ในช่วงเทศกาลที่ในเมืองต่างเต็มไปด้วยความวุ่นวายแบบนี้ เราก็คงต้องออกเดินทางเพื่อหาที่พักใจหนีความวุ่นวายสักหน่อยแล้ว วันนี้เราจะพาทุกคนมาร่วมเดินทางสู่สถานที่พักใจสุดฮิตที่ใครต่อใครก็ต้องรู้จักดี อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กับการเดินทางเที่ยวชมธรรมชาติ และกางเต็นท์ ย่างของทานรอบกองไฟ 2 วัน 1 คืน กับเพื่อนสนิท และคนรู้ใจ ว่าแล้วก็เริ่มกันเลยดีกว่า
1ออกเดินทาง
เช้าวันสดใส กับการเดินทางมุ่งสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จากที่พักหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีประตู 1 โดยออกเดินทางเวลา 07.55 น.

ขับรถด้วยความเร็ว 80-120 กม./ชม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที แนะนำว่าให้ออกไปแต่เช้าสักหน่อย เพราะไปถึงที่จุดกางเต็นท์ช้าเกินเที่ยง จะจองทำเลตั้งเต็นท์ดีๆ ไม่ทัน ขับรถมาจนถึงทางขึ้น เวลานี้ยังไม่ค่อยมีร้านคาเฟ่หรือร้านอาหารร้านไหนเปิดบริการเท่าไหร่ เลยแวะทานกันง่ายๆ หน้าทางขึ้นเลยละกัน กับร้าน Coffee Keane เขาใหญ่

2Coffee Keane เขาใหญ่

สำหรับร้านนี้ก็มีสไตล์ที่เรียบง่าย โดยเมนูส่วนใหญ่ที่ทางร้านให้ความสำคัญจะเป็นพวกเมนูเครื่องดื่ม ซึ่งที่ร้านนี้จริงๆ เค้าก็มีห้องพักด้วยนะ คืนละ 650บาท/ห้อง และมีมอเตอร์ไซค์ให้เช่า คันละ 500บาท/วัน

และเมนูที่เราสั่งมาทานกันนั้นก็ง่ายๆ ได้แก่เมนู ข้าวไข่เจียวแฮม (50บาท), ข้าวผัดหมู (50บาท), โกโก้ปั่น รสชาติเข้มข้นถึงใจ (55 บาท), ชาเขียวเย็น (50บาท)

3ซื้อบัตรผ่านประตูอุทยานเขาใหญ่

เอาล่ะ!! ได้เวลาแล้ว ซื้อบัตรผ่าน แล้วขับรถขึ้นสู่ตัวอุทยานกันเลย ในขั้นตอนนี้อาจจะต้องต่อคิวหน่อยนะ


4ไหว้สักการะเจ้าพ่อเขาใหญ่

ผ่านประตูเข้ามา ก็จะพบกับ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ที่ขึ้นชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์มาก และมีตำนานเล่าขานมาช้านาน ซึ่งถ้าแวะมาก็ควรแวะลงสักการะบูชาก่อนขึ้นเพื่อขออนุญาติ และให้ท่านคุ้มครอง และก่อนลงเพื่อขอพรจากท่าน และที่สำคัญ ณ ศาลเเจ้าพ่อเขาใหญ่นั้นยังมีประวัติความเป็นมาของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ให้ได้อ่านและศึกษาอีกด้วยนะ
5จุดชมวิวเขาใหญ่
ตรงตามทางมาอีกถัดจากศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ เราก็จะเจอกับ จุดชมวิวของเขาใหญ่ ที่เห็นวิวกว้างมาก ใครอยากถ่ายรูปแล้วได้ background เป็นทิวเขาล่ะก็ ต้องไม่พลาดเลยล่ะ


6อ่างเก็บน้ำสายศร
หลังจากแวะจุดชวมวิวเขาใหญ่จนพอใจ ก็ขับรถวิ่งตรงยาวมาอีกหน่อยตามเส้นถนน เราก็จะเจอกับ อ่างเก็บน้ำสายศร ที่แสนจะบรรยากาศดีอีกที่หนึ่ง มีธารน้ำไหลทางยาว, ทุ่งหญ้า และโขดหินที่สวยงาม ทำให้เรามักจะเจอนักท่องเที่ยว และคู่ pre - wedding หลายคู่บริเวณนี้มาแวะถ่ายภาพสวยๆ กัน ที่สำคัณบริเวณนี้มีช้างผ่านมาบ่อยครั้ง และสัตว์อื่นๆ อีกมากมาย เพราะอยู่ใกล้ๆ กับโป่งดินที่ทางอุทยานจัดทำไว้ให้สัตว์ต่างๆ บนเขา

7จุดกางเต็นท์น้ำตกผากล้วยไม้
หลังจากที่แวะเดินเล่น ถ่ายรูปจนพอใจกับอ่างเก็บน้ำสายศร เราก็ขับรถดิ่งยาวตามทางมาเรื่อยๆ จนถึงเป้าหมายของเราในวันนี้ จุดกางเต็นท์น้ำตกผากล้วยไม้ นั่นเอง

