#วงในบอกมา
- “รสจัดจ้าน” คือ หัวใจของรสชาติที่ “ซ่อนกลิ่น Lifestyle Cafe” ภูมิใจนำเสนอ
- ผัดจานต่อจานเท่านั้น เสน่ห์สำคัญที่คงไว้ซึ่งรสชาติที่ได้มาตรฐาน
- กินครบ 1,000 บาท รับฟรีขนมปังหวานของทางร้าน! กินไม่ไหววันนี้ แวะมากินวันหน้าได้ไม่กว่ากัน!

“คงไว้ได้แค่กลิ่นที่ไม่เคยเลือนลาง…” แหม่ เดินทางมากินร้านนี้ทั้งที ก็ต้องเปิดเพลงบิวท์อารมณ์กันสักหน่อย ระหว่างที่กำลังเล่าอยู่นี้ รถเก๋งคันเล็กก็กำลังมุ่งหน้าข้ามเขตแดนจากกรุงเทพฯ สู่นครปฐมอย่างเต็มตัว รถลาในเวลานี้ยังมีไม่มากนัก มีก็แต่รถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่งสลับกันไปมา ถามว่าทำไมต้องลงทุนขับมากินถึงที่นี่ เหตุผลง่าย ๆ ก็เพราะเพื่อนซี้โฆษณาเมนูน่าลองของร้านไว้อย่างเวอร์วัง แถมย้ำนักย้ำหนาว่าใครมารอบแรก เป็นต้องกลับมาซ้ำ! พูดขนาดนี้ ต้องพิสูจน์แล้วป่ะ!
เราจอดรถอยู่ริมถนนหน้าร้าน แต่หากใครอยากจะเข้าไปจอดด้านในก็ย่อมได้ ที่นี่เป็นร้านอาหารกึ่งคาเฟ่สมชื่อ คือ มีบริเวณนั่งกินอาหารเป็นสัดเป็นส่วน ในขณะเดียวกันก็จัดโซนไว้ให้ถ่ายรูปได้หลากหลาย ความรู้สึกหลังก้าวเท้าลงจากรถ และความรู้สึกหลังก้าวเท้าเข้าสู่ร้าน แตกต่างกันลิบลับจนน่าตกใจ ทำไมนะหรือ? “ซ่อนกลิ่น Lifestyle Cafe” ถูกปกคลุมภายใต้แมกไม้สีเขียวขจี สดชื่น และพาให้เบิกบานใจได้จริง ๆ แม้จะแวดล้อมด้วยตึกสูง แต่เมื่อเดินทางถึงตัวร้าน คล้ายหลุดเข้ามาในสวนพฤกษศาสตร์ขนาดย่อมก็ไม่ปาน

ความโดดเด่นอีกอย่างที่ทำให้ “ซ่อนกลิ่น Lifestyle Cafe” น่านั่งกว่าที่ไหน ๆ คงด้วยมวลอากาศที่เย็นฉ่ำกำลังดี แม้อุณหภูมิตามความจริงจะสูงไปสักหน่อย ทว่าเครื่องพ่นไอน้ำบนหลังคาของร้าน ทำให้อุณหภูมิที่เคยว่าร้อนอบอ้าว กลับเย็นขึ้นทันตา ไม่ว่าจะเดินไปส่วนไหนของร้าน ไอเย็นจากไอน้ำที่พ่นจากหลังคาลงสู่ด้านล่าง ก็ช่วยให้รู้สึกชุ่มฉ่ำได้จริง ๆ “ร้านเราต้องให้ความรู้สึกน่านั่ง น่าอยู่ ไม่อยากรีบร้อนไปไหน” นั่นแหละ แนวคิดของคาเฟ่แห่งนี้

