เปิดร้านอาหารสมัยนี้ เพียงแค่รสชาติอาหารคงไม่พอ ‘การตั้งชื่อร้านอาหาร’ เปรียบเสมือนหนึ่งในการปูพื้นฐานและโครงสร้างการทำ Branding ให้กับร้าน ซึ่งไม่ว่าจะร้านอาหารชื่อดังหรือร้านแถวบ้าน สิ่งแรกที่ผู้คนจดจำได้คือ ‘ชื่อร้าน’ นั่นเอง นอกจากการจดจำแล้ว ชื่อร้านทำหน้าที่เล็ก ๆ แต่สำคัญ ในการส่งสาร ถ่ายทอดภาพลักษณ์ คอนเซปต์ และมู้ดโดยรวมของร้านได้จากเพียงแค่ชื่อ ๆ เดียว
ซึ่งการ ตั้งชื่อร้านอาหารภาษาอังกฤษ เป็นหนึ่งไอเดียที่ช่วยเพิ่มความเก๋ให้กับชื่อร้านอาหารของคุณ แต่การตั้งชื่อร้านภาษาอังกฤษให้ดีนั้น ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และค้นควาตกผลึกอยู่ไม่ใช่น้อย วันนี้ Wongnai For Business เลยรวบรวม 6 เทคนิคสุดปังในการตั้งชื่อร้านอาหารภาษาอังกฤษให้เก๋ เรียกติดปากง่าย พร้อมตัวอย่างมาฝากท้ายบทความด้วย มาดูกันเลย
เทคนิคการตั้งชื่อร้านภาษาอังกฤษ
- สั้นกระชับ สะกดและอ่านง่าย
- เล่นกับคอนเซปต์และคติประรำร้านอาหาร
- เอาชื่อสถานที่มาเป็นตัวตั้ง
- หาคำอื่นมาแทน ‘Restaurant’
- ใช้คำพ้องความหมายที่ฟังแล้วเก๋
- พ้องเสียงกับภาษาไทย ทับศัพท์ สะกดง่าย
1สั้นกระชับ สะกดและอ่านง่าย
การตั้งชื่อร้านอาหารภาษาอังกฤษเปรียบเทียบกับการตั้งชื่อคนเรา ส่วนใหญ่ก็คงจะจำชื่อเล่น มากกว่าชื่อจริงที่ยาวและจำยาก ดังนั้นชื่อร้านอาหารของเราควรสั้นกระชับ 2 - 4 คำ ซึ่งยิ่งตั้งชื่อให้สั้น สะกดง่าย ยิ่งง่ายต่อการจดจำและนำไปต่อยอดแบรนด์ง่ายกว่า
เช่น ร้านเบอเกอร์ Beast & Butter หรือ ร้านชานม Fire Tiger
2เล่นกับคอนเซปต์และคติประจำร้านอาหาร
ถึงแม้ร้านจะคอนเซปต์ดีแค่ไหน แต่ถ้าชื่อร้านไม่สื่อความหมายมากพอ ผู้คนอาจจะไม่รู้สึกดึงดูดหรือมองว่าเข้าถึงยาก ดังนั้นหากจะตั้งชื่อร้านอาหารภาษาอังกฤษทั้งที หาคำที่บ่งบอกถึงคอนเซปต์และจุดเด่นร้านให้รู้กันจากชื่อร้านไปเลย
เช่น คาเฟ่ Roots มาจากคอนเซปต์ของร้าน ‘เพราะอยากให้ดีตั้งแต่ราก’ ของเมล็ดกาแฟ หรือ Shabu Lab ที่ทำคอนเซปต์ร้านชาบูเป็นห้องทดลองวิทยาศาสตร์
สำหรับข้อนี้ การตั้งร้านอาหารภาษาอังกฤษพร้อมคอนเซปต์แน่น ๆ ชื่อเก๋ ๆ แล้ว ย่อมแปลว่าคนที่สนใจแวะมาใช้บริการนั้นคาดหวังทั้ง ‘ประสบการณ์’ การใช้บริการพอ ๆ กับรสชาติอาหารแน่นอน สำหรับใครที่มองหาตัวช่วยดี ๆ Wongnai POS เป็นระบบจัดการร้านอาหารยุคใหม่ ที่มีฟีเจอร์ครบครัน และมีให้เลือกหลายแบบสำหรับทั้งร้านอาหารเล็กและร้านอาหารใหญ่ทุกคอนเซปต์ร้าน คอยควบคุมการทำงานและบริการในร้านให้มีระบบ ใครสนใจ คลิกเลย
3เอาชื่อสถานที่มาเป็นสารตั้งต้น
ข้อนี้แนะนำมาก ๆ สำหรับใครที่แพลนจะตั้งร้านอาหารตามย่านท้องถิ่น จุดท่องเที่ยว หรือสถานที่ยูนีคที่นักท่องเที่ยวมักจะแวะชม การตั้งชื่อร้านภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องสถานที่ นอกจากจะบ่งบอกถึงจุดเด่นที่มาจากที่ตั้งแล้ว ยังมีโอกาสถูกค้นพบบนอินเตอร์เน็ตง่ายขึ้นเวลาผู้คนค้นหาร้านอาหารในย่านนั้น ๆ อีกด้วย
เช่น เช่น ‘No. 39 Cafe’ ที่ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 39 บนดอยสุเทพ หรือ Tara Bisto Samui ในเกาะสมุย
4หาคำอื่นมาแทน ‘Restaurant’
