#วงในบอกมา
- “หมูสะเต๊ะ” ของทางร้านเป็นแบบหมักสมุนไพรแน่น ๆ ฉ่ำด้วยการย่างกะทิ เติมรสความหวานที่ลงตัวด้วย อาจาดที่ทำด้วยน้ำตามทรายแดง หอมเป็นพิเศษ
- “น้ำจิ้มถั่ว” ของที่นี่มีเคล็ดลับที่ “ถั่วตัด” เพิ่มความหอมหวานเป็นเอกลักษณ์โดยไม่เติมน้ำตาล
- สะดวกสบายด้วยการสั่งสินค้า ชำระเงิน และไปรับสินค้าเอง ไม่ต้องรอคิวให้เปลืองเวลา ไม่ต้องเสียค่าเดลิเวอรี ถึงร้านปุบ รับของปั๊บ ได้ ที่นี่
เชื่อว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่หลาย ๆ ร้านจะต้องปรับตัวให้ทันกับทุกสถานการณ์ และยิ่งปรับได้เร็วเท่าไรยิ่งดี อย่าง "คุณนันท์นภัส พินิจวรกุล" หรือ “คุณเตย” ทายาทรุ่นที่ 2 ของร้าน "หมูสะเต๊ะนายซ้ง" ที่มารับไม้ต่อจากครอบครัวในการทำร้านหมูสะเต๊ะจุฬาแห่งนี้ เพราะเชื่อว่ามีสูตรอาหารสุดล้ำค่าอยู่ในมือ แต่การจะทำให้ร้านยังคงอยู่อย่างยาวนาน การปรับตัวให้ทันยุค ทันสมัยก็ถือเป็นสิ่งสำคัญไม่ใช่น้อย
“เมื่อก่อนเราไม่ได้บูมขนาดนี้ มีแค่ลูกค้าประจำมาอุดหนุนป๊าเรา จนตอนเรามารับช่วงต่อ จำได้ว่าตอนนั้นยังไม่มี แอปฯเดลิเวอรีอะไรแบบสมัยนี้ มีแค่เมสเซนเจอร์มารับของจากร้านเราไปส่งลูกค้าให้เรา ตอนนั้นเราเป็นร้านแรก ๆ ที่ทำเลยด้วยซ้ำ จนพอมี แอปฯที่ส่งเดลิเวอรี เราเข้าร่วมทันที คือเราเอาเทคโนโลยีของเรามาผสมกับอาหารของป๊า พอทันสองอย่างมันไปด้วยกันได้ ทำให้ร้านเราเป็นที่รู้จักได้เร็วยิ่งขึ้น”
อย่างที่รู้กันดีว่าช่วงนี้คนไม่ออกมาซื้อของจับจ่ายเหมือนแต่ก่อน มีเพียงเดลิเวอรีเท่านั้น ร้านเรามีอะไรใหม่ ๆ รองรับลูกค้าเดลิเวอรีบ้างหรือเปล่า
“คือการเดลิเวอรีเนี่ยมันจะมีช่วงเวลาหนึ่งของวันที่คนจะสั่งพร้อม ๆ กัน เป็นช่วงเวลา Peak Time ลูกค้าบางคนสั่งแล้วไม่มีเมสเซนเจอร์รับออร์เดอร์ เราก็เสียรายได้ตรงนั้นไป หรือบางทีลูกค้าก็อยู่ใกล้ ๆ นี้แหละแต่ต้องรอคิวนานก็ไม่อยากสั่ง เราเลยเอาร้านของเราเข้าร่วมการสั่งของแบบ Pickup ที่ Wongnai เพิ่งทำขึ้น คือลูกค้าโทรมาสั่งของที่ร้านก่อน จ่ายเงินผ่านระบบ แล้วก็มารับของที่หน้าร้านได้เลย มันดีตรงที่ลูกค้าไม่ต้องจ่ายค่าส่งและร้านได้รับเงินเต็มจำนวนไม่โดยหักจาก แอปฯเลยสักบาท และอย่างลูกค้าบางคนอยู่ไกลมาก ๆ นอกเขตเดลิเวอรี เขาก็สั่งก่อนได้ ไม่ต้องมานั่งรอให้เสียเวลา มันสะดวกทั้งต่อตัวลูกค้าและตัวเรามาก”