ปกติคนติดแอร์แบบเรา ๆ คงต้องเลือกนั่งด้านใน แต่วันนี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศกันเสียหน่อย เพราะความร่มรื่นตรงหน้าและไอเย็นรอบตัว กระตุ้นต่อมความอยากให้เลือกเสพสุขบริเวณด้านนอก หลังจับจองที่นั่งได้ตามใจอยากแล้ว คุณณัฐกิตติ์ ธัญรัตน์เมธาวุฒิ หรือพี่ยุทธ ก็เดินยิ้มแก้มปริเข้ามาทักทาย ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบอย่างเป็นกันเอง ทั้ง ๆ ที่เจอกันเป็นครั้งแรก เข้าใจแล้วว่าทำไมเพื่อนซี้ถึงติดกับดัก! คุณยุทธเกริ่นสั้น ๆ ว่า ความชอบกินและชอบเข้าครัว นำพาตัวเขาและครอบครัวมาถึงวันนี้ ซึ่งคุณยุทธมีคุณยายเป็นต้นแบบ!

คุณยุทธแนะนำเมนูหลายจาน อันดับแรก คือ “ผัดไทยเกี๊ยวกรอบ” (109 บาท) เพราะซอสมะขามเปียกของทางร้านปรุงรสเองกับมือ ทำสดใหม่วันต่อวัน ที่สำคัญ คุณยุทธยังให้ความสำคัญกับการคัดเลือกมะขามให้ได้รูปร่าง สีสัน และขนาดที่ดีพอ สำหรับจานนี้ ให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ รสชาติแบบผัดไทยโบราณขนานแท้ แต่ได้สัมผัสที่กรุบกรอบเคี้ยวเพลิน ลงตัวชนิดกินเล่นก็ดี กินเป็นจานหลักก็ไม่ปฏิเสธ ฟินสุด ๆ สมกับเป็นร้านอาหารจานเดียว



มาต่อกันที่ “สปาเกตตีขี้เมาทะเล” (109 บาท) รับประกันความถึงเครื่องสมุนไพรและความสดใหม่ของวัตถุดิบ คุณยุทธแซวว่า “กินแล้วต้องเป่าปาก ควันออกปากกันแน่นอน” เพราะความเผ็ดร้อนสไตล์ขี้เมาแท้ อย่างไรก็ต้องสั่ง! เชื่อไม่เชื่อ ก็สังเกตการจามรอบที่ล้านของตนเองได้เลย ความหอมฉุยของขี้เมานั่นแผ่ซานไปทั่วร้านจริง ๆ หลังซู้ดเส้นเข้าไปคำแรกเท่านั้น ต้องบอกเลยว่าจัดจ้านถูกปากดิฉันเอามาก ๆ ยิ่งกินคู่กับวัตถุดิบทะเลดี ๆ ทั้งหมึก กุ้ง หอย และใบกะเพราทอดกรอบ ยิ่งฟินลืม~

ต่อกันที่ “กุ้งทอดซอสมะขาม” (150 บาท) ซอสตัวเดียวกันกับผัดไทยเปี๊ยบ สำหรับจานนี้ คุณยุทธเลือกใช้กุ้งแม่น้ำ ทอดจนกรอบกำลังดี จากนั้นราดซอสมะขามที่รสออกเปรี้ยว หวาน เค็ม กำลังกลมกล่อม โรยตบท้ายด้วยหอมเจียวกรุบกรอบ วางเคียงไปกับพริกแห้งตัดเลี่ยน การันตีเรื่องความสดของกุ้งและความเข้ากันอย่างที่สุดของจาน โปะเข้ากับข้าวสวยร้อน ๆ กัดพริกตามอีกสักหน่อย แหล่มเลยแหละเพื่อน ๆ

คุณยุทธยังเล่าเสริมอีกว่า “ร้านเราไม่เคยบอกว่าอาหารอร่อยอย่างไร แต่เราจะให้ลูกค้าต่างหาก เป็นคนตัดสิน” การกลับมาซ้ำแล้วซ้ำอีก การเห็นหน้าลูกค้าหน้าเดิม ๆ การรับฟังคำวิจารณ์ของเขา ทั้งหมดนี้เอง คือ สิ่งที่ทำให้ร้านมีความสุขยิ่งกว่าถูกรางวัลที่หนึ่ง! เล่าถึงตรงนี้ “ปลากะพงทอดน้ำปลายำมะม่วง” (290 บาท) จานยักษ์ก็วางลงเสิร์ฟบนโต๊ะพอดี ปลากะพงทอดมาจนเหลืองกรอบสวย ข้าง ๆ เป็นชามยำมะม่วงใบกลางวางอยู่ บอกเลยว่าเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด รวมตัวครบรสอยู่ในนี้แล้วจริง ๆ

