กฎจักรวาล 12 ข้อ ช่วยเปลี่ยนมุมกลับ ปรับมุมมองชีวิตให้ดีขึ้น
  1. กฎจักรวาล 12 ข้อ ช่วยเปลี่ยนมุมกลับ ปรับมุมมองชีวิตให้ดีขึ้น

กฎจักรวาล 12 ข้อ ช่วยเปลี่ยนมุมกลับ ปรับมุมมองชีวิตให้ดีขึ้น

กฎแรงดึงดูด กฎแห่งกรรม กฎจักรวาล ที่ก่อให้เกิดสิ่งต่าง ๆ อย่างเป็นหตุและผลบนโลกใบนี้ กฎจักรวาลมีอะไรบ้าง? มาดูกัน
writerProfile
21 ส.ค. 2022 · โดย

กฎจักรวาล 12 ข้อ เชื่อว่าเป็นกฎที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง และมีความเชื่อมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นความเชื่อในเชิงปรัชญา เพื่อทำให้เราเข้าใจความเป็นไปของโลก และช่วยปรับมุมมองของเราให้เข้าใจโลกมากขึ้น รวมถึงกฎแห่งกรรมตามความเชื่อในศาสนาพุทธ และกฎของแรงดึงดูดที่ไลฟ์โค้ชชอบเอามาใช้บ่อย ๆ ก็มีรวมอยู่ในกฎแห่งจักรวาลทั้ง 12 ข้อนี้ด้วยเช่นกัน  

กฎจักรวาลทำงานอย่างไร?

นิโคลา เทสล่า เคยกล่าวไว้ว่า “If you want to find the secrets of the universe, think in terms of energy, frequency and vibration.” (ถ้าอยากค้นหาความลับของจักรวาล ให้คิดในแง่ของพลังงาน ความถี่ และการสั่นสะเทือน) ซึ่งร่างกาย ความคิด และอารมณ์ของคนเรา ก็ถือว่าเป็นพลังงานที่มีความถี่และความสั่นสะเทือนในตัวเอง จักรวาลมีตรรกะเหตุผลและความสมดุล ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นพลังงานที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และเกิดขึ้นอย่างเป็นเหตุเป็นผล พลังงานหรือเอเนอร์จี้ที่สูงกว่า จะไม่จับคู่ หรือตกลงไปในพลังงานที่ต่ำกว่า สิ่งที่จะสามารถเปลี่ยนพลังงานของเราให้ดีขึ้นได้ ก็คือการปรับเปลี่ยนความคิดและการ กระทำของตัวเราเอง หรือที่เราเคยได้ยินกันบ่อย ๆ ว่าให้เริ่มต้นที่ตัวเองนั่นแหละค่ะ ซึ่งการที่เราจะเปลี่ยนตัวเองให้ถูกทาง และได้ผลลัพธ์ที่ดี ก็ต้องมีการเรียนรู้ เข้าใจ และต้องปรับตัวให้เข้ากับกฎของจักรวาล 12 ข้อ ที่เป็นคล้าย ๆ สัจธรรมของชีวิตนั่นเอง

ประโยชน์ของการใช้กฎของจักรวาล

ทางฝั่งตะวันตก เชื่อว่ากฎจักรวาล จะช่วยเปลี่ยนความคิดและเอเนอร์จี้ของเราให้ดีขึ้น เป็นแนวทางในการพัฒนาตัวเองทางหนึ่ง ที่ทำให้เราได้รับสิ่งที่เราต้องการได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรายได้ที่ต้องการ ความรักที่ดี ครอบครัวที่อบอุ่น หรือการรายล้อมไปด้วยสังคมที่ดี และทำให้เรารู้สึกมีความสุข และความสงบจากภายใน กฎแห่งจักรวาลนั้น มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

กฎจักรวาล 12 ข้อ ช่วยเปลี่ยนมุมกลับ ปรับมุมมองชีวิตให้ดีขึ้น

กฎจักรวาล 12 ข้อ ช่วยเปลี่ยนมุมกลับ ปรับมุมมองชีวิตให้ดีขึ้น กฎแห่งกรรม กฎแห่งแรงดึงดูด