ที่จุดนี้นั้นเราสามารถตั้งเต็นท์ได้ในส่วนของพื้นที่ที่ทางอุทยานได้จัดเตรียมไว้ให้ โดยเต็นท์ และอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ผ้านวม, เบาะรองนอน, เตาถ่านสำหรับปิ้งย่าง และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย เราก็สามารถเช่ากับทาง จุดบริการนักท่องเที่ยว ของทางอุทยานได้ด้วยราคาที่สบายกระเป๋า และที่อัปเดตสุดๆ ก็คือเค้ามี ทางอุทยานมีหมูกระทะเป็นชุดจำหน่ายด้วยนะ สำหรับคนที่อยากทานเมนูหมูกระทะ แต่ไม่อยากต้องวุ่นวายกับการจัดเตรียมมากเอง

เอาล่ะ เรามากางเต็นท์กันเถอะ ใกล้ๆ บริเวณจุดกางเต็นท์นั้น ก็มีห้องน้ำ และห้องอาบน้ำสาธารณะ ที่แยกชายหญิงไว้สำหรับให้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย


เอาล่ะ !! ก่อไฟ เอาเนื้อเสียบไม้ จากนั้นก็เริ่มปาร์ตี้ใต้แสงดาวกับเพื่อนซี้ และคนรู้ใจกันได้เลยกางเต็นท์ และจัดของเสร็จเรียบร้อยแล้ว บ่ายนี้ก็ยังพอเหลือเวลา ไปเดินป่ากันหน่อยดีกว่า กับเส้นทางเรียบ น้ำตกผากล้วยไม้ ระยะทางคร่าวๆ ประมาณ 4 กิโลเมตร ตามเส้นทางที่ทางอุทยานได้จัดเตรียมไว้ ไปลุยกันเลยดีกว่า
8น้ำตกผากล้วยไม้

ตลอดเส้นทางเราก็จะพบกับอุปสรรคมาก และจุดที่ต้องระวังสัตว์ป่าเป็นพิเศษ เช่น จรเข้ เรียกได้ว่าเป็นเส้นทางวัดใจเลยก็ว่าได้ โดยปลายเส้นทางของเราก็คือฝั่งของทางลงไปยัง น้ำตกเหวสุวัต และมีจุดแวะพัก ร้านค้า ห้องน้ำไว้คอยให้บริการ โดยคนที่เดินกลับทางเดิมไม่ไหว หรือกลับไม่ทันก่อนมืด ก็สามารถหาให้เพื่อนๆ ทีมงานที่มาออกทริปด้วยกัน หรือขอติดรถนักท่องเที่ยวคนอื่น เพื่อกับไปยังจุดตั้งเต็นท์ของเราคืนได้ไม่ยาก แต่ถ้าไม่เหนื่อย เราก็สามารถยิงยาวต่อได้ กับการเดินลงไปยัง น้ำตกเหวสุวัต




9ก่อกองไฟ ทำอาหาร และใช้เวลากับคนพิเศษ
กลับมาถึงที่พักแล้ว เย้ เย้ !! เหงื่อท่วมเต็มตัว แวะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สดชื่นหน่อยละกัน ก่อนที่จะมาย่างของที่เราเตรียมมาจากทางบ้านทานอาหารมื้อเย็นกันนะ





10ตื่นเช้ารับวันใหม่ กับอากาศแสนสดชื่น
ตื่นมาพบกับบรรยากาศยามเช้า พระอาทิตย์ขึ้น และหมอกบางๆ สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด และจดจำช่วงเวลาดีๆ ไว้

หลังจากที่เก็บเต็นท์ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เช่ายืมมาคืนทางอุทยานเรียบร้อย ท้องก็เริ่มหิวเพราะไม่ได้เตรียมอาหารเช้ามา แถมเมื่อคืนก็ทานหมดเกลี้ยง ทำให้เราต้องแวะมายัง จุดบริการนักท่องเที่ยว ของทางอุทยานบริเวณทางลง น้ำตกเหวสุวัต อีกรอบเพื่อทางอาหารเช้า
ที่นี่มีเมนูให้เลือกทางมากมาย ทั้งกับข้าวเป็นจานๆ หรือสั่งราดข้าวก็ได้นะ แถมยังมีก๋วยเตี๋ยว ไข่ต้ม, ข้าวหลาม, ขนม, และผลไม้ต่างๆ ไว้ให้เราบรรเทาความหิวอีกด้วยนะ


11น้ำตกเหวนรก
ยังพอมีเวลา แถมถ้าไม่ได้มาที่นี่ก็คงเสียดายแย่ นั่นก็คือ น้ำตกเหวนรก นั่นเอง โดยเราสามารถเลี้ยวมาได้จากเส้นทางกลับของเรา สำหรับ น้ำตกเหวนรก นั้นถือได้ว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยมาก และวัดใจใครหลายๆ คนได้อีกจุดเลยก็ว่าได้ เพราะกว่าจะได้ชมน้ำตกจากเหวสูงชันสวยๆ เราก็ต้องเดินป่าลุยเข้าไปไกลพอสมควรเลยล่ะ แถมเส้นทางก็ไม่ง่ายสะด้วย อยากวัดใจใคร ก็พามาลองให้ไวเลยนะ




