของมะนาว กินสนุกปากที่สุด
หรือจะเลือกสั่งเป็น สไตล์ญี่ปุ่น คือ สเต็กเนื้อริบอาย มายองเนสไข่กุ้ง (320 บาท) ที่ใช้เนื้อริบอายหมักด้วยเกลือแบบแดนอาทิตย์อุทัย ก่อนจะนำมาย่าง และเสิร์ฟใส่จานอย่างดี กินคู่กับน้ำจิ้มมายองเนสไข่กุ้ง ที่ให้รสชาติเปรี้ยว พร้อมไข่กุ้งที่เพิ่มสีสันให้กับเมนูนี้
นอกจากนี้ทางร้านยังมีเครื่องดื่มจำพวก Cocktail ชั้นเลิศไว้ค่อยไว้แอลกอฮอลิกได้ลิ้มลองกันอีกด้วย เริ่มจาก In'Taste Paradise (180 บาท) ซิกเนเจอร์ของทางร้าน สีฟ้าสดใสที่ได้จากบลูโคลอสโซ่ลิเคียวร์ ประดับประดาสัปปะรดหั่นบาง เสิร์ฟด้วยแก้วสูง ทันทีได้กินรู้สึกถึงความนุ่มของส่วนประสม มีรสหวานจากน้ำผลไม้ มีรสขมเล็กน้อยจากกอร์ดอนจินผสมกับน้ำมะนาว และจะค่อย ๆ ร้อนซู่ซ่า แต่ไม่แรงมาก ดังนั้นผู้หญิงก็ดื่มได้นะครับ
เครื่องดื่มอีกตัวที่ขาดไม่ได้คือ Magarita (150 บาท) สีขาวขุ่นสุดเข้มข้น เสิร์ฟในแก้วค๊อกเทล ปากแก้วแต่งหน้าด้วยเกลือ รสชาติหวานกลมกล่อม แต่แอบร้อนแรงด้วยส่วนผสมของเทล่า เตกีล่าผสมครองต์โทร์ เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบการดื่มเป็นชีวิตจิตใจ
เพลิดเพลินทั้งดนตรี แถมมีดีที่อาหารแบบนี้ คงเพียงพอที่จะทำให้คุณมีความสุข จนต้องแวะกลับมาที่ In'taste Music Restaurant อีกรอบอย่างแน่นอน
Facebook : www.facebook.com/intastemusic