จานต่อจาน! ตะวันออกเจอตะวันตก ความต่างที่ลงตัวระดับห้าดาว @Niche

เป็นกันบ้างไหมคะ วันนี้นึกอยากกินปู แต่ไม่ได้อยากกินปูนึ่ง อยากกินกุ้ง แต่ไม่ได้อยากกินต้มยำกุ้ง ยิ่งถ้าไปกับแก๊งเพื่อน คนนี้อยากกินอีกแบบคนนั้นอยากกินอีกอย่าง วันนี้ไม่ต้องเถียงกันแล้วนะคะ เพราะวาฬจะพาไปรู้จักกับร้านอาหารที่เน้นวัตถุดิบเลิศ ๆ นำมาคุกกิ้งในสไตล์ Asian และ non-Asian ที่ Niche รับรองว่าวัตถุดิบเดียวกัน แต่รสชาติที่ได้กลับหลากหลายอย่างไม่น่าเชื่อ

ก้าวแรกที่เหยียบย่างเข้ามาในโรงแรม Siam Kempinski วาฬนี่ตัวเกร็งเพราะความหรูหราระดับห้าดาว แต่พอเข้ามาที่ห้องอาหาร Niche จริง ๆ กลับรู้สึกผ่อนคลาย สบาย ๆ ด้วยการตกแต่งที่ให้ฟีลมานั่งกินข้าวที่บ้านเพื่อน เพราะมีหลายมุมให้เลือกนั่ง จะเมาท์มอยกับแก๊งเพื่อนตรงมุมโซฟาก็มัน นั่งกันแบบครอบครัวที่โต๊ะอาหารยาวก็เป็นส่วนตัวดี จะควงหนุ่มมาสวีตหน้าบาร์ที่โต๊ะยาวก็เก๋ หรือจะชิลล์ ๆ เอาต์ดอร์ก็เวิร์ก

ถึงภายนอกจะดูเป็นร้านอาหารฝรั่งแต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลยค่ะ เพราะที่นี่มาคอนเซปต์แหวกแนวกว่าร้านอื่น เรียกได้ว่าเชฟหัวครีเอทจริง ๆ ที่นำเสนอความดีงามของวัตถุดิบตามฤดูกาลโดยมีออปชันให้เราเลือกกินว่าอยากได้สไตล์ Asian หรือ non-Asian ง่าย ๆ คือ วัตถุดิบเดียวกัน แต่มีเทคนิคการทำอาหารต่างกันทั้งแบบตะวันออกกับตะวันตกทำให้ได้รสชาติที่หลากหลาย และว้าวมากขึ้น ซึ่งเชฟเสิร์ฟมาในปริมาณพอเหมาะที่จะแชร์กันบนโต๊ะอาหารด้วยค่ะ

เล่ามาตั้งนานจนท้องร้องแล้ว จานแรกเริ่มค่ะ! Soft Shell Crab (290 บาท++) สไตล์ Asian เป็นปูนิ่มเทมปุระ เสิร์ฟพร้อมครีมถั่วแระญี่ปุ่น ท็อปด้วยทูน่าอบปลาแห้ง ให้รสชาติที่ละมุนนุ่มนวล หอมกลิ่นปูชัดเจน แต่ยังไม่หนำใจพอขอจัดต่อกับ Non-Asian ปูนิ่มทอดกรอบจิ้มกับดิปกัวคาโมเลรสละมุน มีความเปรี้ยวนิด ๆ และบาลานซ์รสชาติด้วยสไปซี่สวีตคอร์น ซึ่งช่วยเพิ่มความหวานและเผ็ดเบา ๆ จากผงเครื่องเทศเคจันอีกชั้น

วัตถุดิบตัวต่อไปเป็น Burrata Cheese (270 บาท++) ใครที่ว่ากินชีสแล้วต้องมันเลี่ยน สำหรับจานนี้บอกเลยว่าไม่ใช่แน่นอนค่ะ เพราะสไตล์ Asian เสิร์ฟบูราตาชีสมาแบบเชียงใหม่เจ้า มียำมะเขือยาวด้านล่างให้อารมณ์แบบน้ำพริกหนุ่มรสเผ็ดเปรี้ยวจี๊ดจ๊าด พร้อมกับมะเขือยาวชิ้นโตที่สโมกมาจนกรอบ ปิดท้ายด้วยเทกซ์เจอร์ความกรอบจากข้าวตัง ส่วน Non-Asian มาแบบคลาสสิก ชีสละมุนกับมะเขือเทศรสหวานเปรี้ยวสดชื่น ตัดกับซอสแองโชวีรสเข้มข้น

มาถึงวัตถุดิบเด็ด ๆ และฮอตมากอีกหนึ่งตัว Sea Scallops (720 บาท++) พอได้ชิมจาน Asian แล้ว วาฬถึงกับร้องว่า ขุ่นพระ! จานนี้ดีงาม หอยเชลล์ในมะพร้าวกรอบช่างสุกมาแบบพอดิบพอดี ไม่พอแค่นี้เนื้อแน่น ๆ ของหอยเชลล์มันไปได้ดีกับซอสมะม่วงซึ่งทั้งเปรี้ยวทั้งหวานลงตัว ยิ่งกินกับแตงกวาดองที่เสิร์ฟมาคู่กันยิ่งเลิศ

