สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้กลับมาเที่ยวอีกครั้งที่วังน้ำเขียว เมืองท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ และมีอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี แต่วันนี้เราจะพาทุกคนมาท่องเที่ยวเชิงเกษตร ถ่ายรูปชิค ๆ กับดอกไม้สวย ๆ ช็อปผักและไข่ไก่สดจากฟาร์ม ที่ฟ้าประทานฟาร์ม ฟลอร่า พาร์คและโรส พาร์ค ว่าแล้วก็ตามมาเที่ยวกันเลยจ้า
วันนี้พวกเราออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ ถ้ามาจากกรุงเทพฯ ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน ถึงสระบุรีแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนมิตรภาพ จนถึงแยกปักธงชัย แล้วขับไปตามทางหลวงหมายเลข 304 แต่ถ้ามาจากตัวเมืองโคราชใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ๆ ก็ถึง ฟลอร่า พาร์ค แล้วค่ะ อากาศกำลังเย็นสบาย ก่อนที่จะเข้าไปก็ต้องซื้อตั๋วก่อนนะคะ บัตรเที่ยว ฟลอร่า พาร์ค ผู้ใหญ่ 150 บาท โรส พาร์ค 120 บาท เด็ก สูง 90-145 ซม. 50 บาท ผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป 50 บาท เด็กส่วนสูงต่ำกว่า 90 ซม.ฟรี แต่ถ้าซื้อสองสวนมีโปรโมชั่น 250 บาท นั่งรถชมวิวฟรีด้วยจ้า

ในฟลอร่า พาร์คจะแบ่งพื้นที่โซนต่าง ๆ เมื่อเราเข้ามาข้างในจะพบกับไม้มงคลต่าง ๆ เช่น กัลปพฤกษ์, กาฬพฤกษ์, ราชพฤกษ์ ฯลฯ กำลังออกดอกชูช่อบานสะพรั่งเลยค่ะ สีสวยสุด ๆ จนต้องหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปตั้งแต่ทางเข้ากันเลย ใกล้กันจะเป็นศูนย์แสดงพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ ภายในนี้จะมีพันธุ์ดอกไม้เมืองหนาวเช่น เทียนฝรั่ง, ซัลเวีย, บานชื่น, พิทูเนีย, บีโกเนีย และจะควบคุมอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียสตลอดทั้งวัน


เดินถัดมาอีกไม่ไกลก็จะเจอกับ Flora Tower View หรือหอชมวิวฟลอร่า ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นไฮไลต์เลยค่ะ ที่ทุกคนจะต้องมาเช็คอินที่นี่ เราสามารถขึ้นไปนั่งพักผ่อนบนบนหอชมวิว และสามารถชมภูมิทัศน์โดยรอบของฟลอร่า พาร์ค และพื้นที่โดยทั่วไป


แต่ถ้าใครมาเป็นคู่ต้องชอบโซนนี้กับ หออธิษฐานรัก สั่นระฆังและอธิษฐาน ให้ดอกไม้และขุนเขาเป็นพยานรัก โรแมนติกสุด ๆ ถึงมาคนเดียวก็ขึ้นไปเคาะได้นะ เพราะวิวจากฝั่งหออธิษฐานรักก็สวยไม่แพ้กันค่ะ เดินไปเที่ยวโซนต่อไปกันเลยค่ะ จะเห็นเหมือนเป็นลูกโลก ซึ่งเป็นประติมากรรมที่ทำมาจากไม้ไผ่ หรือ Bamboo Art ซึ่งทางเดินก็เป็นไม้ไผ่เช่นกันโอบล้อมไปด้วยสวนดอกกุหลาบที่ล้อมรอบ สายอาร์ตทั้งหลายต้องมาถ่ายรูปชิค ๆ กันโซนนี้นะคะ เท่มาก

ก่อนจะเดินออกจากโซนนี้เราก็จะพบกับอุโมงค์ไม้ไผ่ยาว 90 เมตร ที่ด้วยปลูกพืชผักไม้เลื้อยอย่างน้ำเต้าที่เลื้อยปกคลุมอุโมงค์ทั้งด้านข้างและด้านบนเลยทีเดียว พอเดินทะลุมาอีกหน่อยในพื้นที่ติดกัน จะเป็น อุโมงค์ม่านบาหลี เป็นโครงเหล็กถูกคลุมด้วยม่านบาหลี ถ้าสังเกตดูปลายของรากจะเป็นสีชมพู สวยมากค่ะ