1. กฎแห่งเอกภาพ (The Law of Divine Oneness) - ทุกอย่างล้วนเชื่อมโยงกัน

กฎแห่งเอกภาพเป็นกฎหลักในกฎจักรวาล 12 ข้อ เชื่อว่าทุกสิ่งบนโลกนั้นเชื่อมโยงกัน และไม่มีอะไรแยกจากกันอย่างแท้จริง ทุกความคิด คำพูด หรือการกระทำของเรากับคนอื่น มีความเชื่อมโยงกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เช่น พลังแห่งความรัก พลังของความสามัคคีและความผูกพันธ์ที่เชื่อมโยงผู้คนเอาไว้โดยไม่มีการแบ่งแยกทางเชื้อชาติ ศาสนา และเพศ ความรักเป็นแรงสั่นสะเทือนและพลังงานที่สูงที่สุด ส่วนความเกลียดชังเป็นแรงสั่นสะเทือนที่หนาแน่นที่สุด

  • วิธีปรับใช้กฎแห่งจักรวาล: กฎนี้ เป็นกฎที่เน้นเรื่องความสงบสุขภายในจิตใจของเรา ด้วยความเชื่อว่าเราทุกคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล ให้ค้นหาว่าตัวตนที่แท้จริงของเราเป็นใคร ชอบทำอะไร พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มีความรักในสิ่งที่ทำ รักตัวเอง รวมถึงสามารถแบ่งปันความสุขและความรักนั้นให้แก่คนรอบข้างได้ หัดมีความเห็นอกเห็นใจแก่ผู้อื่นโดยไม่มีการแบ่งแยก เคารพคนอื่นและมองอย่างเข้าใจว่าทำไมเขาถึงเป็นแบบนั้น ช่วยสร้างความสงบสุขภายในจิตใจ โดยไม่มีการแก่งแย่งชิงดีกับคนอื่น มีแต่การแข่งกับตัวเองเพื่อพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น และทำให้มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม

2. กฎแห่งการสั่นสะเทือน (Law of Vibration) - ทุกอย่างมีความถี่จำเพาะที่เหมาะสม

ตามกฎของฟิสิกส์ กำหนดว่าอนุภาคในทุกสถานะของสสารมีการเคลื่อนที่คงที่ ทุกอย่างเคลื่อนไหวและมีความถี่และความสั่นสะเทือนในตัวเอง ซึ่งแรงสั่นสะเทือนก็คือความคิดและอารมณ์ของเรา กฎนี้ เชื่อว่าความคิดและอารมณ์ของเรา สามารถส่งแรงสั่นสะเทือนไปสู่จักรวาลด้วยความถี่ที่สอดคล้องกัน พลังงานการสั่นสะเทือนที่ใกล้เคียงกันจะดึงดูดเข้าหากัน เช่น คนรัก กลุ่มเพื่อนที่มีความคิดหรือทัศนคติคล้าย ๆ กัน เรียกง่าย ๆ คือเราจะดึงดูดคนที่ศีลเสมอกันเข้ามานั่นเอง หรืองานที่เรากำลังทำ ใกล้เคียงกับแรงสั่นสะเทือนภายในหรือความสามารถของตัวเรา นอกจากนี้ยังเชื่อว่าอารมณฺ์และความคิดที่เราส่งออกไปมีผลต่อคนอื่นเสมอ อย่างเช่น ความกังวลของพ่อแม่ ส่งผลต่อความขี้กังวลของลูก, ความหงุดหงิดฉุนเฉียว ที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ

  • วิธีปรับใช้กฎแห่งจักรวาล : ปรับพลังงานความสั่นสะเทือนของตัวเราให้สูงขึ้น ด้วยการฝึกโยคะ ทำสมาธิ ออกกำลังกาย มีสติกับทุกเรื่อง มองโลกตามความเป็นจริงอย่างเป็นเหตุและผล หรือการสมดุลจักระทั้ง 7 ภายในตัว ปรับอารมณ์ความคิดให้ดีขึ้น หรือออกไปพักผ่อนด้วยการสัมผัสพลังจากธรรมชาติ

