#วงในบอกมา
- ทางร้านอาหารไทย “Khao (ข้าว)” พร้อมให้บริการทั้งรูปแบบ A la carte, Chef Table และ Catering
- ทุกเมนูครีเอตโดย “เชฟวิชิต มุกุระ” เชฟระดับประเทศผู้มากประสบการณ์ในแวดวงอาหารมายาวนานกว่า 40 ปี
- เชฟวิชิตบอกว่า “รสชาติอาหารไทยโบราณ ไม่ใช่รสชาติที่เผ็ดนำ แต่เป็นรสชาติที่ครบรส กลมกล่อม อีกทั้งมีกลิ่นอายของสมุนไพรเป็นเอกลักษณ์”
เชื่อว่าหากพูดถึงข้อดีประเทศไทย หลาย ๆ คนคงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “อาหารไทย” คือสิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเราภูมิใจ และอวดเพื่อนชาวต่างชาติได้อย่างเต็มปากว่าบ้านเรามีดี! วันนี้พวกเราชาว Wongnai จึงตั้งใจมาที่ร้านอาหารบริเวณเอกมัยซอย 10 “Khao (ข้าว)” ร้านอาหารไทยโดยเชฟวิชิต มุกุระ ผู้มากประสบการณ์ในแวดวงอาหารมายาวนานกว่า 40 ปี อีกทั้งเชฟตั้งใจทำร้านนี้ขึ้นมาเพื่อนำเสนอเอกลักษณ์ และเสน่ห์ความเป็นไทย โดยเน้นคอนเซปต์ที่ชัดเจนคือ อาหารไทยโบราณแบบแท้ ๆ จากวัตถุดิบที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี
สำหรับการตกแต่งร้านอาหารไทย "Khao (ข้าว)" หากสังเกตดูดี ๆ นอกจากบรรยากาศที่อบอุ่น สบาย ๆ จากโทนไม้สีอ่อน สีครีมและสีขาว ทางร้านยังออกแบบถึงดีเทลเล็ก ๆ อาทิ เก้าอี้นั่งที่มาจากไม้สาน หรือภายนอกร้านบริเวณหน้าต่างที่เป็นไม้ขัดกันก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากยุ้งข้าวและฉางเกลือ
เริ่มต้นมื้อสุดพิเศษด้วย “กุ้งแชบ๊วยผัดพริกเหลืองกับสตอ” (340 บาท) กุ้งแชบ๊วยตัวสีส้ม ผัดกับเครื่องปรุงพริกเหลือง กะปิ กระเทียม และพริกขี้หนู โดยเชฟจะทำการคลุกเคล้าเครื่องปรุงทั้งหมดให้เป็นเนื้อเดียวกัน จุดเด่นของจานนี้คือไม่มีกลิ่นเหม็นเขียวของสะตอมากวนใจเลยค่ะ สามารถกินได้แบบแซ่บ ๆ หอม ๆ เลยล่ะ
ตามด้วย “แกงคั่วสับปะรดกุ้งแม่นำ้” (กุ้งธรรมดา 340 บาท, กุ้งแม่น้ำ 480 บาท) ทางร้านมีการคัดและนำเข้ากุ้งแม่น้ำไซส์ใหญ่ทุกวัน อีกทั้งเลือกสับปะรดพันธุ์ห้วยมุ่นที่โดดเด่นด้วยความหวานฉ่ำ เมื่อนำมารวมกับแกงคั่วแล้ว รสชาติเปรี้ยวอมหวานจากสับปะรด และความเข้มข้นของพริกแกงคั่วจัดว่าได้รสชาติที่เข้ากันอย่างลงตัว
“ยำเนื้อย่างองุ่น” (420 บาท) นำเนื้อคุณภาพดีมาย่าง พร้อมนำเอาสมุนไพรพื้นบ้านมาชูโรง อาทิ ใบสะระแหน่ ตะไคร้ กระเทียม และพริกมาทำเป็นน้ำยำ จากนั้นเลือกใช้องุ่นไร้เมล็ดมาเพิ่มรสชาติหวานฉ่ำ ถือเป็นอีกเมนูที่เมื่อมาเยือนแล้ว ต้องลองให้ได้
