ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม แต่บางทีก็นำมาซึ่งความเจ็บปวด แต่หลายคนก็ยังไม่วายจะขวนขวายหาความรักนั้นอยู่ดี มุมมองของแต่ละคนกับคำว่า ‘ความรัก’ นั้นมีหลากหลายมาก วันนี้ Wongnai Beauty จะมาบอกเล่าถึง 6 รูปแบบความรักจากแนวคิดจิตวิทยาของชาวกรีกโบราณ มาดูไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะว่าความรักที่ว่ามีแบบไหนกันบ้าง
รู้จัก! 6 รูปแบบความรักแนวคิดชาวกรีก ความรักของเราเป็นแบบไหนกันนะ?
John Alan Lee นักจิตวิทยาชาวแคนาดาได้ก่อตั้งทฤษฎีความรัก 6 รูปแบบนี้ขึ้นในปี 1973 หรือที่เรียกว่า Colour Wheel Theory of Love ประกอบไปด้วย
- Eros
- Ludus
- Storge
- Mania
- Pragma
- Agape
และ John Alan Lee ก็ได้แยกประเภทของพวกมันออกเป็น 2 ประเภทอีกทีหนึ่ง ดังนี้
- Primary styles of love (รูปแบบความรักเบื้องต้น) : Eros, Ludus, Storge
- Secondary styles of love (รูปแบบความรักขั้นสอง) : Mania, Pragma, Agape
ความรักเป็นความรู้สึกที่ถูกดึงดูดใจตามธรรมชาติ ซึ่งมันก็ซับซ้อนและหลากหลาย ซึ่งทฤษฎีนี้ได้อธิบายลักษณะความรักใน 6 รูปแบบ ดังนี้
1. Eros : ความรักแบบลุ่มหลง
ความรักประเภทนี้มีชื่อว่า Eros ตั้งชื่อตามเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ของกรีก Eros แสดงแนวคิดในเรื่องความหลงใหลและปรารถนาทางเพศ ความรักประเภทนี้ถูกมองว่าเป็นรักอันตราย เร่าร้อน และไร้เหตุผล เป็นพลังแห่งความลุ่มหลง เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ร้อนแรง และไร้ซึ่งสติ หรือที่เราเรียกกันว่าหลงจนหน้ามืดตามัว ทั้งคู่จะรู้สึกถึงแรงอารมณ์ทั้งทางกายและทางใจอย่างรุนแรง ความรักประเภทนี้จะเกิดขึ้นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เมื่อหมดความน่าสนใจ ก็จะขวนขวายหารักครั้งใหม่เพื่อเติมเต็มความเร่าร้อนอีกครั้งหนึ่ง
ชาวกรีกจะหวาดกลัวความรู้สึกรักในรูปแบบนี้มาก เพราะเมื่อเป็น Eros เราจะรักแบบไม่มีสติ ใครเตือนก็ไม่เชื่อด้วยซ้ำ
2. Ludus : ความรักแบบไม่ผูกมัด
Ludus เป็นภาษาละตินแปลว่า ‘เกม’ คู่รักประเภทนี้จะมองว่าความรักเป็นเกมสำหรับพวกเขาที่ต้องเอาชนะ จะไม่ผูกมัด ไม่ยึดติด ไม่มีใครเป็นเจ้าของใคร พวกเขาต้องการความรักระยะสั้น ไม่ได้ยึดมั่นในความสันพันธ์ที่จริงจัง คนที่ม่ความรักประเภทนี้มักสนใจรูปร่างหน้าตาและเรื่องเซ็กซ์
3. Storge : ความรักแบบครอบครัว
Storge ในภาษากรีก หมายถึง ความรักในครอบครัว คำนี้นิยายถึงความรักที่เกิดจากการอยู่ใกล้ชิดกัน สามารถใช้อธิบายความรักทั้งจากครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน ความรักแบบ Storge จะเกิดขึ้นต่อเมื่อพวกเขาได้มีโอกาสพูดคุย พบปะ รู้จักกัน และแลกเปลี่ยนกันและกันมากขึ้น เราจะเริ่มรู้สึกชอบเขาอย่างช้า ๆ และจะคิดถึงเมื่อไม่ได้เจอกัน ความรักแบบนี้จะมีความมั่นคง เพราะอาศัยซึ่งความผูกพัน พวกเขาจะให้คุณค่ากับมิตรภาพ มักเริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนกันมากก่อน คนที่มีความรักเช่นนี้มักมองหาความสัมพันธ์ระยะยาว
4. Mania : ความรักแบบหมกหมุ่น
Mania ในภาษากรีก หมายถึง ความเจ็บป่วยทางจิต คนที่มีความรักในลักษณะ Mania จะเป็นคนที่ติดแฟนและขี้หึงมาก จะต้องการอยู่กับคนที่รักตลอดและมักต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ คนกลุ่มนี้จะมีความรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเมื่อรักใคร มีอารมณ์ที่สุดโต่ง ถ้ารักก็รักมากพร้อมให้ทุกสิ่งอย่าง แต่เมื่ออกหักก็ด่ำดิ่งมากเช่นกัน อีกลักษณะของชาว Mania คือ จะเป้นคนขี้จินตนาการ และมักจินตนาการถึงความรักอยู่เสมอ
5. Pragma : ความรักแบบใช้เหตุผล
Pragma ในภาษากรีก หมายถึง ใช้งานได้จริง ความรักประเภทนี้มักจะเข้าหาคนที่เป็นไปได้ เป้นความรักที่ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์เป็นหลัก แต่จะใช้เหตุผลในการไตร่ตรอง จะพิจารณาถึงความเข้ากันได้ในการอยู่ร่วมกัน คิดถึงอนาคต ให้ความสำคัญกับคู่รักแบบในอุดมคติ
6. Agape : ความรักแบบเป็นผู้ให้
Agape ในภาษากรีก หมายถึง ความรักที่เห็นแก่ผู้อื่น ความรักในลักษณะนี้เป็นความรักที่สูงและบริสุทธิ์ที่สุด พวกเขาจะแสดงความรักด้วยการให้และดูแลโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เป็นรักที่ไม่เห็นแก่ตัวและไม่มีเงื่อนไข พวกเขาจะรักด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่คาดหวังให้อีกฝ่ายเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่จะรักในแบบที่เป็น แต่แม้จะไม่คาดหวังแต่หากถูกละเลยก็อาจทำให้เจ็บปวดได้เช่นกัน
ความรักเป็นสิ่งที่ยากที่จะจำกัดว่ามีแบบไหนบ้าง เพราะแต่ละคนก็มีความคิดที่ต่างกัน ใช่ว่าเราจะเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งจากทฤษฎีความรัก 6 รูปแบบตามแนวคิดชาวกรีก 100% ความรักของเราอาจจะไต่ลำดับขึ้นจาก Ludus สู่ Agape ก็ได้นะคะ Wongnai Beauty ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนเจอรักที่สมหวังและเติมเต็มความสุขกันถ้วนหน้าน้าา~
References :
- Love Styles Theory [Online] : https://www.studyandexam.com/love-styles-pn.html
- The Ancient Greeks’ 6 Words for Love (And Why Knowing Them Can Change Your Life) [Online] : https://www.yesmagazine.org/health-happiness/2013/12/28/the-ancient-greeks-6-words-for-love-and-why-knowing-them-can-change-your-life