หลากเฉดสีของความหลากหลายทางเพศ LGBTQ+ ย่อมาจากอะไรบ้าง
  1. หลากเฉดสีของความหลากหลายทางเพศ LGBTQ+ ย่อมาจากอะไรบ้าง

หลากเฉดสีของความหลากหลายทางเพศ LGBTQ+ ย่อมาจากอะไรบ้าง

Pride Month เดือนแห่งการเฉลิมฉลองและเรียกร้องสิทธิของ LGBTQ+ กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ แล้ว LGBTQ+ ย่อมาจากอะไร ไปทำความรู้จักกัน
writerProfile
4 มิ.ย. 2022 · โดย

ในปี 2022 นี้ มีการจัด Pride Month เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง และการเรียกร้องสิทธิแก่ LGBTQ+ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ไปทั้งเดือนจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน แต่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่า LGBTQ+ ย่อมาจากอะไร เราไปทำความรู้จักกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ พร้อมกับปรับทัศนคติใหม่ ๆ ที่หลายคนอาจเข้าใจผิด เกี่ยวกับ LGBTQ+ กันดีกว่า 

LGBTQ+ ย่อมาจากอะไรบ้าง

LGBTQ+ ย่อมาจากอะไรบ้าง ความหลากหลายทางเพศ Pride Month

ในเอกสารทางราชการหรืออวัยวะกำหนดเพศที่ติดตัวแต่ละคนมาตั้งแต่เกิด อาจจะจำกัดแค่หญิงและชายเท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนหลาย ๆ คน ต่างค้นพบถึงความหลากหลายทางเพศที่เป็นเรื่องของรสนิยมทางเพศ เช่น รู้สึกไม่ชอบอวัยวะเพศของตัวเอง หรือรู้สึกถึงแรงดึงดูดต่อเพศเดียวกันมากกว่า LGBTQ+ คือกลุ่มความหลากหลายทางเพศ ซึ่ง LGBTQ+ ย่อมาจาก

L - Lesbian คือ ผู้หญิงที่รู้สึกรักและมีแรงดึงดูดต่อเพศหญิงด้วยกัน

G - Gay คือ ผู้ชายที่รู้สึกรักและมีแรงดึงดูดต่อเพศชายด้วยกัน

B - Bisexual คือ คนที่รู้สึกรักและมีแรงดึงดูดต่อทั้งเพศหญิงและเพศชาย

T - Transgender คือ คนข้ามเพศ เช่น ผู้ชายที่ผ่าตัดแปลงเพศเป็นผู้หญิง ผู้หญิงที่ผ่าตัดแปลงเพศเป็นผู้ชาย

Q - Questioning หรือ Queer คือคนที่ไม่ได้จำกัดว่าตัวเองเป็นประเภทไหน และพอใจที่จะไม่จำกัดเพศ หรือกำลังค้นหาตัวตน ค้นหาอัตลักษณ์ทางเพศของตัวเองอยู่

I - Intersex คือ กลุ่มคนที่อวัยวะเพศทั้งหญิงและชายอยู่ในคน ๆ เดียวกัน

A - Asexual คือ กลุ่มคนที่ไม่มีแรงดึงดูดทางเพศต่อเพศไหนเป็นพิเศษ ไม่ต้องการมีเพศสัมพันธ์

+ - กลุ่มคนอื่น ๆ ที่แตกต่างจากกลุ่มที่กล่าวมาข้างต้น อย่างเช่น Pansexual คือ กลุ่มคนที่มีแรงดึงดูดและสามารถมีความรักต่อทุกคน โดยไม่สนว่าจะเป็นเพศอะไร อาจจะเป็นเกย์ที่ชอบทอม เลสเบี้ยนที่ชอบกระเทย เป็นต้น

