10 รถยนต์ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี 2024 รุ่นไหนน่าใช้ ราคาเป็นไงบ้าง!
  1. 10 รถยนต์ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี 2024 รุ่นไหนน่าใช้ ราคาเป็นไงบ้าง!

10 รถยนต์ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี 2024 รุ่นไหนน่าใช้ ราคาเป็นไงบ้าง!

ถ้าอยากได้รถยนต์ไฟฟ้าเราอาจจะต้องคิดเยอะหน่อยว่าสเปกแบบไหนเหมาะกับเรา นอกจากนี้ยังมีเรื่องงบประมาณที่ต้องหาราคาที่ใช่มาดูรถยนต์ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดีกันดีกว่า!
writerProfile
19 ก.ค. 2024 · โดย

ต้องบอกว่าปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้ามาแรงมาก ๆ อาจเป็นเพราะผู้คนต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น การเลือกใช้รถไฟฟ้าก็อาจจะตอบโจทย์ลดค่าน้ำมันได้ค่ะ ทั้งนี้ก็ต้องมาเลือกดูกันอีกทีเนอะว่าสเปกของรถยนต์ไฟฟ้ามีแบบไหนบ้าง และแต่ละรุ่นราคาเท่าไร เรารวบรวมมาให้ทุกคนหมดแล้วค่ะ ฉะนั้นถ้าอยากได้รถยนต์ไฟฟ้าไม่ต้องเสียเวลาไปหาเลยค่ะ

ทำความรู้จัก "รถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือรถ EV" คืออะไร ?

สำหรับ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือที่ทุกคนมักเรียกติดปากกันว่ารถ EV (Electric Vehicle) คือ รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแค่อย่างเดียว นอกจากนี้ยังมีการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแทนเครื่องยนต์ ซึ่งระบบจะเก็บพลังงานไว้ในแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จได้ อีกทั้งยังแปลงพลังงานจากแบตเตอรี่มาใช้ในการขับเคลื่อน ทำให้มีความต่างจากรถยนต์น้ำมันทั่วไปด้วยเครื่องยนต์แบบสันดาป และมีการเผาไหม้ด้วยน้ำมันเชื้อเพลิง

เรามาดูข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้ากันหน่อยดีกว่า ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้าคือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ เพราะว่าใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ทำให้ไม่มีไอเสีย และไม่มีการปล่อยมลพิษมา และช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้ประมาณหนึ่งเลยค่ะ เพราะไม่จำเป็นต้องเสียค่าน้ำมัน และมีชิ้นส่วนในการบำรุงน้อยกว่า เนื่องจากไม่ต้องใช้การจุดระเบิดเผาไหม้ในการขับเคลื่อนเหมือนรถยนต์น้ำมัน ทำให้เครื่องค่อนข้างเงียบ ไม่มีเสียงรบกวนขณะขับขี่ค่ะ

แนะนำการเลือกรถยนต์ไฟฟ้า

ควรตรวจสอบปริมาณความจุของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า : ต้องบอกว่ารถยนตร์ไฟฟ้าที่ปริมาณความจุของแบตเตอรี่มากเท่าไร ก็สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลมากขึ้นเท่านั้น ฉะนั้นก่อนเลือกซื้อต้องไม่ลืมที่จะตรวจสอบปริมาณความจุของแบตเตอรี่นะคะ โดยแบตเตอรี่ที่อยู่ในรถยนต์ไฟฟ้า มีอยู่ 4 ประเภทคือ

  • Lead-Acid
  • NiMH (Nickel-Metal Hydride)
  • Ni-Cd (Nickel-Cadmium)
  • Li-Ion (Lithium-Ion) 

เพิ่มเติมตัว Li-Ion (Lithium-Ion) จะเป็นประเภทที่นิยมนำมาใช้มากที่สุดเพราะว่ามีน้ำหนักเบา ขนาดเล็ก และจ่ายพลังงานได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเป็นแหล่งจ่ายพลังงานที่มีความจุ 100 - 400 kWh เลยค่ะ นอกจากเหนือจากนี้สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือการจราจร สภาพท้องถนน และการใช้แอร์ภายในห้องโดยสารก็มีผลต่อการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เหมือนกัน ฉะนั้นต้องตรวจสอบให้ดีก่อนเลือกนะคะ

ควรตรวจสอบหัวชาร์จของรถยนต์ไฟฟ้าให้ดี : รถยนต์ไฟฟ้ามีหัวชาร์จด้วยกันหลายแบบค่ะ ซึ่งแต่ละแบบก็มีระยะเวลาในการชาร์จกับความสามารถในการรองรับกระแสไฟแตกต่างกัน เพื่อให้ใช้งานได้อย่างเหมาะสมและตรงกับความต้องการ เราต้องตรตวจสอบประเภทของหัวชาร์จกันด้วยนะคะ และหัวชาร์จแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ด้วยกันค่ะ