มาต่อที่จาน Non-Asian หอยเชลล์ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับดอกกะหล่ำ 3 แบบ ดอกกะหล่ำพูเร ดอกกะหล่ำกรุบกรอบ และ ครีมดอกกะหล่ำ เพิ่มรสเข้มข้นขึ้นด้วยซอสบัลซามิก

ส่วนสาวกเนื้อทั้งหลายวาฬก็ไม่อยากจะให้พลาดเจ้าสิ่งนี้เลยค่ะ Smoked Beef Ribs (590 บาท++) ความพิเศษคือเชฟตุ๋นเนื้อนานถึง 48 ชม. ทำให้ได้เนื้อที่นุ้มนุ่ม ห้อมหอม สำหรับการปรุงแบบ Asian จะเสิร์ฟมาพร้อมซอสสูตรพิเศษ ทำจากซอสถั่วเหลืองเคี่ยวกับน้ำผึ้ง รสออกหวานหอม ร่วมด้วยซอสสีส้มซึ่งทำจากแครอท มีกลิ่นหอมนิด ๆ ของขิง

แต่ถ้าอยากกินแบบคลาสสิกต้อง Non-Asian เนื้อตุ๋นเสิร์ฟพร้อมซอสหอมแดงที่เคี่ยวมากับไวน์แดง ช่วยผลักรสและกลิ่นของเนื้อออกมาชัดเจน

และแล้วก็มาถึงของหวานกันบ้าง เชฟบอกมาว่าของหวานเนี่ยค่อนข้างยาก เพราะการนำเสนอที่ต่างกันคนละขั้วเลย เชฟจึงเลือก Pavlova (250 บาท++) เมอแรงก์รสหวานชิ้นโต เสิร์ฟในสไตล์ Asian ด้วยผลไม้เขตร้อนอย่างลิ้นจี่ มะพร้าวอบกรอบ กับซอสเสาวรสที่ช่วยตัดความหวานเลี่ยน ส่วน Non-Asian มาตามแบบฉบับของหวานอิตาเลียน ตอนกินเราต้องทุบเมอแรงก์ด้านนอกให้แตก แล้วคนให้เข้ากับเลมอนเคิร์ดด้านใน ตามด้วยผลไม้รสเปรี้ยวทั้งหลาย ซึ่งความเปรี้ยวจากเบอร์รีมันไปเบรกความหวานของเมอแรงก์ได้ดีมาก

ส่วนค็อกเทลนั้นก็ไม่น้อยหน้า ยังคงคอนเซปต์ไว้เป๊ะ ๆ นั่นคือชูวัตถุดิบเด่น แต่เสิร์ฟสองสไตล์ เป็นคราฟต์ดริงก์ที่ครีเอทขึ้นเองไม่มีใครเหมือน วันนี้บาร์แนะนำเป็นจิน แบบเอเชียน Horappha Fizz (320 บาท++) ค็อกเทลจากโหระพานั่นเองค่ะ รสหวานชัดเจน หอมกลิ่นโหระพา แก้วนี้บาร์แนะนำมาว่าถ้าอยาก pairing กับอาหารต้องเป็นจาน Soft Shell Crab (non-Asian) ส่วนอีกแก้วที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนของเมืองไทยได้ดี๊ดี English Summer Punch (320 บาท++) เป็นค็อกเทลเบา ๆ ที่รีเฟรชชิงได้สดชื่นมากจริง ๆ หวานอ่อน แต่อบอวลไปด้วยกลิ่นผลไม้ อย่างส้ม เลมอน แตงโม แตงกวา แน่นอนว่าต้องเข้าคู่กับของหวานอย่าง Pavlova นั่นเอง

วาฬแทบไม่อยากให้มื้อนี้จบลงด้วยความหลากหลายของแต่ละจานมันช่างชวนให้กินต่อได้เรื่อย ๆ เพราะถึงวัตถุดิบเหมือนกัน แต่การทำอาหารที่ต่างเทคนิคกลับให้รสชาติที่หลากหลาย และน่าประทับใจอยู่ไม่น้อย แถมระหว่างรอจานถัดไป ยังมีคุกกิ้งสเตชันตรงกลางร้านให้เราเห็นเชฟทำอาหารกันสด ๆ จานต่อจาน ได้เพลิดเพลินทั้งรสชาติ และบรรยากาศเลยค่ะ

การเดินทาง

ห้องอาหาร "Niche" ตั้งอยู่ในโรงแรม Siam Kempinski การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจะสะดวกที่สุด โดยลงที่สถานีสยาม เดินผ่านพารากอน ข้ามมายังตึกโรงแรมที่ตั้งอยู่ติดกันได้ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 12.00 - 00.00 น. ออร์เดอร์สุดท้ายที่ 23.30 น. สำรองที่นี่งได้ที่เบอร์ 02-162-9000 หรืออีเมล niche.siambangkok@kempinski.com