กลุ่ม LGBTQ+ อื่น ๆ

Agender - คนที่ไม่ระบุ ว่าตัวเองคือเพศใด
Demisexual - คนที่ต้องการความผูกพันธ์ทางอารมณ์เพื่อสร้างแรงดึงดูดทางเพศ
Genderfluid - การแสดงออก หรือมีอัตลักษณ์ทางเพศที่ไม่คงที่
Non-binary - เพศที่ไม่ได้จำกัดแค่ชายหรือหญิง หรือเป็นเพศหญิงหรือชาย ที่ไม่ได้ปฏิตามคำจำกัดความของสังคม
Polyamorous - กลุ่มคนที่มีคู่หลายคนในคราวเดียว เช่น คบแฟนหรือมีคู่นอน 2 คนพร้อมกัน โดยที่ทุกฝ่าย "รับรู้" และ "ยินยอม"

ความหมายของสีธง Pride

สีธงที่ใช้ใน Pride Month หรือในขบวนพาเหรดของ LGBTQ+ หลัก ๆ แล้วมักจะเป็น “สีรุ้ง” โดยสีต่าง ๆ ก็มีความหมายด้วยกัน ดังนี้

  • สีชมพู หมายถึง เพศ
  • สีแดง หมายถึง ชีวิต
  • สีส้ม หมายถึง การเยียวยารักษา
  • สีเหลือง หมายถึง แสงอาทิตย์
  • สีเขียว หมายถึง ธรรมชาติ
  • สีฟ้า หมายถึง ศิลปะ
  • สีคราม หมายถึง เวทมนต์
  • สีม่วง หมายถึง จิตวิญญาณ

ความหมายโดยรวมคือบางสิ่งที่แสดงถึงความสุข ความงาม พลังที่ดี ซึ่งสีรุ้งก็สามารถใช้สื่อถึงสิ่งเหล่านั้นได้ อีกทั้งกลุ่ม LGBTQ+ ก็เป็นกลุ่มที่เก่าแก่ มหัศจรรย์ เป็นสิ่งที่ถูกเลือกโดยธรรมชาติ และมีความสวยงาม ธงสีรุ้งนี้ ออกแบบโดย Gilbert Baker ในปี 1978 เริ่มใช้ครั้งแรกใน Gay Pride Day ที่ซานฟรานซิสโก ต่อมาเหลือแค่ 6 สีแบบในปัจจุบัน โดยตัดสีชมพูกับสีครามออก นอกจากนี้ยังมีธงสีอื่นที่สื่อถึงกลุ่มความหลากหลายทางเพศอื่น ๆ อีกด้วย

ประวัติความเป็นมาของ Pride Month

ย้อนไปเมื่อช่วง ค.ศ. 1960 ค่านิยมของสังคมมีการกดขี่ทางเรื่องเพศอย่างมาก ทุกคนต้องแสดงถึงความเป็นเพศหญิงและเพศชายเท่านั้น แต่ก็มีสถานที่แห่งหนึ่งที่ชาว LGBTQ+ สามารถแสดงความเป็นตัวของตัวเองได้ อย่างสถานที่ ที่ชื่อว่า “Stonewall Inn” ตั้งอยู่ในแมนฮัตตัน นิวยอร์ค สโตนวอลล์ถือเป็นบาร์เกย์และบาร์สำหรับเลสเบี้ยนที่ดังที่สุดในยุคนั้น ที่ชาว LGBTQ+ มาแฮ้งค์เอ้าท์กัน ต่อมา ในวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1969 ได้เกิดจลาจลที่สโตนวอลล์ขึ้น เหตุการณ์นี้มีการประท้วงของสมาชิกชุมชนเกย์ เพื่อโต้ตอบการใช้ความรุนแรงของตำรวจที่บุกเข้าทลายสโตนวอลล์ จลาจลในครั้งนั้นมีผู้ถูกจับกุม 14 คน มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก และกินเวลานานถึง 5 วัน หลังจากเหตุการณ์นั้น 1 ปี ก็ได้มีการจัดขบวนพาเหรดเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์นั้นขึ้นมา และเป็นการ Coming Out ของชาว LGBTQ+ ร่วมรณรงค์ให้ผู้คนไม่อคติ และเรียกร้องสิทธิให้กับ LGBTQ+ ไม่ต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ เหมือนในอดีตอีกต่อไป และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของขบวนพาเหรด และเกิด Pride Month ขึ้น ซึ่งก็มีการจัดขึ้นทุกปีเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์จลาจลสโตนวอลล์ และเป็นการเรียกร้องสิทธิ เสรีภาพ ให้ผู้คนตระหนักรู้เกี่ยวกับชาว LGBTQ+ อีกด้วย 