3. กฎแห่งการสะท้อน (Correspondence) - เหมือนกระจกเงาที่สะท้อนภายในจิตใจ

กฎแห่งการสะท้อนหรือการโต้ตอบนี้ เชื่อว่าการแสดงออก การกระทำต่าง ๆ ของเรา เป็นการสะท้อนตัวตนที่อยู่ภายในจิตใจ ทั้งรูปแบบความคิด การแสดงออกตอนมีสติ หรือการแสดงออกจากภายใต้จิตสำนึกของเรา รูปแบบของความคิดและการกระทำนั้น มีทั้งในแง่บวกและลบ และสามารถส่งต่อผ่านรุ่นต่าง ๆ ในครอบครัวได้ คล้ายกับปมในจิตใจลึก ๆ ถ้าหากมีสติทุกการกระทำของเรา ก็สามารถแก้ไขได้

  • วิธีปรับใช้กฎแห่งจักรวาล : สิ่งที่เราเกลียด บางครั้งอาจจะเป็นสิ่งที่ตัวเราก็เคยทำ ให้มีสติรับรู้และแก้ไขสิ่งนั้น หรือถ้ารู้สึกเจ็บปวดกับบางสิ่งในเรื่องที่เราเคยเจอมาแล้ว ให้ช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้เจอเหตุการณ์เดียวกันและเจ็บปวดเหมือนสิ่งที่เราได้เผชิญมา สิ่งที่สะท้อนออกมาภายนอก อาจจะเป็นเพราะจิตใจ หรือความเครียดที่วุ่นวายอยู่ภายใน สถานการณ์ที่เราพบเจอ แสดงให้เห็นอะไรเกี่ยวกับตัวตนของเราบ้าง ถ้าเจอต้นตอของปัญหาแล้วพบว่าเป็นที่ภายในของตัวเรา ให้เยียวยารักษาปมนั้นให้ดีขึ้น

4. กฎแรงดึงดูด (The Law of Attraction) - ทำตัวให้เหมาะสมกับสิ่งที่จะได้รับ

หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินบ่อย ๆ ตามพอร์ดแคส หรือไลฟ์โค้ช เป็นกฎที่ถูกพูดถึงมากที่สุด หลักของกฎแรงดึงดูดนั้น จะคล้าย ๆ กับกฎของแห่งการสั่นสะเทือน คือการเปลี่ยนแรงสั่นสะเทือนภายในตัวของเรา ให้เหมาะสมที่จะรับในสิ่งดี ๆ หรือสิ่งที่เราคิดว่าสมควรจะได้รับ เช่น จินตนาการถึงสิ่งที่เราอยากจะได้รับ คิดว่าเราสามารถทำได้ และใช้ความสามารถของตัวเรา พยายามเพื่อจะทำให้สิ่งที่นึกถึงบรรลุเป้าหมายให้ได้ ้เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเข้าไปสู่สังคมใหม่ ๆ ที่ชอบอะไรคล้าย ๆ กัน หรือส่งเสริมแนวคิดกันและกัน ช่วยผลักดันไปในทางที่ดีขึ้น

  • วิธีปรับใช้กฎแห่งจักรวาล : ปรับความคิดและอารมณ์ และแรงสั่นสะเทือนภายในจิตใจให้มีพลังงานที่สูงขึ้นให้เหมาะกับการได้รับสิ่งดี ๆ แรงดึงดูด ก็จะช่วยดึงดูดสิ่งดี ๆ ที่มีระดับพลังงานเดียวกับเราเข้ามา เช่น เพื่อน คนรัก งาน สุขภาพ รายได้ที่อยากได้ หรือถ้าอยากรวย ต้องมีความสามารถที่เหมาะสมกับการได้รับเงินเยอะ ๆ หรือพาตัวเองไปอยู่ในสังคมที่ยอมจ่ายให้กับความสามารถของเรา ถ้าอยากถูกลอตเตอรี่ ต้องซื้อลอตเตอรี่ก่อน ถ้าอยากได้ความรักที่ดี ต้องเป็นคนรักที่ดีก่อน เป็นต้น

5. กฎแห่งการกระทำจากแรงบันดาลใจ (Law of Inspired Action) - ขับเคลื่อนชีวิตด้วยแรงบันดาลใจ

