หากนึกถึงที่เที่ยวโคราชสุดฮอตทำเลใกล้กรุงเทพฯ ที่หลายคนมักจะมาใช้เวลาพักผ่อนในวันหยุด ต้องมี "วังน้ำเขียว" ติดท็อปลิสต์เสมอ ด้วยบรรยากาศที่เย็นสบาย ไม่ต่างจากดินแดนทางภาคเหนือ ที่พร้อมให้สัมผัสความงดงามของธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางผืนป่าเขียวขจีได้ตลอดทั้งปี ทริปนี้เราหาจาก 13 ที่เที่ยวฟาร์มโคราช ไว้เลือก จนได้มาตกลงปลงใจกับความสวยงามและกิจกรรมที่หลากหลายของ วิลเลจฟาร์ม แอนด์ ไวน์เนอรี่ ทริปนี้จึงเริ่มต้นขึ้น
ด้วยคอนเซปต์ที่วางไว้ว่าทริปนี้จะเป็นทริปสบาย ๆ ก่อนจะออกจากตัวเมืองโคราชเราก็แวะ 15 คาเฟ่ บรรยากาศดี วิวธรรมชาติ เพื่ออุ่นเครื่องกันก่อน เพราะการได้นั่งจิบกาแฟ ชมวิวธรรมชาติในตอนเช้า ๆ มันเรียกพลังได้ดีเหลือเกิน แต่ถ้าใครอยากจัดหนักเลยล่ะก็ เราขอแนะนำ 10 ร้านเด็ดโคราช รสดีบรรยากาศได้ ที่สายกินต้องไปลอง เมื่อพร้อมแล้วก็ไปเที่ยวทริป เที่ยววิลเลจฟาร์ม แอนด์ ไวน์เนอรี่ วังน้ำเขียว แบบสบายไปเช้าเย็นกลับ ด้วยกันเลยจ้า

การเดินทางเริ่มต้นที่ตัวเมืองโคราช ขับผ่านเส้น 304 ไปทางปักธงชัย พอถึงหลักกิโลเมตรที่ 59–60 ระหว่างทางบริเวณก่อนเข้าหมู่บ้านไผ่งาม จะเห็น วิลเลจฟาร์ม แอนด์ ไวน์เนอรี่ อยู่ด้านซ้ายมือใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้วค่ะ ที่นี่เขามีชื่อเสียงมานานและเป็นที่เที่ยวโคราชสุดฮอตของวังน้ำเขียวด้วย วิลเลจฟาร์ม แอนด์ ไวน์เนอรี่ เป็นฟาร์มที่ตั้งอยู่บนเขาลูกเล็ก ๆ วิวระหว่างทางขึ้นไปฟาร์มเอาไปเต็มสิบ เพราะไม่เหมือนอยู่เมืองไทยเลย สวยจนต้องจอดแวะถ่ายรูปเก็บไว้ชม

ภายในฟาร์มสร้างแบบโรงนาของชาวตะวันตก พร้อมการตกแต่งสไตล์คันทรี ที่นี่เด่นมากในเรื่องของไร่องุ่นและโรงผลิตไวน์สไตล์ฝรั่งเศส มาวันเสาร์พอดี ที่นี่จะมี กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงเกษตร กิจกรมมนี้จะจัดเรื่อย ๆ สามารถติดตามข่าวสารอัพเดตได้ที่เพจ Village Farm & Winery นะคะ สำหรับวันนี้เราสองคนก็ร่วมกิจกรรมนี่ด้วย จะมีกิจกรรมเยี่ยมชมโรงบ่มไวน์และกระบวนการผลิตไวน์ทุกขั้นตอนเลย กิจกรรมนี้จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ


ถ้าอยากสวีตให้เต็มพิกัด ที่นี่มีจักรยานให้ปั่นชมฟาร์มกันเพลิน ๆ ชมไร่องุ่น สูดอากาศเย็น ๆ ท่ามกลางภูเขาและสองเรา จนเผลอคิดว่าเป็นณเดชกับญาญ่าแห่งสี่หัวใจแห่งขุนเขาไปอีก จะฤดูไหนก็มาเที่ยวได้ค่ะ สำหรับใครที่กำลังคิดว่าฤดูฝนนี้โคราช เที่ยวไหนดี ก็ลองมาเที่ยววินเลจฟาร์มกันค่ะ และในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์-ต้นเดือนมีนาคมของทุกปี ทางฟาร์มจะจัด เทศกาลเก็บเกี่ยวองุ่นประจำปี (Night Harvest Festival) ซึ่งงานนี้จะจัดเพียง 1 คืนเท่านั้น โดยกิจกรรมจะเริ่มจากมีดนตรีบรรเลงขณะกินอาหารเย็น จากนั้นให้เราเก็บเกี่ยวองุ่นและย่ำองุ่น แค่คิดก็สนุกแล้ว


