Kabocha Sushi ทุก ๆ ครั้งที่ได้กลับมาที่ร้านนี้ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นและประทับใจกลับไปทุกครั้ง เพราะแต่ละครั้งที่มาเราจะได้สัมผัสเรื่องราวมากกว่าการมากินอาหาร ทั้งวัตถุดิบแต่ละฤดูกาล และเมนูใหม่ที่ทางร้านคัดสรรมาให้ลิ้มลอง แถมยังมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่มอบความคุ้มค่าให้เสมอ ๆ เรียกได้ว่าเป็นมากกว่าร้านอาหารจริง ๆ
และสิ่งที่เชื่อว่าทุก ๆ คนหรือแฟน ๆ ของร้าน Kabocha Sushi คงสัมผัสได้ และทำให้รักแบรนด์นี้ไม่ต่างกันก็คือความพิถีพิถัน และความใส่ใจที่ทางร้านได้ตั้งใจส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้กับลูกค้าทุกคน เพราะที่นี่ทำอาหารด้วยความรัก เพื่ออยากให้ทุกคนได้กินของที่ดี และจ่ายได้ในราคาที่ไม่แพง
การคัดเลือก “วัตถุดิบ” ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ของร้านอาหารญี่ปุ่น ทางร้าน Kabocha Sushi นั้น จึงให้ความสำคัญและพิถีพิถันในการเลือกสรรวัตถุดิบเป็นอย่างมาก ทางร้านจึงได้เดินทางไปที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อไปเสาะหาวัตถุดิบจากฟาร์มญี่ปุ่นแท้ ๆ แล้วส่งตรงมาที่ร้านเลย จึงทำให้วัตถุดิบของทางร้านนั้น สด ใหม่ และได้คุณภาพดีอย่างแน่นอน แถมทางร้านยังมีปลาสายพันธุ์พิเศษ หากินได้ยาก นำเข้ามาขาย จะเป็นปลาสายพันธุ์พิเศษที่เราจะเห็นในร้านโอมากาเสะเป็นส่วนมาก แต่ทว่าร้าน Kabocha Sushi นั้นมีให้เพื่อน ๆ ได้มาลิ้มลองในราคาย่อมเยา เข้าถึงได้แน่นอน!
ต้องขอบอกเลยว่าวัตถุดิบของทางร้าน Kabucha Sushi ส่วนมากนั้นจะนำเข้ามาเกือบทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นข้าวญี่ปุ่น เครื่องปรุง หรือวัตถุดิบต่าง ๆ แต่มีอีกหนึ่งไฮไลต์ของทางร้านที่มีความพิเศษก็คือ ในอาหารเกือบจะทุกจานของทางร้านจะใช้ดอกไม้ที่มีสีสันสวยงามตกแต่งลงไปบนจานอาหารด้วย เป็นดอกไม้ที่นำเข้ามาจากโครงการอิโดโอริ เป็นดอกไม้ที่ผู้สูงอายุปลูกในเมืองคามิมัสซึ ฟูกูชิม่า เป็นดอกไม้ที่สามารถกินได้และช่วยเสริมรสชาติของอาหารอีกด้วย
ไม่รอช้า เราขอเริ่มที่เมนูแรกกันก่อนเลย วันนี้เราโชคดีมาก ๆ ที่เข้ามาในวันที่มีปลามาลงพอดี ทำให้มีปลาสด ๆ สายพันธ์พิเศษที่หากินได้ยากในร้านทั่ว ๆ ไป ให้เลือกหลากหลายมาก วันนี้เราได้ลอง “ปลาอิโตโยริ” (490.-) เป็นปลาตามฤดูกาล เนื้อหวาน เด้ง ไร้กลิ่นคาว มาพร้อมน้ำซอสพอนสึรสเปรี้ยว ให้จิ้มกินกัน กินแล้วสดชื่นมาก หากเพื่อน ๆ มาเป็นครอบครัว หรือมากับเพื่อนฝูง เราขอแนะนำให้สั่งเป็นตัว จะคุ้มมาก ๆ หรือมาน้อยก็สามารถสั่งเป็นแบบซูชิ หรือซาชิมิก็ได้เหมือนกัน
“Shirako” เมนูหากินยากที่ไม่ค่อยหาได้ในร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไปสักเท่าไหร่ เมนูนี้เป็นอสุจิปลาทาระ หรือปลาคอด เป็นของดีประจำฤดูหนาว รสชาติมัน ๆ ทางร้านเอาไปย่างบนเตาถ่านเล็กน้อยทำให้มีความหอมเพิ่มขึ้น บอกเลยว่าเมนูนี้ต้องมาลองกันให้ได้เลย
และต้องห้ามพลาด! กันเมนู “Sashimi Set B” (800.-) เซ็ตนี้คุ้มค่ามาก ๆ เพราะมีทั้ง แซลมอน ท้องปลาแซลมอน ทูน่า ฮามาจิ หอยปีกนก กุ้งหวาน และอูนิอีกด้วย!