  • ประเภทที่ 1 : หัวชาร์จสำหรับไฟกระแสสลับ (AC) Type 1 เป็นหัวต่อแบบ 5 Pin และเป็นการชาร์จแบตแบบ Single Phase สามารถรองรับกระแสไฟฟ้าได้ 7.4 kWh
  • ประเภทที่ 2 : หัวชาร์จสำหรับไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) Type 2 เป็นหัวแบบ 7 Pin ซึ่งทั่วไปสามารถรองรับกระแสไฟฟ้าได้ 3.7 kWh แต่ถ้าเป็นการชาร์จแบบ 3 Phase จะสามารถรองรับกระแสไฟฟ้าได้ 22 kWh ค่ะ
  • ประเภทที่ 3 : เป็นหัวชาร์จสำหรับไฟฟ้ากระแสตรง (DC) CHAdeMO จะเจอได้ในรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่น จีน และสหรัฐอเมริกา ซึ่งยังไม่ค่อยแพร่หลายในประเทศไทย
  • ประเภทที่ 4 : เป็นหัวชาร์จสำหรับไฟฟ้ากระแสตรง (DC) Combined Charging System มีกำลังในการจ่ายไฟสูง สามารถรองรับทั้งการชาร์จแบบกระแสตรงและกระแสสลับได้ ซึ่งส่วนบนของปลั๊กจะใช้สำหรับกระแสไฟสลับ และส่วนล่างใช้สำหรับไฟกระแสตรงนั่นเองค่ะ

ควรตรวจสอบระยะเวลาที่ต้องใช้ในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า : ส่วนนี้เป็นอีกส่วนที่ไม่มองข้ามเลยค่ะ เพราะรถยนต์ไฟฟ้าสามารถชาร์ตไฟได้ทั้งตู้ชาร์จที่ติดตั้งที่บ้าน (Wall Box) และจุดชาร์จไฟรถไฟฟ้าตามสถานีอัดประจุไฟฟ้าหรือว่าห้างสรรพสินค้านั่นเอง โดยส่วนใหญ่จะใช้ระยะเวลาในการชาร์จประมาณ 30 - 15 ชั่วโมง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นประเภทของหัวชาร์จ ความจุของแบตเตอรี่ กำลังไฟฟ้าของจุดจ่ายไฟ และความสามารถในการรองรับกำลังไฟ แค่นี้จะเห็นได้ว่ามีเรื่องต่าง ๆ ให้คิดเยอะมากกกเลยใช่ไหมคะ

10 รถยนต์ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี 2024 รุ่นไหนน่าใช้ ราคาเป็นไงบ้าง!

Audi E-Tron 55 Quattro

Audi E-Tron 55 Quattro

ต้องบอกว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่มีพละกำลังในการสูงต้องยกให้ E-Tron 55 Quattro จาก Audi เลยค่ะ เขาเป็นผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดังจากประเทศเยอรมนี สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้เขามีกำลังสูงสุดในโหมดปกติอยู่ที่ 360 แรงม้า และมีกำลังสูงในการ Boost Mode อยู่ที่ 480 แรงม้า เรียกได้ว่าแรงแบบฉุดไม่อยู่เลยล่ะค่ะ นอกจากนี้เขายังมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำให้พร้อมลุยไปกับสภาพพื้นผิว หมดกังวลเรื่องปัญหาอาการโยนตัวของรถด้วยนะคะ เพราะเขามีระบบความปลอดภัยสูงและอุปกรณ์มาตรฐานให้ครบเลยด้วย ไม่ว่าจะเป็นกล้องแสดงรอบทิศทาง เซ็นเซอร์หน้า-หลังระบบล็อกเบรกขณะหยุดนิ่ง และมีจุดยึดเบาะที่นั่งสำหรับเด็กให้พร้อมเลยค่ะ

  • ราคาประมาณ : 5,099,000 บาท

Source : 1

BMW I3s

BMW I3s

มาที่รถยนต์ไฟฟ้าที่มีจุดเด่นในเรื่องของความประหยัด ด้วยเทคโนโลยีสุดพิเศษที่ช่วยให้เราประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นไปอีก คือในรถยนต์ของ BMW รุ่นนี้มีฟังก์ชัน One-Pedal Feeling ที่มอเตอร์จะช่วยชาร์จไฟกลับขณะเบรก หรือถอนคันเร่งจากช่วงความเร็วคงที่ ทำให้ชาร์จไฟได้ตลอดการขับขี่ อีกทั้งยังมีความสามารถทำความเร็ว 0 - 100 ได้อย่างดีเลย ซึ่งเขาใช้เวลา 6.9 วินาทีเท่านั้น ฉะนั้นไม่ต้องห่วงว่าเครื่องจะอืดขณะออกตัวเลยค่ะ เพิ่มเติมรุ่นนี้ได้ปรับเปลี่ยนระบบควบคุมการทรงตัวใหม่ ทำให้ช่วงล่างเสถียรมากขึ้นหากต้องเข้าโค้งหรือขับขี่ด้วยความเร็วเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่งโมง ถ้าเป็นคนชอบความประหยัดต้องบอกว่ารุ่นนี้ตอบโจทย์เลยค่ะ

