Beauty Story Ep.29 ทำไม Pick me girl ถึงดูน่าหมั่นไส้
  1. Beauty Story Ep.29 ทำไม Pick me girl ถึงดูน่าหมั่นไส้

Beauty Story Ep.29 ทำไม Pick me girl ถึงดูน่าหมั่นไส้

วิเคราะห์เชิงจิตวิทยา Pick Me Girl แบบไม่ Bias ขอเล่าแบบจับเข่าเมาท์มอยให้คุณผู้อ่านดูว่าจริง ๆ แล้วคำนี้มีที่มาที่ไปยังไง และเป็นแบบนั้นมันแย่จริงหรือ
writerProfile
20 ธ.ค. 2024 · โดย

Pick Me Girl คือนิยามที่สังคมออนไลน์ตั้งให้กับผู้หญิงที่ดูนอกจากพยายามเรียกร้องความสนใจ แถมยังแอบต้องการการยอมรับจากผู้ชาย โดยมักแสดงออกว่า “ฉันไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น” เช่น บอกว่าไม่ชอบแต่งหน้า หรือทำตัวแตกต่างเพื่อให้โดดเด่น ตัวอย่างง่าย ๆ ก็เช่น เวลาอยู่ในกลุ่มเพื่อนชายแล้วพูดว่า “เราชอบเล่นเกมอะ เราไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไปหรอกแก” แบบนี้แหละค่ะที่โดนมองว่าเป็น Pick Me Girl

แต่คำถามคือ ทำไมพฤติกรรมแบบนี้ถึงถูกวิจารณ์หนัก? ก็เพราะในหลายครั้ง การแสดงออกเหล่านี้อาจดูเหมือนลดคุณค่าของผู้หญิงคนอื่นเพื่อยกตัวเองให้เด่นขึ้น เช่นเดียวกับคำพูดที่เคยเป็นไวรัลว่า “I’m not like other girls” ที่สร้างความขัดแย้งในหมู่ผู้หญิงมานาน

.

Beauty Story ตอนนี้ขอเล่าแบบจับเข่าเมาท์มอยให้คุณผู้อ่านดูว่าจริง ๆ แล้วคำนี้มีที่มาที่ไปยังไง และเป็นแบบนั้นมันแย่จริงหรือ หรือเราแค่ติดภาพลบตามกระแสกันไปเอง ลองมาดูกันค่ะ!

.

(1.) Pick Me Girl คือใคร? ทำไมต้องดราม่า?

"Pick Me Girl" คือคำที่ใช้บรรยายผู้หญิงที่แสดงออกหรือพูดจาให้ตัวเองดูแตกต่างจากผู้หญิงทั่วไป เช่น "ฉันไม่ชอบแต่งหน้าแบบคนอื่น ฉันชอบอยู่บ้านดู Netflix มากกว่า" ซึ่งเหมือนจะบอกว่า "ฉันดีกว่า" ผู้หญิงส่วนใหญ่เพื่อดึงดูดความสนใจ (โดยเฉพาะจากผู้ชาย) คำนี้ดังเปรี้ยงมาจากโซเชียลมีเดีย แต่จริง ๆ แล้วมีเค้าลางจากวัฒนธรรมป๊อป เช่น ภาพยนตร์อย่าง Mean Girls ที่เรามักเห็นตัวละคร "Regina George" โดนหมั่นไส้เพราะดูเด่นเกินไป

ลองนึกภาพสาวคนหนึ่งในแก๊งเพื่อนที่พูดขึ้นว่า "ไม่เข้าใจพวกผู้หญิงที่ชอบใส่ส้นสูงเลยเธอ ใส่รองเท้าผ้าใบแบบมันสบายจะตาย" ฟังดูเหมือนเป็นแค่ความเห็น แต่ก็ชวนให้คิดว่าเธอพยายามจะบอกอะไรเป็นนัย ๆ หรือเปล่า?

.

หรือจะเป็นสาวออฟฟิศคนหนึ่งที่เอาแต่บอกว่า "ฉันไม่เคยกินอาหารคลีนเลย แต่ทำไมยังผอมก็ไม่รู้" ทั้งที่คุณเธอก็สั่งสลัดทุกมื้อ เพื่อนร่วมงานก็ได้แต่มองบนแล้วคิดว่า "อ่ะค่ะ เชื่อก็ได้"

.

(2.) Pick Me Girl คือเหยื่อของโลกชายเป็นใหญ่

ว่ากันว่าคำว่า "Pick Me" มีต้นตอมาจากการวิเคราะห์เชิงจิตวิทยาเกี่ยวกับ "Internalized Misogyny" หรือ "การกดทับผู้หญิงในจิตใต้สำนึก" โดยมองว่าผู้หญิงบางคนถูกหล่อหลอมให้แข่งขันกันเองเพื่อความสนใจจากผู้ชาย แนวคิดนี้โด่งดังในหนังสือ The Beauty Myth ของ Naomi Wolf (1991) ที่ชี้ให้เห็นว่าอุตสาหกรรมความงามและสังคมมักสร้างแรงกดดันให้ผู้หญิงต้องพิสูจน์ตัวเองเหนือผู้หญิงคนอื่น

หลายครั้งที่ Pick Me Girl โดนโจมตีว่าเป็นผู้หญิงที่หันหลังให้เพศเดียวกัน แต่นักสังคมวิทยาหลายคนกลับมองว่านี่เป็นผลพวงของระบบชายเป็นใหญ่ (Patriarchy) ที่ทำให้ผู้หญิงต้องแย่งชิงความสนใจจากผู้ชายเพราะมันหมายถึงอำนาจและความมั่นคง

.