เพราะเดลิเวอรีคือทางรอดสำคัญที่มีอยู่ตอนนี้ การจะทำเดลิเวอรีให้มีประสิทธิภาพต้องอาศัยปัจจัยใดบ้าง
“ตอนนี้การแข่งขันเดลิเวอรีสูงมาก หัวใจสำคัญคือเราต้องคงคุณภาพของอาหารให้ดี คิดว่าถ้าส่งไปประมาณ 1 ชั่วโมงจะทำอย่างไรให้ของเรายังรสชาติดีเหมือนกินที่ร้าน อาหารต้องมั่นใจว่ามัดใจลูกค้าได้จริง ๆ อย่าลดคุณภาพของเด็ดขาด เพราะไม่งั้นลูกค้าจะไม่มาซ้ำ การตลาดสำคัญมาก เราน่าจะเป็นร้านแรก ๆ ที่ทำเว็ปไซต์ร้านหมูสะเต๊ะ มีเพจให้ร้าน คืออะไรที่มาใหม่ ๆ เราเอาเข้าร้านหมด พยายามให้ร้านตามให้ทันทุกเทคโนโลยี เพื่อให้ลูกค้าเห็นและเข้าถึงร้านง่าย ๆ สองอย่างนี้จำเป็นมากในการทำธุรกิจสมัยนี้”
เพราะทุ่มเทมาตลอดทำให้ร้านสามารถยืนหยัดได้ในทุกสถานการณ์ อยากฝากอะไรถึงร้านอื่น ๆ ที่กำลังเจอวิกฤตหนักครั้งนี้ไหม
“การเตรียมการเป็นสิ่งสำคัญมาก อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อร้านให้ทำอย่างเต็มที่ ช่วงนี้อาจจะเหนื่อยหน่อย แต่มันคือการเรียนรู้จะอยู่กับปัญหา อย่างเราก็เตรียมการกันมาตั้งแต่ปีที่แล้วว่าอนาคตคนจะจับจ่ายน้อยลง วางแผนร้านเลยว่าอะไรประหยัดได้ก็ทำไปก่อน มองหาช่องทางใหม่ ๆ ที่จะเพิ่มลูกค้าให้ได้ อย่างวันนี้ร้านเราก็ลองเอา Pickup ของ Wongnai มาใช้ในร้าน เราก็ได้ลูกค้าที่อยู่นอกเขตเดลิเวอรีเพิ่ม ให้เขาได้สะดวกไม่ต้องมารอคิวนาน ๆ ขยายกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้นอีก สู้ครับ อย่าเพิ่งยอมแพ้นี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นในการทำอะไรใหม่ ๆ ให้ร้านก็ได้”
สำหรับใครที่อยากกิน “หมูสะเต๊ะ” (ไม้ละ 9 บาท) ของทางร้านก็สามารถสั่งล่วงหน้าได้ ที่นี่ ผ่านแอปฯ LINE MAN หรือ Wongnai ก็ได้ อย่าลืมอัปเดตแอปฯเป็นเวอร์ชันล่าสุดนะ บอกเลยว่ากว่า 40 ปี จากร้านเล็ก ๆ สู่ร้านชื่อดังได้นั้นมาจากรสชาติที่ดีทางร้านเสียบเนื้อหมูให้อย่างหนา และชั่งน้ำหนักทุกครั้ง มั่นใจว่าไม่ได้เจอชิ้นเล็กจิ๋วแน่นอน เด็ดตรงเนื้อที่หมักด้วยสมุนไพร และหวานด้วยกะทิอย่างดีตอนย่าง ดีงามสุด ๆ กินไม่หยุดเลยจริง ๆ
ไม่ว่าใครก็สามารถลองใช้ฟีเจอร์ใหม่ Pickup ได้ อ่านรายละเอียดต่อได้ ที่นี่ เลย
ติดตามบทความที่น่าสนใจได้ทีนี่