ความเข้าใจผิด หรือทัศนคติผิด ๆ เกี่ยวกับ LGBTQ+

ถึงแม้ว่าชาว LGBTQ+ จะเริ่มได้รับการยอมรับและการเปิดใจจากสังคม แต่ก็ยังมีเรื่องที่ทำให้รู้สึกอึดอัดเช่นกัน เพราะสื่อต่าง ๆ สร้างภาพจำให้ LGBTQ+ แบบผิด ๆ รวมไปถึงชุดความคิดที่ทำให้การเปิดเผยตัวตนของชาว LGBTQ+ นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ลองมาดูกัน ว่าเรากำลังเข้าใจ LGBTQ+ แบบผิด ๆ อยู่หรือเปล่า?

คำถามแปลก ๆ ที่ LGBTQ+ มักจะโดนถาม เช่น ใครเป็นผัวใครเป็นเมีย? ใครรุก ใครรับ?

อาจจะเป็นแค่การหาเรื่องคุย หรือการแซวขำ ๆ แต่คนที่ได้ฟัง อาจจะรู้สึกกระอักกระอ่วมในการตอบ เราอาจจะมีภาพจำว่าการเป็นคู่ ต้องมีฝ่ายรุกและฝ่ายรับ คำถามลักษณะนี้ไม่ควรถามจะดีกว่า เพราะ LGBTQ+ อาจจะไม่ได้หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ และบางคู่ไม่มีการกำหนดบทบาทที่ชัดเจน ว่าใครต้องเป็นฝ่ายรุกหรือรับ ถ้าอยากหาเรื่องคุย แนะนำให้ถามคำถามอื่นดีกว่า เช่น เจอกันได้ยังไง ใครจีบใครก่อน เหมือนคำถามเกี่ยวกับความรักของคู่รักทั่ว ๆ ไป

LGBTQ+ ถือเป็นความผิดปกติทางจิต ที่ต้องเข้ารับการรักษาหรือเปล่า?

สิ่งหนึ่งที่ชาว LGBTQ+ ไม่กล้าที่จะบอกครอบครัว หรือไม่บอกคนรอบข้าง เพราะหลาย ๆ คนมองว่าเป็นความผิดปกติทางจิต หรือเป็นเวรกรรมในชาติที่แล้ว ที่ทำให้ต้องกลายเป็น LGBTQ+ ในชาตินี้ แต่ LGBTQ+ เป็นเรื่องของรสนิยม ไม่เกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนา หรือความผิดปกติใด ๆ ทั้งสิ้น ถึงจะไปหาหมอเพื่อรักษา หรือให้ไปนั่งวิปัสนา สมาธิ ก็ไม่ได้ทำให้หายเป็น LGBTQ+ ได้ อีกทั้งองค์การอนามัยโลก อย่าง WHO ก็ได้นำหมวดพยาธิสภาพที่มีผลกระทบต่อคนข้ามเพศและกลุ่มคนหลากหลายเพศออกจากรายชื่อ ICD-10 ที่เป็นแบบทดสอบความผิดปกติทางจิตออก และยืนยันว่า LGBTQ+ ไม่ใช่ความผิดปกติทางจิต

มีพ.ร.บ. คู่ชีวิตแล้ว ทำไมยังต้องการสมรสเท่าเทียม?

การแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของประชาชนในประเทศไทยค่อนข้างเป็นเรื่องที่ยากและซับซ้อน จึงมีการร่าง พ.ร.บ. คู่ชีวิตสำหรับ LGBTQ+ ขึ้นมา แต่สิทธิที่ได้รับก็ยังไม่เท่ากับสิทธิการสมรสระหว่าง ชาย-หญิง ธรรมดา มีการเรียกร้องและผลักดันหลายครั้ง ให้ LGBTQ+ มีสิทธิที่เท่าเทียมกับเพศอื่น ๆ เช่น การเป็นคู่สมรสที่ชอบด้วยกฎหมาย สิทธิการปกครองบุตรบุญธรรมร่วมกัน สิทธิสวัสดิการจากคู่สมรส การเปลี่ยนนามสกุล การเปลี่ยนสัญชาติ เป็นต้น ซึ่งประเทศไทยก็ยังต้องศึกษาและผลักดันกันต่อไปเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมทางเพศอย่างแท้จริง

การแต่งกายตามเพศสภาพดีอย่างไร?

ถึงแม่ว่าในยุคปัจจุบัน แฟชั่นจะไม่มีเพศ ผู้ชายสามารถใส่กระโปรง ผู้หญิงสามารถใส่กางเกงเพื่อความคล่องตัวได้ แต่ในทางราชการยังมีการกำหนดให้ผู้หญิงต้องใส่กระโปรง และผู้ชายต้องใส่กางเกงเท่านั้น การแต่งกายตามเพศสภาพ เป็นจุดเล็ก ๆ ที่เป็นการส่งเสริมให้ ชาว LGBTQ+ มีสิทธิและเสรีภาพ ในการแสดงอัตลักษณ์ของตนเอง เป็นการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ และคุ้มครองสิทธิของกลุ่ม LGBTQ+ ไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติ

ความเกลียดชังต่อกลุ่ม LGBTQ+ และการถูกบูลลี่

ในต่างประเทศ มี Hate Crime หรืออาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชัง เช่น การเหยียดคนเอเชีย การเหยียดสีผิว เชื้อชาติ ศาสนาอื่น ๆ รวมไปถึงอาชญากรรมต่อกลุ่ม LGBTQ+ ด้วย แน่นอนว่าการทำร้ายร่างกายผู้อื่นนั้นผิดกฎหมาย และประเทศไทยอาจจะไม่มีอาชญากรรมหนักถึงขั้นนั้นให้เห็นบ่อย ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นปัจจัยเล็ก ๆ ในการส่งเสริมแนวคิด ทำให้คนมีอคติหรือเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับ LGBTQ+ รวมไปถึงปัจจัยที่อาจนำไปสู่การก่ออาชญากรรมในประเทศไทย ก็อย่างเช่น แนวคิด “เปลี่ยนทอมให้เป็นเธอ” , “แก้ทอมซ่อมดี้” หรือแม้กระทั่งการล่วงละเมิดต่อกลุ่มคนที่เป็น LGBTQ+ อย่างการจับอวัยวะเพศ หรือการบังคับให้ทำอะไรแปลก ๆ โดยที่อีกฝ่ายไม่ยินยอม ซึ่งสิ่งเหล่านั้นคือการข่มขืน และถือเป็นอาชญากรรมชนิดหนึ่ง อีกทั้งชาว LGBTQ+ มักจะต้องเจอกับคำพูดที่เป็นการเหยียดเพศ เช่น สายเหลือง, ขุดทอง, มนต์รักฟักทองบด และอื่น ๆ เป็นต้น การลดอคติ ตระหนักถึงปัญหา และให้เกียรติ LGBTQ+ ในฐานะเพื่อนมนุษย์ที่ไม่ได้แตกต่างจากคนทั่วไป ก็จะช่วยลดปัญหาลงได้ 

LGBTQ+ ต้องเป็นคนตลก อารมณ์ดี สามารถแซวเล่นได้ หรือต้องวี๊ดว๊ายหรือเปล่า?