ถึงการที่สาว ๆ บางคนจะมีความคิดที่ชอบกดหัวคนอื่นให้ตัวเองดูเด่นขึ้นมาอยู่จริง ๆ แต่ในอีกมุมท่ามกลางสังคมที่คนต้องแข่งขันกันอย่างหนักและการพยายามหาที่ยืนในโลกที่ความสนใจเป็นสิ่งสำคัญ Pick Me Girl แบบที่ใส่คำต่อท้ายว่า “Not All” เธออาจไม่ได้คิดร้ายขนาดนั้นก็ได้นะ บางทีก็แค่ ชอบแบบนี้ ชอบแต่งตัวแบบนี้ ชอบใส่เสื้อวงนี้ ชอบเล่นกีฬาหนัก ๆ ก็ได้

ยกตัวอย่างเช่น สาวคนหนึ่งพูดว่า "เราไม่ค่อยแต่งหน้าหรอกแก เพราะเรามั่นใจในความเป็นธรรมชาติของตัวเอง ผิวเราก็ดีอยู่แล้วนี่!" แม้ว่าฟังดูเหมือน Pick Me แต่จริง ๆ เธออาจแค่ภูมิใจในผิวที่เธอดูแลมาดีมากก็ได้

.

(3.) เป็น Pick Me Girl แล้วผิดตรงไหน?

มองอีกมุม การเป็น Pick Me Girl อาจเป็นผลลัพธ์จากการที่ผู้หญิงต้องเติบโตในสังคมที่คาดหวังให้เราต้องโดดเด่นแบบ "ไม่เหมือนใคร" หรือพยายามเอาชนะใจใครบางคนเพื่อให้รู้สึกถึงคุณค่าในตัวเอง ถ้าเรามองลึกลงไป นี่อาจสะท้อนถึงความพยายามหาจุดยืนในโลกที่มักตัดสินผู้หญิงจากรูปลักษณ์หรือพฤติกรรม

มองย้อนกลับไปที่สาวสวยจากภาพยนตร์ Mean Girls (2004) เราจะเห็นว่า Regina George ตัวแม่ของโรงเรียน ใช้ทั้งเสน่ห์และการกดคนอื่นเพื่อรักษาสถานะของตัวเอง การเป็น Pick Me Girl อาจดูเหมือนเป็นตัวร้าย แต่แท้จริงแล้วพวกเธออาจแค่พยายามดิ้นรนในระบบที่ไม่ได้แฟร์กับใครเลยก็ได้

.

ผู้เขียนมองว่า มุมหนึ่งก็ฟังดูไม่แฟร์ที่จะไปเปรียบเทียบหรือทำให้คนอื่นดูด้อยค่า เพื่อให้ตัวเองดูพิเศษ ซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมบางคนถึงไม่ชอบคำนี้และพฤติกรรมแบบนี้

แต่อีกมุมหนึ่ง pick me girl ก็ไม่ได้เป็นการกระทำที่ "ผิด" เสียทีเดียวนะ เพราะบางคนก็แค่แสดงตัวตนที่เขาเป็นจริง ๆ และไม่ได้ตั้งใจจะลดคุณค่าคนอื่น แค่พยายามหาวิธีเชื่อมโยงกับคนที่เขารู้สึกเข้ากันได้ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ค่ะ

.

(4.) จาก Pick Me Girl สู่วิถี "Pick Yourself First"

บางทีการเป็น Pick Me Girl อาจทำให้เราพยายามพัฒนาตัวเองในทางที่ดีขึ้น เช่น การกล้าแสดงออกในสิ่งที่เราคิดว่าเราถนัด หรือการสร้างความแตกต่างเพื่อสร้างเอกลักษณ์ส่วนตัว อย่างน้อยที่สุด การมีความมั่นใจในตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องผิดเสมอไปนะคะ!

ไม่ว่าเราจะเลือกเป็น Pick Me Girl หรือผู้หญิงแบบไหน มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นตัวเองหรือยัง ผู้เขียนเชื่อว่าการตัดสินใครจากคำว่า Pick Me อาจจะง่ายเกินไป เพราะบางครั้งมันคือความไม่เข้าใจกันในมุมมองที่ต่างออกไป

.

ดังที่คุณ Chimamanda Ngozi Adichie นักเขียนชื่อดังเคยกล่าวไว้ว่า “We teach girls to shrink themselves, to make themselves smaller. But we should be teaching them to take up space.” มันไม่ได้เกี่ยวกับว่าเราจะ Pick Me หรือไม่ แต่เกี่ยวกับว่าเราจะภูมิใจในตัวเองแค่ไหน

ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งสำคัญไม่ใช่การถูกใครเลือก แต่คือการเลือกที่จะเป็นตัวเองแบบที่เราสบายใจ การสร้างคุณค่าให้ตัวเองโดยไม่ต้องอ้างอิงกับมุมมองของใครเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่า

.

วันหนึ่ง คุณผู้อ่านอาจเจอใครบางคนพูดว่า "ทำไมเธอทำตัวแบบนี้ล่ะ คนอื่นเขาไม่ชอบหรอก" ลองตอบกลับไปด้วยความมั่นใจว่า "ก็ฉันชอบแบบนี้ไง!"

—------------

Reference

Adichie, C. N. (2012). From We Should All Be Feminists.

Rosalind Wiseman. (2002). From Queen Bees and Wannabes.

Tina Fey. (2004). From Mean Girls.

Lillian Guerra. (2020). From The Complexity of Social Roles in a Patriarchal World.

#Wongnai #WongnaiBeauty #BeautyStory #PickMeGirl #MeanGirls