  •  ราคาประมาณ : 2,230,000 บาท

Source : 1

LEXUS UX 300e

LEXUS UX 300e

มาต่อกับรถยนต์ไฟฟ้าของ LEXUS กันบ้างค่ะ รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ออกแบบพิเศษให้มีดีไซน์หรูหรา ล้ำสมัย มีการตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยวัสดุระดับพรีเมียม ไม่ว่าจพเป็นเกียร์หุ้มหนัง ละเกียร์โครเมียมซาติน รู้สึกได้ถึงความมีระดับตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น นอกจากนี้เขายังมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้พละกำลังสูงถึง 150 กิโลวัตต์ ทำให้ดึงพลังงานออกมาใช้ได้ดี อัตราเร่งไม่ตก อีกทั้งยังจัดวางชุดแบตมาอย่างดี ตัวแบตเขารองรับกระแสไฟฟ้าขนาดใหญ่ได้ ทำให้ชาร์จได้รวดเร็ว ยังไม่หมดกับฟังก์ชันจัดเต็มอย่าง Daptive Cruise Control, ระบบชาร์จไฟไร้สายและระบบการเชื่อมต่อไร้สายต้องบอกว่าน่าสนใจมาก ๆ เลยค่ะ

  • ราคาประมาณ : 3,490,000 บาท

Source : 1

Tesla Model 3 Standard Range Plus

TESLA Model 3 Standard Range Plus

ถ้าพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้าและไม่พูดถึง Tesla คงไม่ได้ เขามากับเทคโนโลยีจัดเต็มที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะกับระบบ Autopilot ซึ่งเป็นระบบช่วยขับขี่ที่ดีที่สุดในตอนนี้ ซึ่งเขาใช้การทำงานร่วมกันของกล้องนอกรถ เรดาร์ และเซ็นเซอร์ทำให้สามารถประมวลผลได้อย่างแม่นยำ อีกทั้ง Tesla ยังเป็นรถที่ถูกจัดอันดับเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับต้น ๆ เพราะว่ามีโครงสร้างและตัวถังที่แข็งแรงสูง ทำให้เราขับขี่ได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ต้องบอกว่า Tesla ยังไม่ได้มีวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการนะคะ หากสนใจต้องซื้อกับผู้นำเข้าอิสระแทนนั่นเอง

  • ราคาประมาณ : 2,500,000 บาท

Source : 1

Volvo XC40 Pure Electric

Volvo XC40 Pure Electric

มาต่อกับรถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์แบบ Crossover SUV ขนาดคอมแพกต์ 5 ที่นั่ง เป็นตัวที่ราคาต่ำสุดในกลุ่ม Entry Luxury ภายในมีที่เก็บของหลายจุด วัสดุเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่วนเรื่องของความปลอดภัยมีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เขาแบ่งออกเป็น 2 รุ่นย่อย มี Single Motor ขับเคลื่อน 2 ล้อ และ Twin Motor ขับเคลื่อน 4 ล้อ ต้องบอกว่าใครสนใจรุ่นไหนก็สามารถเลือกได้ตามกำลังในกระเป๋าของตัวเองเลยค่ะ

  • ราคาประมาณ : เริ่มต้นที่ 1,990,000 บาท

Source : 1

MG New MG ZS EV

MG NEW MG ZS EV

สำหรับ MG New MG ZS EV รุ่นนี้ เขาค่อนข้างได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยรูปลักษณ์ที่สวย โดดเด่น ประหยัดอีกทั้งยังปลอดภัย นอกจากนี้เขายังมีนวัตกรรมอัจฉริยะแบบจัดเต็มตรงที่ตัวรถออกแบบมาให้พื้นหลังคามีกระจกมากถึง 90% ทำให้เราเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ภายนอกได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมี Synchronized Protection System ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป และมีเทคโนโลยีมากมายที่จะทำให้เราสะดวกมากยิ่งขึ้น ใครที่สนใจรถยนต์ไฟฟ้าลองเริ่มจากรุ่นนี้ก่อนได้นะคะ