ต่อจากกฎของแรงดึงดูดด้วยพลังของจินตนาการและความคิด ก็คือการขับเคลื่อนชีวิตด้วยแรงบันดาลใจ เป็นการเดินตามเป้าหมายของเราที่วางไว้ด้วยความมีวินัย ความปรารถนาของเราจะสำเร็จได้ ไม่ใช่แค่การพึ่งพลังจากจักรวาลเท่านั้น แต่ต้องลองมือทำด้วยตัวเองด้วย การขอพร การทำสมาธิถึงสิ่งที่อยากได้ เป็นเหมือนการตั้งมั่นจิต และเป็นการสัญญากับตัวเองเท่านั้น แต่เราต้องเป็นคนที่ทำให้พรนั้นบรรลุผลได้ด้วยตัวเอง

  • วิธีปรับใช้กฎแห่งจักรวาล : ฝึกความมีวินัยในตัวเอง เลิกผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่หลีกเลี่ยงที่จะเผชิญกับปัญหา กล้าออกจากเซฟโซนของตัวเอง เพื่อที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ผ่านการแก้ปัญหานั้น คิดแล้วลงมือทำทันที หาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ที่จะทำให้ชีวิตขับเคลื่อนต่อไปได้

6. กฎแห่งการเปลี่ยนแปลงพลังงาน (Law of Perpetual Transmutation of Energy) - ทุกสิ่งบนโลกล้วนมีการเปลี่ยนแปลง

พลังงานบนโลกนี้ ล้วนมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เช่นเมล็ดพืชเล็ก ๆ ก็อาจจะกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ในอนาคต หรือคนที่มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายไปตามวัย กฎข้อนี้ ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงพลังงานไปตามกาลเวลาเท่านั้น แต่เชื่อว่าความพยายามเพียงเล็กน้อย ก็สามารถพลิกชีวิตของเราให้ดีขึ้นได้ และทุกคนมีความสามารถ และมีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของตัวเอง

  • วิธีปรับใช้กฎแห่งจักรวาล : การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละวัน หรือการมีความสุขในเรื่องเล็ก ๆ สามารถปรับระดับพลังงานของเราให้ดีขึ้นได้ การขอบคุณในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ การทำสมาธิ เต้นในห้องน้ำ หรือการที่เราเผชิญกับพลังงานลบ ก็ให้แทนที่พลังงานนั้นด้วยพลังงานบวก หรือทิ้งพลังงานที่ไม่ดีออกไป ถ้ามีคนมาปล่อยพลังงานลบใส่ ให้โต้ตอบด้วยพลังงานบวกที่เรามี เพื่อให้บรรยากาศโดยรอบดีขึ้น

7. กฎแห่งเหตุและผล (The law of cause and effect) - หรือกฎแห่งกรรมที่คุ้นเคย

กฎแห่งเหตุและผล เป็นกฎที่หลาย ๆ คนอาจจะคุ้นเคยในรูปแบบของกฎแห่งกรรม เป็นกฎที่ตรงไปตรงมาที่สุด หรือเหมือนกับกฎฟิสิกส์ที่ว่า Action = Reaction เป็นกฎที่อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำและผลลัพธ์ หลาย ๆ คนอาจจะแอบเบ้ปาก เพราะไม่เคยเห็นคนที่ทำชั่วได้รับผลกรรมซักที แต่ผลลัพธ์ที่ได้ อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นทันตาเห็นเสมอไป และอาจใช้เวลาพอสมควรกว่าจะได้เห็นผลลัพธ์ โดยพื้นฐานแล้ว เชื่อว่าสิ่งที่ได้กระทำลงไปจะได้ผลลัพธ์กลับมาหาตัวเราในที่สุดเหมือนกับบูมเมอแรง

  • วิธีปรับใช้กฎแห่งจักรวาล : ระวังความคิด คำพูด และการกระทำของตัวเอง ให้คิดดีทำดีเสมอ เผื่อแผ่ เห็นอกเห็นใจ และทำดีต่อคนรอบข้าง พยายามทำสิ่งต่าง ๆ อย่างเต็มที่สุดความสามารถของตัวเองเสมอ ถึงผลลัพธ์ที่ได้จะไม่เห็นผลอย่างรวดเร็ว แต่ในภายภาคหน้า สิ่งที่ทำจะส่งผลให้มีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน

8. กฎของการตอบแทน (The Law of Compensation) - ได้รับการชดเชยในสิ่งที่เสีย หรือลงทุนไป

กฎข้อนี้ต่อเนื่องกับกฎแห่งเหตุและผล หรือกฎแห่งกรรม คล้าย ๆ กับการหว่านพืชหวังผล สิ่งที่เราได้กระทำลงไป ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือคนรอบข้าง การบริจาคเป็นเงิน สิ่งของ การให้ความจริงใจ การทำดีกับคนรอบข้าง สิ่งที่เราทำ ก็จะได้รับการตอบแทนกลับคืนมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เช่น ให้การช่วยเหลือคนอื่นในยามลำบาก ก็อาจจะได้รับการตอบแทนเป็นการช่วยเหลือเมื่อเราลำบากเช่นกัน หรือการบริจาคเงินให้คนยากไร้ อาจจะได้กลับคืนมาเป็นการได้โชคลาภโดยไม่ทันตั้งตัว หรือได้เป็นความรู้สึกดี ๆ ที่ช่วยเติมเต็มจิตวิญญาณของเรา เป็นต้น

  • วิธีปรับใช้กฎแห่งจักรวาล : เปิดใจให้กว้าง ทำดีกับคนรอบข้างด้วยความจริงใจ โดยไม่คาดหวังสิ่งตอบแทน ถึงทำไปแล้วจะเจอคนที่ไม่จริงใจหรือโดนหักหลัง ซักวันหนึ่ง คนที่ทำไม่ดีกับเราจะได้รับกรรม และเราจะได้รับการตอบแทนเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับเราเอง หรือถ้ามีคนมาทำดีกับเรา ควรจะขอบคุณ และทำดีเพื่อตอบแทนสิ่งดี ๆ ที่คนอื่นทำให้ รับมาอย่างไร ก็ให้ไปแบบนั้นอย่างแฟร์ ๆ

9. กฎสัมพัทธภาพ (Law of Relativity) - ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นกลาง

กฎนี้ เชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีความเป็นกลางในตัวเอง อยู่ที่เราจะให้ค่าและนิยามให้กับมัน คนเรามักจะเปรียบเทียบสิ่งต่าง ๆ ในโลกของเราว่าดี หรือแย่ แต่ในความเป็นจริง ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นกลาง ความหมายของความดีและความเลว อยู่ที่มุมมองและการรับรู้ของเรา ไม่มีใครดีหรือไม่ดีโดยเนื้อแท้ ทุกอย่างเป็นสเปกตรัมของการแสดงออก และมีมากกว่าหนึ่งมุมมองต่อสถานการณ์นั้น ๆ ตัวเราอาจจะไม่ได้ด้อยกว่าหรือเหนือกว่าใคร ความภาคภูมิใจในตนเองและความถ่อมตัวที่แท้จริง เกิดจากการตระหนักรู้ของตัวเรา

  • วิธีปรับใช้กฎแห่งจักรวาล : ใช้เปรียบเทียบสถานการณ์ที่เรากำลังพบเจอกับปัญหา ว่าถึงจะเจอเรื่องแย่ ๆ แต่ก็มีคนที่รู้สึกแย่กว่า เช่น เมื่อเราเจอปัญหาในการทำงาน คนที่เป็นเจ้านาย หรือคนที่ต้องรับผิดชอบเรา ต้องเจอกับปัญหาและความรับผิดชอบที่ใหญ่กว่า ถึงปัญหานั้นจะทำให้เราต้องโดนด่า และรู้สึกกดดัน แต่คนที่กดดันมากกว่า และรู้สึกแย่มากกว่าคือคนที่เป็นเจ้านายของเรา หรือใครที่รู้สึกว่าชีวิตแย่ ไม่มีเงินใช้ ให้มองว่าอย่างน้อยก็ยังมีบ้านให้อยู่ มีครอบครัวและคนที่พร้อมจะคอยช่วยเหลือ หรือถ้ากำลังเจอกับปัญหา และไม่มีคนคอยช่วยเหลือ ให้เชื่อมั่นในตัวเอง ว่าเราจะสามารถพาตัวเองออกมาจากปัญหานั้นได้ ตัวเรามีความสามารถที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนอื่น เป็นคนที่อยู่กลาง ๆ ไม่ดี หรือแย่ไปกว่านั้น จำไว้ว่ามีคนที่ลำบากกว่าเราเสมอ