หากใครอยากกินอิ่มครบจบในจานเดียว เราขอแนะนำเมนู “Don” ของทางร้าน ที่ต้องห้ามพลาดเป็นอันขาดต้องเป็นเมนูนี้เลย “Salmon Zuwai Don” (680.-) ข้าวหน้าก้ามปูหิมะ รสหวานฉ่ำเนื้อแน่น เสิร์ฟมาพร้อมกับแซลมันสับสุดฟิน! หรือจะเป็นเมนู “Chirachi Baradon x Kanimiso” (423.-) ข้าวหน้าปลาดิบหลากหลายชนิดที่นำมาหั่นเต๋า เสิร์ฟมาคู่กับคานิมิโซะ เข้ากันสุด ๆ และต้องห้ามพลาด “Special Otoro Don” (550.-)
อีกหนึ่งเมนูพิเศษที่ต้องลอง “Kani Miso Yaki” (285.-) คานิมิโซะสูตรเด็ดของทางร้าน นำมาย่างบนเตาถ่าน ท็อปด้านบนด้วยเนื้อปูหิมะ บอกเลยว่าเมนูนี้เป็นส่วนผสมที่ลงตัวกันมาก ๆ และเมนู “Fantastic Roll” (560.-) โรลแซลมอนที่ถูกเบิร์นจนหอมกรุ่นท็อปด้านบนด้วยปลาไหลญี่ปุ่น ฟังกราส์ และอูนิ สายพันธุ์บาฟุน บอกเลยว่าเมนูนี้เป็นทีเด็ดที่ต้องลองจริง ๆ
เอาใจสายปลาดิบกันต่อด้วย! “Honmaguro Sushi Set” (จาก 770.- พิเศษเพียง 490.-) เนื้อปลามากุโร่สามส่วน ที่คัดมาแต่ส่วนที่ดีที่สุด! Otoro หรือส่วนท้องของปลา บอกเลยว่าคำนี้แทบละลายในปาก กินแล้วต้องอยากขอเบิ้ลอีกสักคำเลย! และส่วนของ Chutoro เป็นเนื้อส่วนที่ถัดจากท้อง เป็นส่วนที่มีไขมันน้อยทำให้เราได้รสสัมผัสของเนื้อปลาจริง ๆ ต้องขอบอกเลยว่าเนื้อปลาสดมาก ๆ และไม่มีกลิ่นคาวเลยสักนิด แถมทางร้านแร่มาให้แบบชิ้นใหญ่จุใจมาก ฟินสุด ๆ
และ “Sashimi Set C Special” (จาก 1,200.- พิเศษเพียง 890.-) ซาชิมิแล่ชิ้นหนาเต็มปากเต็มคำ มาทั้งแซลมอน แซลมอนโทโร อิกุระ อากามิ โอโทโร และหอยเชลล์เนื้อหวาน แต่ละชิ้นเมื่อได้สัมผัสแล้วแทบละลายในปากไปเลย เนื้อนุ่มแน่นฟินมาก ๆ ก่อนจะจากกันไปขอทิ้งท้ายด้วย “Nippon Sashimi Set 2” (จาก 1,800.- พิเศษเพียง 1,400.-) จัดเต็มให้ฟินจุก ๆ ด้วยซาชิมิหลากชนิด และแน่นอนว่าแต่ละอย่างทางร้านก็แล่มาชิ้นหนาเต็มปากเต็มคำเช่นเดิม ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยล่ะ!
อย่างที่เห็นกันว่าร้าน “Kabocha Sushi” นั้น ให้ความสำคัญกับรสชาติ คุณภาพ และวัตถุดิบสดใหม่เพื่อให้ได้รสชาติที่แท้จริง แถมยังตั้งราคาคุ้มค่าไม่แพงจนเกินไป หากใครที่กำลังมองหาร้านอาหารญี่ปุ่นคุณภาพ และพิถีพิถัน ใส่ใจในการทำอาหารในทุก ๆ ขั้นตอน เข้มข้นเรื่องการคงรสชาติให้เป็นมาตรฐานอย่างดีที่สุด พร้อมการบริการน่าประทับใจ คงต้องแวะมาลองกันสักหน่อยแล้ว รับรองว่าจะมากี่ครั้งก็จะได้ทั้งรอยยิ้มและความประทับใจกลับไปแน่นอน :)
การเดินทาง
ร้าน Kabocha Sushi ตั้งอยู่ปากซอยลาดพร้าว 19 ใกล้กับสี่แยกรัชดา-ลาดพร้าว การเดินทางที่ง่ายที่สุดก็คือนั่ง MRT รถมาลงที่สถานีลาดพร้าว เดินออกทางออกที่ 3 สามารถเดินไปถึงร้านได้เลย หรือจะเลือกไปสาขาใกล้บ้าน ใกล้ออฟฟิศก็สะดวกนะ เพราะว่ามี หลายสาขาทั่วกรุงเทพฯ เลยล่ะ