เป็นที่ที่เหมาะสำหรับการวัดใจ และความถึกของร่างกายแบบสุดๆ

ระหว่างกลับเราได้คุยกับเจ้าหน้าที่ของอุทยาน จึงทราบว่ามีอีกหนึ่งเส้นทางที่ลับสุดๆ สำหรับไปชมจุดที่สูงที่สุดของ น้ำตกเหวนรก แต่การที่จะเข้าไปได้นั้น ต้องมีเจ้าหน้าที่ของทางอุทยานเขาใหญ่ นำทางไปเป็นรอบๆ ด้วยคำว่าลับสุดๆ ทางเราจะพลาดได้ไงล่ะ จริงไหม

เพราะใต้ดินบริเวณนี้นั้นมีแร่หลากหลายชนิด บวกกับเป็นหน้าผาสูง จึงมีฟ้าผ่าอยู่บ่อยครั้ง

ดูเวลาอีกที นี่ก็คงถึงเวลาอันสมควรที่เราควรจะเดินทางกลับแล้วสินะ เพราะอยากจะไปแวะถ่ายรูปเล่นที่อื่นอีก
12Palio Khao Yai
ระหว่างทางกลับ เราก็ขอแวะถ่ายรูปเล่นหน่อยละกัน กับสถานที่ที่คุ้นเคยกันดี ว่าที่นี่เป็นอีกสถานที่ที่ต้องแวะถ่ายรูปเพื่อให้รู้ว่า “มาเขาใหญ่ เมืองโคราชแล้วนะ” สักหน่อย กับ Palio Khao Yai สถานที่ที่ราวกับว่ายกตึกและสวนจากอิตาลีมาไว้ในเมืองไทย ที่สำคัญที่นี่ยังเป็นจุดแวะพักได้อีกที่หนึ่งด้วยนะ เพราะเค้ามีทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร และร้านขายของฝากมากมายเลยล่ะ


13ร้าน Saitip ปากช่อง
หลังจากที่แวะถ่ายรูปที่ Palio Khao Yai ก็ขอขับรถกลับดิ่งกันยาวๆ เข้าทางเส้นถนนอำเภอปากช่องแวะหาคาเฟ่นั่งทานขนมชิลล์ๆ เปิดแอพ Wongnai หาร้านแนะนำ ก็พบกับร้านนี้เลย ร้าน Saitip คาเฟ่เบเกอรี่ที่ขึ้นชื่อประจำปากช่อง ที่ใครต่างบอกว่า ร้านนี้เค้าเด็ดจริงเรื่องขนมเบเกอรี่ต่างๆ ที่รสชาติดี คุณภาพเยี่ยม สด ใหม่ จนใครต่อใครต้องเป็นลูกค้าประจำ เอาล่ะ ไปลองกันดูเลยดีกว่า




และ ขนมเอแครชาโคล ( 45 บาท )
14ร้านครัวลุงหิน
หลังจากแวะอำเภอปากช่องเสร็จ นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว ตัดเข้าโคราชโดยใช้เส้นทาง มทส. ประตู 3 เลยละกัน รถไม่ค่อยเยอะ แถมจะได้แวะทานข้าวเที่ยวก่อนแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันอีกด้วย และร้านที่เราเลือกแวะนั่นก็คือ ร้าน ครัวลุงหิน ร้านอาหารอีสาน และอาหารตามสั่ง ที่ขึ้นชื่อเรื่องความแซ่บ กลมกล่อม เข้าถึงรสชาติแบบสุดๆ โดยเมนูที่แนะนำว่าต้องไม่พลาดเลย นั่นก็คือ เมนูตำถาดนั่นเอง โดยเทนูที่เราเลือกสั่งมาทานในวันนี้ได้แก่ ตำถาด ( 120 บาท ), คอหมูย่าง ( 60 บาท ), ข้าวเกรียบกุ้ง ( 5 บาท ) และข้าวสวย ( จานละ 10 บาท )


ถึงบ้านแล้ว แยกย้ายจ้าาาาา เป็นยังไงบ้างกับทริปง่ายๆ สบายกระเป๋า แถมได้เข้าป่า ดูวิว เล่นน้ำตก ดูดาว เก็บความทรงจำดีๆ กับผองเพื่อนซี้ และคนรู้ใจ แล้วไปตามรอยกันได้นะครับ
เพราะที่เขาใหญ่ยังมีจุดท่องเที่ยวอีกมากมายที่จะทำให้คุณต้องหลงรักภูเขาอย่างแน่นอน สุดท้ายอย่าลืมเข้าไปติดตามลายแทงที่เที่ยว ร้านอาหาร ที่พักต่าง ๆ ในโคราชได้ที่เพจ Wongnai Travel ของเรานะครับ!