อีกหนึ่งความเก๋ที่ทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่เปลี่ยนจาก ‘Restaurant’ เป็นคำอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับคำว่าร้านอาหาร ซึ่งแต่ละคำก็มีความหมายที่แตกต่างและเหมาะกับประเภทร้านที่แตกต่างกัน มาดูกันเลยว่ามีคำอะไรบ้าง
Eatery: ร้านอาหารสบาย ๆ บรรยากาศครอบครัว ขายอาหารที่เข้าถึงง่าย ผู้คนมักรับประทานในชีวิตประจำวัน
Diner: สำหรับร้านที่มีความคลาสสิก วินเทจ ออกแนวอเมริกัน
Bistro: ร้านอาหารราคาปานกลางถึงสูง การตกแต่งสไตล์ตะวันตก เน้นรสชาติและการปรุงที่พิถีพิถัน แต่ไม่ได้หรูหราเกินไป
Chophouse: สำหรับร้านอาหารประเภทสเต๊ก เน้นเมนูเนื้อสัตว์เป็นหลัก
Pizzeria: สำหรับร้านอาหารที่เน้นขายพิซซ่า
Gastro: ย่อมาจาก ‘Gastronomy’ ที่แปลว่าศาสตร์การบริโภคอาหาร ซึ่งมักจะเป็นร้านที่ขายอาหารที่โมเดิร์น พิถึพิถึน คู่กับการมีเมนูเครื่องดื่มเป็นซิกเนเจอร์ร้าน
Cafeteria: สำหรับร้านขนาดกว้าง ที่เน้นการบริการตนเอง (Self-service) และมีอาหารให้เลือกหลากประเภท
5ใช้คำพ้องความหมายที่ฟังแล้วเก๋
หากเป็นร้านอาหารทะเล การตั้งตรงตัวว่า ‘Delicious Seafood’ คงจะดูน่าเบื่อไป แต่หากเป็น ‘Tide & Dine’ จาก ‘Tide’ ที่แปลว่ากระแสคลื่นทะเล ก็ดูน่าสนใจ แถมยังจดจำง่ายขึ้นอีกด้วย การตั้งชื่อร้านอาหารสามารถทำได้จากร่างศัพท์ง่าย ๆ ลองหาคำพ้องความหมาย หรือ Synonym ทั้งทางตรงและทางอ้อมเก๋ ๆ มาแทนที่แต่ละคำให้ดูพรีเมียมขึ้น หรือง่าย ๆ ลองเปลี่ยนจากคำว่า ‘Delicious’ เป็นคำอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับอาหารเช่น:
- Delights
- Dine
- Palette
- Flavor
- Munch
- Bites
- Tastes
6พ้องเสียงกับภาษาไทย ทับศัพท์ สะกดง่าย
ข้อนี้ยาก แต่หากทำได้ คือเหมือนได้แต้มต่อไปเลย เพราะท้ายที่สุดแล้วกลุ่มเป้าหมายของร้านอาหารส่วนใหญ่ก็คือคนไทยกันเอง ที่ใช้ภาษาไทยเป็นหลัก ดังนั้นหากทำร้านที่พ้องเสียงหรือทำทับศัพท์กับภาษาไทยได้ จะทำให้ผู้คนสะกด ออกเสียง และบอกต่อง่ายขึ้นอีกเท่าตัว
เช่น Cha Bar ที่เป็นร้านชานมไข่มุก โดย Cha มาจากคำว่าชา (Tea)
หลังจากอ่านจบแล้ว หากใครไอเดียล้นหัวไปหมด ลองลิสต์คำมาแล้วสลับที่กัน หรือหาความหมายใหม่ ๆ ลองเล่นดูเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ชื่อที่ดีที่สุดได้เลย เราหวังว่าไอเดียที่เราลิสต์กันมาทั้ง 6 ข้อจะช่วยให้เพื่อน ๆ เจ้าของร้านอาหารมือใหม่หรือมือเก๋านำไปปรับใช้เพิ่มกิมมิค สร้าง Branding ให้กับร้านทุกคนได้ไม่มากก็น้อย
ซึ่งนอกจากชื่อร้านอาหารเก๋ ๆ เป็นสารตั้งต้นให้ร้านอาหารแล้ว อย่าลืมที่เรื่องการบริหารร้านอาหารซึ่งเป็นหัวใจของธุรกิจ และเป็นเหมือนแก่นแท้ที่ทำให้ลูกค้าประทับใจกันด้วย ตัวช่วยดี ๆ อย่าง Wongnai POS ถือเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่มองหาระบบจัดการร้าน มาพร้อมฟีเจอร์ดูแลร้านอาหารครบครัน ทั้งแง่ของการรับออร์เดอร์ ดูแลเดลิเวอรี สต๊อกวัตถุดิบ เสมือนได้ผู้จัดการร้านคนเก่งมาช่วยเลยทีเดียว หากใครสนใจ สามารถคลิกลิงก์นี้เพื่อติดต่อและสั่งจองกับเจ้าหน้าที่ได้เลย