เมื่อถามว่า “ซ่อนกลิ่น Lifestyle Cafe” มีความลับอะไรหลบซ่อนไว้หรือไม่ คำตอบทื่อ ๆ แบบแอบเลี่ยนนิด ๆ แต่จริงใจของคุณยุทธก็พาเราอมยิ้ม “ร้านนี้ไม่มีเคล็ดลับ ร้านเรามีแต่ให้ ให้ทั้งใจไม่มีปกปิด” ฟังแล้วก็ชื่นใจ แต่สงสัยจะชื่นใจไม่พอ คุณยุทธเสิร์ฟ “กาแฟมะพร้าวปั่น” (95 บาท) แก้วโตมาเสริมทัพ ซึ่งคุณยุทธแย้มว่า ทางร้านใช้มะพร้าวสามพราน ขึ้นชื่อเรื่องความหอมหวาน แม้ราคาจะสูงกว่าที่อื่น แต่เพื่อความเลอค่าของแก้วนี้ อย่างไรก็ต้องสามพราน! หลังดูดเข้าไปอึกแรกเท่านั้น ก็ขอขึ้นบัญชีเป็นเครื่องดื่มสุดโปรดในใจไปเลย เข้ากันทั้งความหอมมันจากมะพร้าวปั่นนมสด แถมมีเนื้อให้เคี้ยว และความขมอ่อน ๆ ของกาแฟดำชั้นดี
แต่หากยังชื่นใจไม่พอ “กาแฟซ่อนกลิ่น” (75 บาท) ก็ตอบโจทย์ได้ดีเช่นกัน แก้วนี้เสิร์ฟมาอย่างสวยงาม เพราะชั้นสีของน้ำถูกแบ่งออกเป็น 3 เลเยอร์ เขียวจากชาเขียว ขาวจากนมสด และดำจากกาแฟดำ ก่อนกินก็คนสักเล็กน้อยเป็นอันใช้ได้ หอมทั้งชาทั้งกาแฟ อีกทั้งยังถูกเบลนด์เข้ากันอย่างเหมาะเจาะด้วยนมสดอีกชั้น เอาล่ะ ชักไม่อยากจะตีรถกลับกรุงเทพฯ เสียแล้วสิ! หลังดื่มเครื่องดื่มจนหมดแก้ว คุณยุทธยังย้ำอีกว่า ร้านเราคั่วกาแฟให้ไม่เปรี้ยวหรือขมจนเกินไป คอกาแฟอย่างไรก็ต้องติดใจ อย่างไรมานครปฐม อย่าลืมแวะร้านคาเฟ่ร้านนี้ล่ะ!


สำหรับ “ซ่อนกลิ่น Lifestyle Cafe” แห่งนี้ ขอยืนยันอีกเสียงว่า “มันดีต่อใจจริง ๆ” ไม่ใช่แค่รสชาติอาหารเท่านั้น แต่รวมถึงอัธยาศัยเจ้าของร้านด้วยต่างหาก ที่ช่วยให้ร้านอาหารแห่งนี้สมบูรณ์แบบ คำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ ของลูกค้าที่มีต่ออาหารและการบริการ คือ กำลังใจที่ทำให้คุณยุทธอยากพัฒนาร้านนี้ให้ดีที่สุด มั่นคงที่สุด และเป็นที่รักของทุกคนที่สุด “ถ้าเขาอยากกินอาหารรสจัด เราอยากให้เขานึกถึงเราเป็นอันดับแรก นั่นแหละ ประสบความสำเร็จแล้ว”