หน้าเรียลใหม่ใกล้ฉัน…เมื่อคนพากันสลายฟิล (เลิกล้น) หรือนี่คือเทรนด์ใหม

Hello สาว ๆ และทุกคนที่อยู่วงการความงามทั้งหลาย ช่วงนี้ใครเลื่อนฟีดบ่อย ๆ น่าจะได้เห็นข่าวเหล่าคนดังเริ่ม “ละลายสารเติมเต็ม” กันรัว ๆ จากเคยเป็นยุคหน้าอิ่ม ปั้นหน้าล้น แบบตุ่ย ๆ กลับกลายเป็นว่าเทรนด์ช่วงนี้ดันย้ายไปสายหน้าธรรมชาติ หรือเติมนิดหน่อยให้ฟีลเรียลแบบ No Filter! จนหลายคนสงสัยว่า “เอ๊ะ...นี่มันกระแสใหม่เหรอ? หรือแค่เบื่อ ๆ กันเฉย ๆ ?” Beauty Story พามาล้วงลึกกันค่ะ

(1) จาก Overfilled สู่ Natural Look

เทรนด์มันเปลี่ยนไปแล้วจ่ะ จาก "Overfilled Look" เปลี่ยนมาเป็น "Natural Look" ดูอย่างไคลี่ เจนเนอร์ เจ้าแม่ปากอิ่ม ยังเคยเปิดใจว่าใช้โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปากเยอะมาก แต่ช่วงหลังก็สลายบางส่วนออกให้ปากดูเนเชอรัล สวยจึ้งอีกสไตล์

แล้วทำไมเซเลบถึงพากันสลายสารเติมเต็ม? เหตุผลหลัก ๆ คือเบื่อกับการเติมซ้ำไม่รู้จบ การฉีดบ่อย ๆ เสี่ยงทำให้เนื้อเยื่อเกิดพังผืดหรือดูผิดรูป แถมสารเติมเต็มอยู่ได้แค่ 6-12 เดือนต้องเติมซ้ำไปเรื่อย ๆ ไม่จบสิ้น อีกทั้งแรงกดดันจากโซเชียลก็มีส่วนมาก เมื่อหน้าเปลี่ยนไปเยอะ แฟน ๆ อาจจำไม่ได้ว่าเป็นคนเดิม เลยโดนคอมเมนต์กันฉ่ำ ขณะที่กระแส Body Positivity กำลังมาแรง คนเริ่มยอมรับริ้วรอยตามวัย สนับสนุนแนวคิด "Aging Gracefully" และที่สำคัญคือความเหนื่อยล้ากับการรักษาภาพลักษณ์ หลายคนเริ่มรู้สึกว่าต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองมากเกินไปเพื่อให้เข้ากับมาตรฐานความงามที่ไม่เป็นธรรมชาติ จนบางครั้งมองกระจกแล้วจำตัวเองไม่ได้!

(2) แล้วชาวเราเกี่ยวอะไรด้วย?

ชัวร์อยู่แล้ว เทรนด์คนดังไหลลงมาหาเราไวมาก ๆ เมื่อดาราลดฟิล หน้าดูเรียลขึ้น หลายคนก็อาจเริ่มมองว่า "หน้าไม่จำเป็นต้องบวมฉ่ำก็สวยได้แล้วนิ" สังเกตไหม "งานปรับรูปหน้าเบา ๆ" กำลังฮิต ไม่ต้องฉีดให้โซะ แค่เติมนิดหน่อยก็พอแล้ว

อย่างคุณหมอแตงโม จากช่อง YouTube Doctortangmow skin ถึงกับบอกว่าปี 2025 จะเป็นปีแห่งการสลายฟิล เพราะเริ่มมีคนไข้เริ่มขอสลายสารเติมเต็มกันมากขึ้น บางคนถึงกับบอกว่าหน้าล้น เพราะเติมบ่อย ๆ จนมันไปสะสมที่จุดใดจุดหนึ่ง จนจำหน้าตัวเองไม่ได้ ซึ่งมันก็ไปสอดคล้องกับการที่พบว่าคนรุ่นใหม่เริ่มมองว่าหน้าที่เป็นธรรมชาติดูสวยและน่าดึงดูดกว่า ซึ่งบางคนที่เคยเติมไว้อาจกล้า "Stop" ปล่อยให้หน้ากลับคืนสู่ธรรมชาติ เพราะกระแส "ยอมรับตัวเอง" กำลังมาแรงนั่นเอง