แม้ว่าช่วงนี้จะฤดูฝน แต่อากาศช่วงเช้า ๆ บอกเลยว่าเย็นสบายมาก ที่ฟาร์มมีห้องพักไว้บริการด้วยนะ มีทั้งหมด 19 ห้อง มีหลายแบบให้เลือก ราคาเริ่มต้นที่ 3,500 - 6,000 บาท/คืน สำหรับ 2 คน รวมอาหารเย็นและอาหารเช้าไปเลย สำหรับห้องพักที่เราพามาชมชื่อว่า บ้านชมตะวัน เป็นห้องพักสองชั้น ด้านหลังห้องพักมีสระว่ายน้ำที่ติดกับภูเขาเลย สวยมาก ๆ



เที่ยวชมในฟาร์มจนเหนื่อยถึงเวลากินข้าวแล้ว ใครอยากชิมน้ำองุ่นรสชาติชั้นดี ที่ฟาร์มก็มีร้านอาหารสไตล์ยุโรปให้บริการ มาสองคนแต่จัดเต็มมาก ๆ ค่ะ ขอเริ่มต้นที่ "สเต๊กขาหมูเยอรมัน" (ราคา 550 บาท) ขอชมว่าเขาทอดดีนะ ไม่อมน้ำมันเลย ทิ้งไว้นานแค่ไหนก็ยังกรอบนอกนุ่มใน เหมาะสำหรับกิน 2-4 คน เพราะขาหมูเยอรมันขนาดใหญ่จริง ๆ ระวังกินไม่หมดนะ ><

ถัดมาเป็นเมนูถูกใจแฟนอย่าง "สเต๊กซี่โครงหมู BBQ" (ราคา 550 บาท) เนื้อนุ่มมากกก สะกิดนิดเดียวก็ร่อนออกจากกระดูกแล้ว จิ้มกับซอสบาร์บีคิวที่เคียงมาให้ยิ่งฟิน ใกล้กันเป็น "สเต๊กเนื้อสันในออสเตรเลีย" (ราคา 650 บาท) เนื้อมีความอิมพอร์ตจากออสซี่น้า รสชาติกลมกล่อมกำลังดี


ถ้าอยากกินอะไรแบบแซ่บ ๆ ที่นี่ก็มีนะอย่าง "พล่าส้มโอ" (ราคา 180 บาท) เป็นยำส้มโอกับกุ้งสด รสออกเปรี้ยวหวาน สาว ๆ กินได้ไม่มีอ้วน รู้สึกสดชื่นดี น้ำพริกเขาก็มีนะเป็น "น้ำพริกชาวไร่" (ราคา 120 บาท) เป็นน้ำพริกปลาแมคเคอเรล รสมันจะคล้าย ๆ อ่อง ต้องกินคู่ผักสดที่เคียงมาให้นะ เริ่ดเลย


นอกจากนี้ยังมี "ต้มแซ่บซี่โครงหมูอ่อนใส่เห็ดหอมสด" (ราคา 250 บาท) ไว้ซดน้ำแกงแซ่บ ๆ หรือจะเป็นของกินเล่นอย่าง "ชีสทอดซอสองุ่น" (ราคา 250 บาท) มีความเค็มของชีสและความหวานของแยมองุ่นที่ตัดกันได้อย่างลงตัว ปิดท้ายที่ "แซลมอนแดดเดียว" (ราคา 320 บาท) ก็มีให้ลอง บอกเลยว่าอาหารที่ฟาร์มเยอะมาก โดยวัตถุดิบส่วนใหญ่ที่ใช้ก็มาจากวังน้ำเขียวนี่แหละค่ะ รับรองความสดใหม่



