#วงในบอกมา
- “ร้านตะลิงปลิง” มีพื้นที่ “สวนกินได้” หรือผักสวนครัว เช่น พริก, โหระพา, กะเพรา, ใบเล็บครุฑ ฯลฯ รวมถึงผลไม้อย่างเช่น ตะลิงปลิง, ชมพู่, มะไฟ ฯลฯ เพื่อความสดใหม่และปลอดสารเคมี
- ทางร้านบอกเราว่า สำหรับเมนู “ไข่พะโล้ 6 ชั่วโมง” จะเลือกใช้เฉพาะไข่เป็ดไล่ทุ่ง และปรุงด้วยรสชาติหอมกลมกล่อมแบบฉบับอาหารไทย
- สั่งเดลิเวอรีเมนูอาหารไทยแบบฉบับ “ร้านตะลิงปลิง” ผ่าน LINE MAN ได้ ที่นี่

แม้จะได้ลิ้มลองและตื่นเต้นไปกับรสชาติของอาหารหลากสไตล์หลายสัญชาติต่าง ๆ มากมาย แต่ถึงอย่างไรเราเชื่อว่าคนไทยยังคงเทใจให้อาหารไทยเป็นอันดับหนึ่งอย่างมั่นคงไม่เสื่อมคลาย ครั้งนี้เราจึงขอชวนมาร่วมยืนยันถึงความสุขใจทุกครั้งเมื่อได้ลิ้มลองอาหารไทยกันที่ “ร้านตะลิงปลิง” ร้านอาหารไทยที่เกิดจากความรักในการทำอาหารของครอบครัวนักชิมนามว่า “จรรยาวงษ์” และได้ส่งต่อรสชาติสู่คนไทยมานานว่า 25 ปี
ครั้งนี้เราขอเลือกมาเยือน “ร้านตะลิงปลิง” สาขาสุขุมวิท 34 เหตุเพราะเคยมาและประทับใจไปกับตัวร้านที่เป็นบ้านแสนสดใสโอบล้อมด้วยบรรยากาศอบอุ่น เป็นกันเอง รวมถึงความรื่นรมย์ไปกับสวนสีเขียวสดชื่นที่ไม่เพียงแซมด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ แต่ยังมีพื้นที่ “สวนกินได้” หรือผักสวนครัว เช่น พริก, โหระพา, กะเพรา, ใบเล็บครุฑ ฯลฯ รวมถึงผลไม้อย่างเช่น ตะลิงปลิง, ชมพู่, มะไฟ ฯลฯ เพื่อความสดใหม่และปลอดสารเคมี อีกทั้งยังมีผักพื้นบ้านและสมุนไพรส่งตรงจากไร่ของร้านที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาอีกด้วย

“อาหารครอบครัว” คือนิยามของอาหารไทยแบบฉบับร้าน “ร้านตะลิงปลิง” ที่ครอบครัว “จรรยาวงษ์” ได้ร่วมกันสร้างสรรค์และส่งต่อเพื่อให้เราได้ลิ้มลองอาหารไทยด้วยรสชาติที่คุ้นเคย เหมือนปูย่าตายายทำให้กิน โดยเน้นความพิถีพิถันตั้งแต่คัดสรรวัตถุดิบไปจนถึงขั้นตอนการปรุงอาหารอย่างจริงใจ ที่คนในครอบครัวกินอย่างไร ลูกค้าก็ต้องได้กินอย่างนั้นเช่นกัน
มาเริ่มประเดิมกันที่เมนูแรกกับ “ข้าวเหนียวหมูนุ่ม” (165 บาท) ที่ได้แรงบันดาลใจจากข้าวเหนียวหมูปิ้ง เมนูโปรดตั้งแต่วัยเด็กของใครหลายคน โดยทางร้านใช้เนื้อหมูที่หนากำลังดีนำไปหมักด้วยสูตรเฉพาะจนเนื้อนุ่มและรสชาติเข้าเนื้อ ก่อนจะนำมาเสียบไม้สลับชั้นด้วยมันหมูเพื่อเพิ่มความหอมขณะย่างไฟ เสิร์ฟพร้อมกับข้าวเหนียวที่ผสมรวมกันถึง 3 ชนิด ได้แก่ ข้าวเหนียวกล้อง, ข้าวเหนียวเขี้ยวงู และข้าวเหนียวดำ ที่ต้องแยกกันนึ่งก่อนด้วยข้อจำกัดแตกต่างกัน

เมนูต่อมาเป็น “ยำถั่วพูกะทิสด ไข่เยิ้ม” (165 บาท) ทางร้านยังคงรูปแบบยำไทยแบบโบราณที่มาพร้อมเครื่องต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นถั่วพู, หมูสับ, กุ้ง, น้ำพริกเผา, มะพร้าวคั่ว, หอมทอด, ถั่วลิสง และกะทิคั้นสดเพิ่มความหอมมัน แถมพอได้กินร่วมกับไข่เยิ้ม ๆ ก็ยิ่งทำให้จานนี้รสชาติกลมกล่อมลงตัวยิ่งขึ้น ตามมาติด ๆ ด้วย “ต้มยำปลากะพงน้ำใสใบกะเพราพริกขี้หนูตำ” (250 บาท) ที่รสชาติจัดจ้านกำลังดีชวนให้ซดน้ำแกงได้เพลิน ๆ แถมทางร้านยังใส่ปลากะพงแล่เนื้อไร้ก้างเกือบครึ่งตัวแบบไม่หวงวัตถุดิบอีกด้วย