สำหรับใครที่ชอบกินเมนูปลา ขอแนะนำ “ปลากะพงทอดกระเทียมและขมิ้น” (480 บาท) ทางร้านคัดสรรปลากะพงสด จากนั้นนำมาหมักด้วยสูตรลับเฉพาะและนำไปทอดด้วยน้ำมันร้อน ๆ จนเหลืองกรอบ เสิร์ฟมาคู่กับน้ำปลารสชาติเข้มข้น โดยวิธีการกินคือตักราดทีละคำ เพื่อให้ได้สัมผัสรสชาติน้ำปลาและเนื้อปลาอย่างเต็มที่
ต่อด้วยเมนูตามฤดูกาล “ยำมะยงชิด” (320 บาท) มะยงชิดห่าม ๆ นำมาปลอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้น จากนั้นยำด้วยสูตรพิเศษ ได้ความเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด ครบรสสไตล์ไทย จากนั้นนำไข่แดงมาทอดเป็นเทมปุระลาวา ถือเป็นเมนูที่เลือกใช้ผลไม้มะยงชิดมาทำเป็นเมนูยำแล้วลงตัวได้อย่างไม่น่าเชื่อ ใครชอบกินมะยงชิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจะต้องหลงรักเมนูนี้อย่างแน่นอนค่ะ
ปิดท้ายด้วยของหวานแบบไทย ๆ ที่เชฟวิชิตคิดค้นมาได้แกรนด์สุด ๆ “สังขยานำ้ตาลไหม้กับหวานเย็นส้ม” (260 บาท) สังขยาสูตรโบราณ ที่นำมาทำให้สุกบนน้ำตาลไหม้ด้วยไฟ 87 องศา เพื่อให้เนื้อสังขยา นุ่ม เนียน รสชาติหวานน้อย เมื่อได้หวานเย็นส้มเข้ามาตัด จะได้รสชาติเปรี้ยวตัดหวานอย่างลงตัว เป็นการกินสังขยาที่แปลกใหม่แต่ติดใจจนต้องบอกต่อ! อีกเมนูของหวานที่อยู่คู่ชาวไทยมายาวนาน “บัวลอยไข่เค็ม” (160 บาท) แค่ยกมาเสิร์ฟก็ได้กลิ่นกะทิของถ้วยนี้ลอยมาแต่ไกล โดยเชฟใช้น้ำมะพร้าวอ่อนมาทำเป็นน้ำกะทิ จึงทำให้ได้กลิ่นหอมควันเทียน และรสชาติกลมกล่อมของไข่เค็มที่คลุกในน้ำทุกคำ เคี้ยวกินกับบัวลอยเนื้อหนึบตอนร้อน ๆ ทุกอย่างละมุนไปทั่วทั้งปาก ไม่แปลกใจเลยค่ะที่เมนูนี้ถึงครองใจทุกเพศทุกวัย
เรียกได้ว่าเป็นการรังสรรค์แต่ละเมนูด้วยการดึงเอาเอกลักษณ์วัตถุดิบแต่ละชนิดมาปรุงให้ได้รสชาติแบบไทย ๆ ออกมาได้อย่างลงตัว น่าชื่นชมจนต้องแชร์เลยล่ะค่ะ สำหรับใครสนใจอยากมาชิมรสมือเชฟวิชิต มุกุระ สามารถมาลิ้มลองกันได้เลยที่ร้านอาหารเอกมัย “Khao (ข้าว)” โดยร้านเปิดทุกวัน 2 ช่วงเวลา คือ 12:00 - 14:30 น. และ 18:00 - 22:30 น. สามารถโทรสำรองจองโต๊ะได้ที่เบอร์ 0-2381-2575, 098-8298878 และ LINE : @Khao
การเดินทาง
ร้านอาหารเอกมัย “Khao (ข้าว)” ตั้งอยู่ที่ ซ.10 กรุงเทพฯ สามารถเดินทางได้โดยรถยนตร์ส่วนตัว โดยทางร้านมีบริการที่จอดรถให้ฟรีค่ะ และสามารถเดินทางได้โดยรถไฟฟ้า BTS เอกมัย จากนั้นต่อรถมาไม่เกิน 10 นาทีค่ะ :)