10. กฎแห่งขั้วตรงข้าม (The Law of Polarity) - ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ

ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก ล้วนมีขั้วตรงข้ามเสมอ มีขาว ต้องมีดำ, มีมืด มีสว่าง, มีร้อน มีหนาว, มีสุข และมีทุกข์, ทุกปัญหามีทางแก้, ทุกอุปสรรคย่อมมีโอกาส, มีความล้มเหลว ก็ย่อมมีความสำเร็จ, มีดีก็ต้องมีแย่ปะปนกันไป กฎข้อนี้ จะช่วยทำให้เรามองทุกอย่างเป็นสองด้าน ไม่มองแต่ในแง่ลบหรือแง่บวกจนเกิดไป ทำให้เราเข้าใจ และทำใจจยอมรับกับทุกสถานการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตได้ คนเราต้องเจอประสบการณ์ทั้งสองด้าน ถึงจะเข้าใจชีวิตได้อย่างลึกซึ้ง

  • วิธีปรับใช้กฎแห่งจักรวาล : ทำใจยอมรับ และเข้าใจกับสถานการณ์แย่ ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ถ้าเราไม่ผ่านความทุกข์ เราจะไม่รู้รสชาติของความสุขที่แท้จริง ปัญหาที่เราพบเจอ เป็นปัญหาที่ทำให้เราได้ฝึกและเรียนรู้การเผชิญหน้ากับความกลัว และในภายภาคหน้าจะทำให้เราแข็งแกร่ง เติบโต และสามารถผ่านอุปสรรคไปได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่จะประสบความสำเร็จสมหวัง ต้องเจอกับความล้มเหลวมาก่อน ให้อภัยตัวเองและเดินหน้าต่อไป

11. กฎแห่งจังหวะ (The Law of Rhythm) - จังหวะและโอกาสชีวิตที่ผ่านเข้ามา

กฎข้อนี้ เชื่อว่าพลังงานทั้งหมดสั่นสะเทือนด้วยความเร็วและจังหวะที่แน่นอน ทุกอย่างมีวัฏจักรและขั้นตอนของการพัฒนาพลังงาน ทั้งฤดูกาลที่เปลี่ยนผ่าน หรือวัฏจักรต่าง ๆ ที่เปลี่ยนไป ชีวิตของเราก็มีวัฏจักรเช่นเดียวกันกับธรรมชาติ ไม่มีอะไรที่ยั่งยืน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นตามเวลาที่เหมาะสม จังหวะของชีวิตคนเรา ต้องมีขึ้นมีลง หน้าที่ของคนเรา คือการทำใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงตามจังหวะที่เกิดขึ้น

  • วิธีปรับใช้กฎแห่งจักรวาล : ชีวิตคนเรามีจังหวะชีวิตที่แตกต่างและเปลี่ยนไปตลอดเวลา ถ้ารู้สึกว่าเราเผชิญกับความสุขได้แค่ชั่วคราว ก็ให้รู้ไว้ว่าความทุกข์ที่เราเผชิญก็ไม่ได้มีตลอดไปเช่นกัน เรียนรู้ และก้าวผ่านอุปสรรคไปให้ได้ หรือทนกับปัญหา จนกว่าจะถึงการเปลี่ยนแปลงของจังหวะชีวิต ลิ้มรสความสุขให้เต็มที่ ถ้าหากรู้สึกเหนื่อยล้า ก็ให้หาเวลาเพื่อหยุดพัก อย่าหักโหมตัวเองมากเกินไป ทุกคนมีจังหวะชีวิตเป็นของตัวเอง ควรรู้ว่าจังหวะไหนควรสู้ และควรปล่อย ถ้าหากว่าเจอกับสถานการณ์ของรักสามเศร้า แล้วต้องตัดจบความสัมพันธ์ ให้คิดว่า เพราะตอนนี้ไม่ใช่จังหวะชีวิตที่ดีของเรา จักรวาลจะจัดสรรสิ่งที่ดีกว่ามาให้ ให้เราพัฒนาตัวเองและเตรียมตัวให้พร้อมไปสู่สิ่งใหม่ ๆ ที่ดีกว่าเดิม และคิดว่าดีแล้ว ที่เราไม่ต้องทนอยู่กับสถานการณ์ที่น่าอึดอัดแบบนั้น ถึงจะรู้สึกเสียใจก็ตาม