ได้คิวเมนูโปรดในวัยเด็กของเรานั่นคือ “ไก่ห่อใบเตยหอม” (165 บาท) เนื้อไก่นุ่ม ๆ ที่ผ่านการหมักด้วยเครื่องปรุงต่าง ๆ ตามสูตรเฉพาะของร้านและห่อด้วยใบเตยหอมก่อนทอด ซึ่งส่งผลให้เนื้อไก่นั้นยังคงความชุ่มฉ่ำ อีกทั้งยังชูรสชาติและกลิ่นให้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น จะกินไก่เน้น ๆ หรือจิ้มกินกับน้ำจิ้มรสหวานสูตรของร้านก็ดีงามไม่แพ้กัน

ส่วนใครที่ชอบอาหารไทยหมวดแกง แนะนำว่าห้ามพลาด “แกงเขียวหวานเนื้อพริกขี้หนู/โรตี” (185/40 บาท) สัมผัสรสชาติเข้มข้นจัดจ้านและหอมมันจากพริกแกงที่ทางร้านทำเองร่วมกับกะทิคั้นสด รวมถึงเนื้อวัวชิ้นหนากำลังดีที่ผ่านการเคี่ยวร่วมกับพริกขี้หนูที่ช่วยเรื่องความนุ่มและให้กลิ่นหอม กินพร้อมกับโรตีกรอบ ๆ หอมกลิ่นเครื่องเทศอ่อน ๆ ก็ยิ่งเข้ากันเหมาะเจาะ

จานต่อมาเป็นเวลาของ “ผัดสะตอกุ้งสด” (165 บาท) อีกหนึ่งเมนูขายดีที่ทางร้านบอกเราว่า จะใช้กะปิส่งตรงจากทางภาคใต้เท่านั้น นำมาผัดจนหอมก่อนใส่สะตอตามลงไป และปิดท้ายด้วยการบีบมะนาวเพื่อชูรสชาติให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น แถมยังส่งกลิ่นหอม ๆ ยั่วใจไปพร้อมกับกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของเมนูนี้อีกด้วย

อีกเมนูห้ามพลาดคือ “ไข่พะโล้ 6 ชั่วโมง” (165 บาท) ที่ให้รสชาติแบบไทย ๆ ตามสูตรของคุณย่า ด้วยส่วนผสมอย่างรากผักชี กระเทียม และพริกไทย ร่วมด้วยเครื่องหอมต่าง ๆ ทั้งอบเชย, กานพลู และโป๊ยกั๊ก โดยทางร้านจะเคี่ยวนานถึง 6 ชั่วโมงรวมกับน้ำตาลจนไหม้เป็นสีดำพร้อมกับไข่เป็ดไล่ทุ่ง และเนื้อหมูสามชั้นชิ้นใหญ่เต็มคำ

และอย่าลืมปิดท้ายด้วยของหวานขึ้นชื่อของร้าน “เค้กช็อกโกแลต Valrhona” (125 บาท) ที่ได้แรงบันดาลใจจากช็อกโกแลตหน้านิ่ม โดยทางร้านให้ความสำคัญกับการเลือกช็อกโกแลตคุณภาพ นำมาเป็นส่วนประกอบทั้งตัวเค้ก กานาช และซอสช็อกโกแลต ที่เมื่อลิ้มลองพร้อมกันทุกองค์ประกอบ บอกได้เลยว่าช็อกโกแลตเลิฟเวอร์ไม่ควรพลาดจริง ๆ ค่ะ


หลังจากที่เราได้ลิ้มลองอาหารไทยแบบฉบับครอบครัวของ “ร้านตะลิงปลิง” ทำให้เรายิ่งตกหลุมรักอาหารไทยอย่างสุดหัวใจ แถมเรายังอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคนในครอบครัว เพราะการได้ลิ้มลองอาหารไทยในความทรงจำสุดพิเศษของเรา คือการได้ร่วมโต๊ะพร้อมหน้ากับพ่อแม่พี่น้องที่ทุกวันนี้หาโอกาสได้ยาก แต่เราจะลองเชียร์ให้ทุกคนหาเวลาตรงกัน และมาร่วมเอนจอยไปกับอาหารไทยด้วยรสชาติที่คุ้นเคยอย่างแน่นอนค่ะ :)
ส่วนถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้และอยากลิ้มลองอาหารไทยของร้าน “ร้านตะลิงปลิง” แบบทันใจ ก็สามารถสั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN ได้ ที่นี่ เลยค่ะ :)
การเดินทาง
หากใครต้องการมายังร้านอาหารไทยทองหล่อ “ร้านตะลิงปลิง สุขุมวิท 34” สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีทองหล่อ ทางออก 2 เดินเข้ามาในซอยสุขุมวิท 34 ประมาณ 600 เมตร ก็จะเจอกับ “ร้านอาหารตะลิงปลิง” ที่โอบล้อมด้วยต้นไม้แสนร่มรื่น หรือถ้าใครไม่สะดวก ทางร้านมีบริการรถตุ๊กตุ๊กขับไปรับถึงหน้าปากซอยสุขุมวิท 34 โดยสามารถโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่ 02-258-5308 หรือ 02-258-5309 รวมถึงสามารถเดินทางไปเยือน “ร้านตะลิงปลิง” ได้ที่สาขาต่าง ๆ ตามสะดวก โดยสามารถดูรายละเอียดได้ ที่นี่ ค่ะ