นี่แค่ฟลอร่า พาร์คยังถ่ายรูปเมมเกือบเต็มเลยค่ะ ยังมีอีกสองส่วนที่เดี๋ยวเราไปเที่ยวกันต่อ แต่ตอนนี้ขอพักกินข้าวที่ ครัวฟลอร่า ก่อนค่ะ เมนูส่วนใหญ่จะเป็นอาหารจานเดียว ราคากำลังน่ารัก แถมที่นี่ยังมีคาเฟ่ที่จำหน่ายกาแฟโรบัสต้าและอาราบิก้า ที่ทางร้านเบลนด์เองด้วยนะคะ

หลังจากจัดเต็มกับมื้อเที่ยงก็พร้อมลุยต่อที่ ฟ้าประทานโรสพาร์ค ซึ่งมีกุหลาบถึง 400 สายพันธุ์กว่า 40,000 ต้น ที่ชูช่อรอให้พวกเราไปเชยชมความงามอยู่ค่ะ เราเดินทางด้วยรถรับส่งของฟลอร่า พาร์ค ที่จะบริการไปส่งโรส พาร์ค แบบฟรี ๆ กันเลย ถ้าซื้อตั๋วชมสวนทั้งสองส่วน

สารภาพว่าเดินที่ฟลอร่า พาร์ค จนล้า โชคดีที่โรส พาร์ค เขามีจักรยานไว้ให้บริการด้วยค่ะทั้งแบบเด็ก, ผู้ใหญ่ รวมถึงจักรยานสามล้อก็มีนะ ราคาเริ่มต้นที่ 30 บาทเท่านั้น ขี่ได้ทั้งวันไม่จำกัดชั่วโมง





ที่สำคัญโซนนี้ยังมีที่พักหลากหลายสไตล์ให้เลือกพักด้วย ทีเด็ดต้องห้องกระจกรอบด้าน มองเห็นสวนกุหลาบแบบนี้ค่ะ ราคาคืนละ 1,500 บาทเท่านั้น แต่ถ้าเป็นสายลุยก็ต้องโซนให้กางเต๊นท์ นอนนับดาวในสวนกุหลาบในราคา 500 บาทต่อท่าน มีเต๊นท์พร้อมเครื่องนอน รวมอาหารเช้า ห้องน้ำรวมแยกชายหญิง พร้อมด้วยเครื่องทำน้ำอุ่น



ถ้าเดินชมสวนกุหลาบจนเหนื่อยที่นี่ก็มีร้านกาแฟน่ารัก ๆ เปิดใหม่ตั้งอยู่ ชื่อว่า “It’s a matter of rose tea house” นอกจากจะมีกาแฟบริการแล้ว ยังมีสินค้า OTOP และผลิตผลการเกษตรที่เพาะปลูกในอำเภอวังน้ำเขียวทั้งที่แปรรูปและเป็นผลิตผลสด จำหน่ายเดินชมดอกไม้เสร็จก็นั่งจิบชาชมวิว พักผ่อนกันได้นะคะ

ทริปของเรายังไม่หมดเพียงเท่านี้ ก่อนกลับพวกเราเดินทางไปเที่ยวชม ฟาร์มฟ้าประทาน กันต่อ ซึ่งที่ฟาร์มจะทำให้เราได้เที่ยวและเรียนรู้การพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงไก่ไข่อารมณ์ดี ปลูกผักอินทรีย์ไม่ใช้สารเคมี เราสามารถ Shopping ผักสด ๆ จากฟาร์ม ที่สำคัญที่ฟาร์มเปิดให้เข้าชมฟรีด้วยค่ะ


เป็นยังไงกันบ้างกับทริปวังน้ำเขียวของเราในวันนี้ บอกเลยค่ะว่าถึงแม้จะเริ่มเข้าฤดูร้อนแต่อากาศที่วังน้ำเขียวยังเย็นสบาย เที่ยวได้ทุกฤดูจริง ๆ ที่สำคัญเดินทางมาง่ายมาก ๆ วันหยุดนี้อย่าลืมพาครอบครัวและคนพิเศษมาเที่ยววังน้ำเขียวกันนะคะ ส่วนครั้งหน้าเราจะพาไปเที่ยวที่ไหนติดตามได้ที่เพจ we korat จ้า