12. กฎแห่งเพศ (The Law of Gender) - พลังงานของเพศชายและเพศหญิงในตัว

กฎนี้ เชื่อว่าทุกสิ่งอย่าง ล้วนประกอบด้วยพลังงานของเพศชาย (Masculine) และเพศหญิง (Feminine) หรือพลังงานของหยิน และหยางประกอบเข้าด้วยกันให้เกิดความสมดุล ทุกคนล้วนมีพลังงานทั้งเพศชายและเพศหญิงอยู่ในตัว พลังงานเพศชายคือพลังงาน ด้านตรรกะ สติปัญญา อำนาจ ความมั่นใจ ความเที่ยงธรรม และการลงมือทำ ในขณะที่พลังงานของเพศหญิงคือความรัก ความอดทน ความอ่อนโยน สัญชาติญาณ ความรู้สึก อารมณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และจิตวิญญาณ ซึ่งพลังงานนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับเพศภายนอก หรือบทบาททางเพศที่สังคมกำหนด ผู้หญิง หรือ LGBTQ+ ก็อาจจะมีพลังงานของเพศชายมากกว่า หรือเป็นผู้ชาย ก็สามารถมีพลังของเพศหญิงอย่างความอ่อนโยน ความอดทนมากกว่าก็ได้ พลังงานของทั้งสองเพศในตัวของเราต้องสมดุล ถึงจะใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข

  • วิธีปรับใช้กฎแห่งจักรวาล : ยอมรับและเข้าใจพลังงานในตัวเอง สมดุลพลังงานของทั้งสองเพศในตัวให้ดี ควรรู้ว่าสถานการณ์ไหนควรใช้พลังงานของเพศหญิง หรือสถานการณ์ไหนควรใช้พลังงานของเพศชาย 

ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถใช้กฎแห่งจักรวาลได้นะคะซิส ! ถ้าหากเป็นคนที่ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง และไม่มีสติในการใช้ชีวิต กฎจักรวาลจะกลายเป็นเรื่องยากทันที ถ้าอยากให้กฎของจักรวาลได้ผล ต้องรู้จักตัวเอง มีความเชื่อมั่นในตนเอง และรักตัวเองให้เป็นก่อน กล้ายอมรับในสิ่งที่ตัวเองคิด หรือยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น พัฒนาตัวเองให้ถูกจุดก็จะเกิดผลลัพธ์ที่ดีได้ ถึงเรื่องพลังงานจะเป็นเรื่องที่ดูเพ้อฝัน เพราะไม่สามารถจับต้องและเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ท้ายที่สุดจะปรากฏเป็นรูปร่าง และสามารถมองเห็นได้ ถ้าเราใช้กฎแห่งจักรวาลให้เป็น หวังว่าเพื่อน ๆ จะใช้กฎจักรวาลเพื่อเป็นแนวทางในชีวิต และพัฒนาตัวเองให้กลายเป็น The Best Version ของตัวเองกันนะคะ

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Reference :

Medium. Patrícia Williams. 2022. “The 12 Laws of the Universe and What They Mean” [Online] เข้าถึงได้จาก : https://medium.com/change-your-mind/the-12-laws-of-the-universe-and-what-they-mean-6f4c726223a0 สืบค้นเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2565

mbgmindfulness. Sarah Regan. 2021. “The 12 Universal Laws & How To Practice Them” [Online] เข้าถึงได้จาก : https://www.mindbodygreen.com/articles/the-12-universal-laws-and-how-to-practice-them สืบค้นเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2565