มาถึงไร่องุ่นทั้งทีก็ไม่พลาดที่จะดื่ม น้ำองุ่นสด 100% ไม่มีการปรุงแต่ง เก็บได้ 3 เดือน ด้วยความที่เป็นธรรมชาติแท้ ๆ รสชาติกลมกล่อม ดื่มได้เพลิน ๆ เลย นอกจากนี้ยังมีน้ำเสาวรส ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่สด ๆ จากไร่ มีทั้งสูตรมีเมล็ดและไม่มีเมล็ด รสชาติดีและมีประโยชน์ที่อยากให้ลองชิม เรียกได้ว่ามาที่นี่ที่เดียวทั้งเที่ยวทั้งกินจัดเต็มแบบครบเลยค่ะ นอกจากบรรยากาศแล้วที่ฟาร์มคนไม่พลุกพล่านเท่าไหร่ ได้มาเที่ยวฟิน ๆ อินบรรยากาศเต็มที่ ถ้าใครอยากมากินอาหารในบรรยากาศฟิน ๆ แบบนี้ ก็มาที่ วิลเลจฟาร์ม แอนด์ ไวน์เนอรี่ ได้เลย ห้องอาหารจะเปิดตั้งแต่วันจันทร์ - พฤหัสบดี 08.00 - 18.00 น. ส่วนวันศุกร์ - อาทิตย์ 08.00 - 20.00 น. โทรมาจองโต๊ะก่อนก็ได้ที่เบอร์ 044 228 407 8, 081 877 3711



ก่อนกลับจากฟาร์มพวกเราได้แวะซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับไปซะหน่อย เป็นสินค้าทางการเกษตรจากวังน้ำเขียว เช่น ผลไม้สด, ผลไม้อบแห้ง, น้ำองุ่นสด ๆ ที่เราได้ชิมกันไป ที่สำคัญคือปลอดภัยไร้สาร เหมือนได้ช็อปสินค้าจากมือเกษตรกรกันเลย เรียกได้ว่าครบ จบ ในที่เดียวสำหรับทริปวังน้ำเขียวในวันนี้ สอบถามข้อมูลอื่น ๆ ของ วิลเลจฟาร์ม แอนด์ ไวน์เนอรี่ ได้ที่ แฟนเพจ : www.facebook.com/VillageFarmWinery และเว็บไซต์ : www.villagefarm.co.th โทรศัพท์ 081 877 3711

วันนี้ใช้เวลาที่ฟาร์มเกือบทั้งวันเพราะเขามีกิจกรรมสนุก ๆ ให้ทำเพียบ ก่อนกลับก็ขับรถต่อไปในซอยไทยสามัคคีค่ะ สถานที่สุดท้ายสำหรับวันนี้ เราจะไปขึ้นไปบน ผาเก็บตะวัน ชมพระอาทิตย์ตกดินกัน บนผาเราจะมองเห็นวิวทิวเขาได้แบบเต็ม ๆ มีหมอกจาง ๆ ลงตลอดเวลา ชมพระอาทิตย์ที่ค่อย ๆ ลาลับขอบฟ้า ถึงไม่ได้มากับแฟนก็ฟินนะจะบอกให้

เผลอแป๊บเดียวก็ใช้เวลาหมดวันแล้ว กับทริป เที่ยววิลเลจฟาร์ม แอนด์ ไวน์เนอรี่ วังน้ำเขียว แบบสบายไปเช้าเย็นกลับ จริง ๆ แล้วยังมีที่เที่ยววังน้ำเขียวที่น่าสนใจอีกเยอะเลยค่ะ เพื่อน ๆ สามารถดูที่เที่ยววังน้ำเขียวเพิ่มเติมได้ที่ 42 ที่เที่ยวถ่ายรูปเขาใหญ่ วังน้ำเขียว ที่สำคัญเดินทางมาง่ายมาก ๆ เป็นที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ และที่เที่ยวหน้าฝน เพราะมาได้ทุกฤดูจริง ๆ มาจากตัวเมืองโคราชขับรถแค่ชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้วค่ะ
ถ้ายังฟินไม่สุด ก็แนะนำให้พักค้างคืนไปเลย ด้วยตัวเลือกดี ๆ อย่าง 15 ที่พักวังน้ำเขียวโคราช วิวสวยบรรยากาศดี ที่ต้องโดน เสร็จแล้วอย่าลืมแวะกิน 10 ร้านอาหารวังน้ำเขียว บรรยากาศดี จะได้ฟินครบสูตรไปเลย เอาล่ะ บอกลายแทงกันแบบนี้แล้ว วันหยุดนี้ก็แท็กเพื่อน ชวนคนพิเศษ พาครอบครัวไปเที่ยวกัน! และฝากกดไลก์เพจ we korat เพื่อน ๆ จะได้อ่านบทความดี ๆ รีวิวร้านเด็ดโคราชที่น่าสนใจอีกเพียบจ้า