  • ราคาประมาณ : 1,190,000 บาท

Source : 1

KIA Soul EV

KIA Soul EV

ถ้าต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่มีสมรรถนะในการขับขี่แนะนำว่าลองดู KIA Soul EV ก่อนได้ค่ะ เขามีกำลังสูงสุดถึง 204 แรงม้า หมดห่วงเรื่องอาการอึดขณะออกตัวและแซง นอกจากนี้เขายังสามารถวิ่งได้ถึง 452 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ทำให้เหมาะกับคนที่ต้องการขับขี่ในเมืองและต่างจังหวัดเพราะไม่จำเป็นต้องชาร์จบ่อย และเรื่องของความปลอดภัยก็เรียกได้ว่าจัดเต็มเลยค่ะ เพราะเขามีระบบเตือนมุมอับด้านข้างและขณะถอยหลัง ระบบป้องกันการไหลลื่น ระบบควบคุมเสถียรภาพทรงตัวและถุงลมรอบคัน ทำให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยค่ะ

  • ราคาประมาณ : 2,387,000 บาท

Source : 1

Nissan Leaf

Nissan Leaf

อะ! ทุกคนน่าจะรู้จัก Nissan กันอยู่แล้วต้องบอกว่าเขามีรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้นำเทคโนโลยี e-Pedal มาช่วยให้เราสามารถเร่งและเบรกได้ในคันเร่งเดียว ซึ่งรถรุ่นนี้เราไม่ต้องคอยเหยียบคันเร่งหรือเบรกบ่อย ๆ ถ้ารถติด อีกทั้งยังสามารถปิดระบบเมื่อไม่ต้องการใช้งานได้อีกด้วยถือว่าน่าสนใจมาก ๆ เลยค่ะ นอกจากนี้ตัวรถยังมีความจุแบตเตอรี่สูงถึง 40 kWh ทำให้ขับขี่ทางไกลได้แบบสบาย ๆ เลยค่ะ ต้องบอกว่าแบตเตอรี่ยังมีความทนทานสูง สามารถใช้งานได้ถึง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตรโดยที่เราไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ ถ้ารู้ตัวว่าต้องการเปลี่ยนรถมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าแนะนำว่า Nissan Leaf น่าสนใจเลยล่ะค่ะ

  • ราคาประมาณ : 1,990,000 บาท

Source : 1

HYUNDAI IONIQ Electric

HYUNDAI IONIQ Electric

HYUNDAI IONIQ Electric เป็นรถยนต์ไฟฟ้า Sedan 4 ประตู ทำให้มีความคล่องตัวสูงและไม่ต้องใช้พื้นที่ในการจอดรถมาก ตัวรถสามารถวิ่งได้สูงถึง 280 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง รองรับการชาร์จ 3 แบบทั้งเต้าเสียบบ้าน เครื่องชาร์จ Wall Box และสถานีชาร์จเร็ว ทำให้สะดวกมาก ๆ ไปที่ไหนก็สามารถชาร์จได้ทุกที่ นอกจากนี้ยังมีระบบใช้งานที่ทันแบบครบครันทั้งเบรกไฟฟ้า ระบบเปลี่ยนเกียร์แบบปุ่ม และที่ชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย เรียกได้ว่าเป็นรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

  • ราคาประมาณ : 1,749,000 บาท

Source : 1

BYD Dolphin

BYD Dolphin

ถ้าอยากเปลี่ยนรถยนต์ไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าและอยากได้งบประหยัดหน่อยแนะนำ BYD Dolphin เลยค่ะ เขาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดซับคอมแพกต์ ตัวถังแฮตช์แบ็ก 5 ประตู 5 ที่นั่ง ในราคาต่ำสุดจะเริ่มจาก Standard Range และ Extended Range ต่างกันตรงที่สมถรรนะของระยะทางวิ่ง ระบบกันสะเทือนหลัง รวมถึงการตกแต่งภายนอกและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายใน แต่ทั้ง 2 รุ่นมีระบบช่วยเหลือคนขับขี่มาให้ ใครที่สนใจสามารถดูเพิ่มเติมได้ว่าตัวเองเหมาะกับการขับขี่แบบไหน

  • ราคาประมาณ : ราคาเริ่มต้น 699,000 บาท

Source : 1

เป็นยังไงบ้างคะ กับรถยนต์ไฟฟ้าที่เรามาฝากต้องบอกว่าแต่ละรุ่นก็จะมีคุณสมบัติที่ไม่เหมือนกัน แน่นอนว่าราคาก็ต้องต่างกัน ทีนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณที่เราตั้งไว้แล้วล่ะค่ะ อย่าลืมว่าทุกอย่างที่เราตัดสินใจมันเป็นเรื่องการลงทุนนะคะ ฉะนั้นเลือกตามความคุ้มค่าของการใช้งานและกำลังทรัพย์จะดีกว่าจะได้คุ้มค่าต่อการลงทุน!

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