แต่ไม่ใช่ทุกคนจะหยุดนะ ยังมีคนที่บอกว่าโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ช่วยเพิ่มความมั่นใจและจะทำต่อไป ซึ่งก็เข้าใจ! เพราะจริง ๆ แล้วเจ้าโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เนี่ยไม่ใช่ตัวร้ายหรืออะไร เพราะว่าถ้าหากเราใช้รุ่นที่มีคุณภาพมันก็จะสลายไปเองได้ หรือเพียงแค่ใช้ให้ถูกต้องตามจุดประสงค์หรือให้เข้ากับหน้าเรา ที่มีทั้งแบบปรับสภาพผิว หรือแบบปรับรูปหน้าก็ต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำก็โอเคแล้ว

(3) แล้วการสลายสารเติมเต็ม ทำยังไง?

มาถึงเรื่องเทคนิค! การสลายทำได้ด้วย Hyaluronidase Enzyme ช่วยสลาย HA (ไฮยาลูรอนิก แอซิด) ให้กลายเป็นของเหลวแล้วค่อย ๆ กระจายออกไปตามกระบวนการของร่างกาย ขั้นตอนคร่าว ๆ คือ

1. หมอประเมินตำแหน่ง และปริมาณที่จะละลาย

2. ฉีด Hyaluronidase ในจุดที่ต้องการสลาย

3. รอเอนไซม์ออกฤทธิ์ สารเติมเต็มจะค่อย ๆ ยุบไป

💉 หลังฉีดอาจมีอาการบวมแดงหรือคันนิดหน่อย แต่ไม่ต้องตกใจนะ ส่วนใหญ่เห็นผลภายใน 24-48 ชั่วโมง บางคนอาจรอถึง 1 สัปดาห์เพื่อดูผลลัพธ์ชัดเจน

💡 ข้อควรระวัง อาการแพ้เอนไซม์เกิดได้ (แม้จะพบน้อย) ควรทำที่คลินิกที่มีแพทย์เชี่ยวชาญ และบางคนอาจต้องฉีดสลายหลายรอบ โดยเฉพาะถ้าปริมาณสารเติมเต็มเยอะหรือกระจายหลายจุด

(4) แง่มุมความงาม ไม่ได้จบแค่โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์

อย่าลืมว่ายังมีทางเลือกอื่น ๆ อีกเพียบนะ ทั้งโบทูลินั่ม ท็อกซิน ร้อยไหม หรือแค่ Skincare Routine ดี ๆ ก็ช่วยได้เยอะแล้ว หรือจะหันมาใช้ Non-Invasive Treatments (เครื่องมือที่ไม่ต้องฉีด) ก็น่าสนใจไม่น้อย พวกเครื่อง HIFU, Thermage หรือ Ulthera ที่ใช้ความร้อนจากคลื่นเสียงหรือคลื่นวิทยุช่วยกระชับผิว กระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวโดยไม่ต้องฉีดอะไรลงไปเลยก็ได้ผลงามไม่แพ้กัน

และขอพาแวะดูเทรนด์ล่าสุดที่มาแรงในวงการความงามตอนนี้ค่ะคือ "Skin Minimalism" หรือการใช้สกินแคร์น้อยชิ้นแต่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมกับการใช้นวัตกรรมความงามที่เน้นผลลัพธ์ที่ธรรมชาติไม่ดูโอเวอร์เพราะว่าบางครั้งการใช้ผลิตภัณฑ์น้อยชิ้นแต่ตรงจุดกลับให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการเติมเต็มด้วยโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ และยังปลอดภัยกว่าในระยะยาวนะ