กลุ่ม LGBTQ+ ก็เหมือนเพศอื่น ๆ ที่มีหลากหลายบุคลิก บางคนไม่ชอบโดนแซว ไม่ได้ตลก ไม่ได้เอนเตอร์เทน หรือสร้างสีสันให้คนรอบข้างแบบที่หลายคนมีภาพจำ บางคนไม่ชอบให้เรียกว่าคุณแม่ และไม่ใช่ทุกคนที่จะต้องทำตัววี๊ดว๊าย จีบปากจีบคอพูดเหมือนในสื่อที่เห็น หรือผู้หญิงที่ตัดผมสั้นกุด ก็ไม่ได้หมายความจะเป็นทอมเสมอไป ควรระวังและให้เกียรติ LGBTQ+ เหมือนที่ให้เกียรติคนอื่นตามปกติ  

ประเด็นอ่อนไหวอื่น ๆ เกี่ยวกับ LGBTQ+

ประเด็นร้อนล่าสุด ก็อย่างเช่น ข้อถกเถียงเรื่องนักกีฬาข้ามเพศ ว่าจะมีความเป็นธรรมไหม ถ้าหากนักกีฬาข้ามเพศต้องมาแข่งกับผู้หญิง เนื่องจากสรีระตามธรรมชาติของผู้ชายนั้นแข็งแรงมากกว่าผู้หญิง ถึงจะแปลงเพศ แต่ด้วยสรีระตามธรรมชาติ อาจจะทำให้ได้เปรียบมากกว่า ซึ่งคณะกรรมการโอลิมปิกสากลก็ได้ออกข้อกำหนดให้นักกีฬาต้องมีระดับฮอร์โมนเพศชายต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดเป็นเวลา 1 ปี เพื่อแก้ปัญหานี้ 

Reference :

Kevin Le, PharmD, BCPS, BCPPS. 2021. "What Does the Full LGBTQIA+ Acronym Stand For?" [Online] เข้าถึงได้จาก : https://www.goodrx.com/health-topic/lgbtq/meaning-of-lgbtqia สืบค้นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2565

Oprah Daily. 2021. "25 LGBTQ+ Pride Flags and What They Mean" [Online] เข้าถึงได้จาก : https://www.oprahdaily.com/life/relationships-love/g36332366/pride-flags-meanings/ สืบค้นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2565

Library of Congress. 2022. "Annual LGBTQ+ Pride Traditions" [Online] เข้าถึงได้จาก : https://www.loc.gov/lgbt-pride-month/about/ สืบค้นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2565

BBC. 2019. "Transgender no longer recognised as 'disorder' by WHO" [Online] เข้าถึงได้จาก : https://www.bbc.com/news/health-48448804 สืบค้นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2565

BBC Sport. Dan Roan & Katie Falkingham. 2022. "Transgender athletes: What do the scientists say?" [Online] เข้าถึงได้จาก : https://www.bbc.com/sport/61346517 สืบค้นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2565

ในประเทศไทย มีกลุ่ม LGBTQ+ อยู่ด้วยกันหลากหลาย และถึงจะได้รับการยอมรับจากสังคมในระดับหนึ่ง แต่ชาว LGBTQ+ ในประเทศไทยก็ยังต้องผลักดันเกี่ยวกับสิทธิ ความเท่าเทียมกัน และลบภาพจำแบบผิด ๆ เกี่ยวกับ LGBTQ+ กันต่อไป ทาง Wongnai Beauty ก็ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมฉลอง Pride Month ในเดือนมิถุนายนนี้ และขอเป็นอีกหนึ่งแรงที่จะช่วยผลักดัน สร้างความตะหนักรู้ เกี่ยวกับความเท่าเทียมทางเพศของกลุ่ม LGBTQ+ เช่นกันนะคะ

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ 

เจาะลึก “พ.ร.บ. คู่ชีวิต” กับ “กฎหมายคู่สมรส” ต่างกันอย่างไร!