อีกทั้งกระแส Body Positivity & Aging Gracefully กำลังมาแรงแซงทางโค้งจริง ๆ อย่างที่บอก พวกริ้วรอยตามวัยหรือรูปหน้าที่ไม่เป๊ะอาจกลายเป็นเอกลักษณ์ที่เรารักและภูมิใจได้ อย่างเมอร์ริล สตรีพ, เฮเลน เมอร์เรน หรือเจมี่ ลี เคอร์ติส นางเอกฮอลลีวูดที่อายุเลย 60-70 แล้ว พวกเธอเคยให้สัมภาษณ์ตรงกันว่า พวกเธอไม่ได้ไปทำศัลยกรรมใด ๆ เผชิญหน้ากับความชราด้วยความภาคภูมิใจ และรักในเส้นริ้วที่บอกเล่าประสบการณ์ชีวิต

เรื่อง Self-Confidence ต้องมาจากข้างในด้วย ไม่ใช่แค่จากการฉีดอย่างเดียว ความมั่นใจที่แท้จริงเกิดจากการยอมรับตัวเอง และมองว่าความไม่สมบูรณ์แบบของเราเป็นส่วนที่ทำให้เราเป็นเรา การดูแลสุขภาพกาย-ใจควบคู่กัน และยอมรับการเปลี่ยนแปลงตามวัย จะช่วยให้เรามีความสุขและความงามที่ยั่งยืนกว่า ไม่ว่าจะเติมหรือไม่เติมสารเติมเต็มก็ตาม

(5) แล้วแต่เทส แล้วแต่ชอบ

สุดท้ายนี้ ไม่มีอะไรถูกหรือผิดในเรื่องนี้ คนที่ยังฉีดอยู่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่รักตัวเอง และคนที่เลือกสลายก็ไม่ใช่แค่ไหลตามกระแส

ปัจจุบันวงการความงามกำลังเปลี่ยนไปสู่ "Less is More" คือน้อยแต่มาก สวยแบบไม่ตะโกน ดูเป็นธรรมชาติ แต่ก็เสริมจุดที่ด้อยเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ลงตัวได้ ประเด็นสำคัญคือ ต้องมีข้อมูลรอบด้านและตัดสินใจให้เหมาะกับชีวิตตัวเอง และเคารพการเลือกของคนอื่น

การสลายฟิลของเหล่าคนดังอาจดูเหมือนเป็นแค่ "เทรนด์" แต่จริง ๆ กำลังส่งสัญญาณว่าค่านิยมความงามกำลังเปลี่ยนแปลง เหมือนกับตอนนี้ "เรากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านของมาตรฐานความงาม"

จะฉีดต่อหรือสลาย ล้วนเป็น "ทางเลือก" ขึ้นอยู่กับว่าพอใจกับหน้าตาตัวเองแค่ไหน "ความสวย" เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา แต่ "สุขภาพกายและใจ" ต้องดูแลระยะยาว หากคิดจะเปลี่ยนอะไรกับใบหน้า ก็ตัดสินใจอย่างมีสติ มีข้อมูลที่ดีนะคะ

—----------------------------

References:

Doctortangmow skin, ปี 2025 ปีแห่งการสลายฟิลเลอร์ ไม่อยากหน้าล้นต้องดู | EP.322 (2025)

https://youtu.be/8O1pAkilcBE?si=ZmM9apqPFCWAAW8p

Apeksha N., 10 Celebrities Who Dissolved Their Fillers and Embraced Their Natural Look (2024)

https://brightside.me/articles/10-celebrities-who-dissolved-their-fillers-and-embraced-their-natural-look-820273/

Mitchel P. Goldman, MD, Why Dissolving Fillers Is Suddenly So Popular (2024)

https://clderm.com/why-dissolving-fillers-is-suddenly-so-popular/

Dr. Nadir Qazi, Kylie Jenner Dissolving Filler (2024)

https://qaziclinic.com/resources/kylie-jenner-dissolving-filler/

The Pull Agency, Natural beauty and Gen Z, what’s the deal? (2020)

https://www.thepullagency.com/blog/natural-beauty-and-gen-z-whats-the-deal