การเปลือยหน้าสด พร้อมพกสกินแคร์เพื่อไปประโคมบนเครื่องระหว่างบิน กลายเป็นเรื่องปกติของสาว ๆ ในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะเหล่าอินฟลูเอนเซอร์และบิวตี้บล็อกเกอร์ที่มักจะออกมาแชร์สกินแคร์รูทีนบนเครื่องบินกันอยู่บ่อยครั้ง วันนี้ Wongnai Beauty เลยถือโอกาสมาแชร์ทริคดูแลผิวหน้าบนเครื่องบินที่ถูกต้อง งานนี้ใครอยากหน้าใสเป๊ะยันแลนดิ้ง บอกเลยว่าต้องไม่พลาด!
สิ่งที่ผิวต้องเผชิญขณะอยู่บนเครื่องบิน

ต้องบอกเลยว่าสภาพอากาศบนพื้นดินและสภาพอากาศบนเครื่องบินมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะค่าความชื้นในอากาศ กล่าวคือ บนพื้นดินมีความชื้นสัมพัทธ์ราว ๆ 40 - 60% ต่างจากภายในห้องโดยสารบนเครื่องบินจะมีความชื้นต่ำเพียง 10 - 20% เท่านั้น ซึ่งทำให้ผิวหนังของเราสูญเสียความชุ่มชื้นง่ายขึ้น ส่งผลให้ผิวขาดน้ำและมีความแห้งกร้านมากกว่าปกตินั่นเอง
ทริคดูแลผิวบนเครื่องบินที่ถูกต้อง

- ทำความสะอาดมือก่อนสัมผัสผิวหน้า
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าภายในห้องโดยสารบนเครื่องบินเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก ที่เราอาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า โดยเฉพาะบริเวณที่วางแขน หัวเข็มขัดนิรภัย และช่องเก็บของหน้าที่นั่ง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว ดังนั้นก่อนเริ่มสกินแคร์รูทีน จึงควรใช้ทิชชูเปียกเช็ดมือ และฆ่าเชื้ออีกครั้งด้วยเจลแอลกอฮอล์ เพื่อให้มั่นใจว่ามือสะอาดก่อนสัมผัสใบหน้า
- เลือกใช้แผ่นมาสก์แบบไฮโดรเจล
กลายเป็นประเด็นถกเถียงกันบนโลกโซเชียล สำหรับ “การมาสก์หน้าด้วยชีตมาสก์บนเครื่องบิน” ซึ่งเสียงแตกออกเป็นสองฝั่ง โดยฝั่งหนึ่งบอกว่าบนเครื่องบินมีความชื้นต่ำ ทำให้ผิวแห้งง่ายกว่าปกติ จึงต้องเติมความชุ่มชื้นด้วยการมาสก์หน้า แต่อีกฝั่งกลับมีความคิดเห็นว่าการใช้ชีตมาสก์ขณะอยู่บนเครื่องบิน จะเป็นการดึงความชุ่มชื้นออกจากผิว ซึ่งทำให้ผิวแห้งกว่าเดิม
ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังหลายท่านจึงออกมาชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า การมาสก์หน้าด้วยชีตมาสก์บนเครื่องบิน สามารถทำได้และเป็นสิ่งที่ควรทำ เพียงแต่ต้องเลือกใช้แผ่นมาสก์หน้าแบบไฮโดรเจล (Hydrogel Mask) ที่มีลักษณะเป็นเจล สัมผัสนุ่มละมุน กระชับเข้ากับรูปหน้า และป้องกันการระเหยได้เป็นอย่างดี จึงไม่ทำให้ผิวถูกดึงความชุ่มชื้นออกไปนั่นเอง
- ล็อกความชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ชนิดเคลือบผิว (Occlusive Moisturizers)
อย่างที่กล่าวไปในตอนต้นค่ะว่าภายในห้องโดยสารบนเครื่องบินจะมีความชื้นต่ำเพียง 10 - 20% เท่านั้น จึงอาจทำให้ผิวขาดน้ำและมีความแห้งกร้านได้ง่าย ด้วยเหตุนี้จึงต้องเติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ชนิดเคลือบผิว (Occlusive Moisturizers) ที่มีคุณสมบัติในการช่วยเคลือบผิว โดยสร้างฟิล์มบาง ๆ เคลือบที่ชั้นบนสุดของผิว นอกจากจะกันน้ำได้แล้ว ยังช่วยชะลอการสูญเสียน้ำทางผิวหนังด้วย
- อย่าลืมบำรุงผิวรอบดวงตา
ผิวบริเวณรอบดวงตามีความบอบบางและเซนซิทีฟมากกว่าบริเวณอื่นบนใบหน้า ซึ่งแน่นอนว่าการอยู่บนเครื่องบินที่มีความชื้นต่ำเป็นเวลานาน อาจะทำให้ผิวรอบดวงตามีความแห้งกร้านง่ายกว่าปกติ ซึ่งอาจจะตามมาด้วยริ้วรอย หรือปัญหารอยคล้ำใต้ตา เพราะฉะนั้นสาว ๆ จึงต้องไม่ลืมดูแลผิวรอบดวงตาด้วยอายครีมที่มีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้น อย่างกรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid), สควาเลน (Squalane) และเซราไมด์ (Ceramide)
นอกจากนี้หากเป็นไปได้ควรเลือกอายครีมที่มาในรูปแบบหัวลูกกลิ้ง หรือหัวนวดเหล็ก เพื่อลดการสัมผัสผิวหน้าโดยตรง แถมยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และลดอาการบวมรอบดวงตาได้อีกด้วย
- ป้องกันปากแห้งด้วยลิปมาสก์
อย่ามัวแต่บำรุงผิวหน้าเพลิน จนละเลยการบำรุงริมฝีปาก เพราะสภาพอากาศบนเครื่องบินอาจทำให้ริมฝีปากแห้งง่ายกว่าปกติ ดังนั้นหากใครไม่อยากประสบปัญหาปากแห้งลอกระหว่างอยู่บนเครื่อง แนะนำให้บำรุงริมฝีปากด้วยลิปมาสก์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยฟื้นบำรุงริมฝีปากที่แห้งกร้านได้อย่างล้ำลึก พร้อมเติมความชุ่มชื้นแบบเร่งด่วน ทำให้ริมฝีปากดูสุขภาพดีตลอดทั้งไฟลท์
สิ่งที่ไม่ควรทำระหว่างอยู่บนเครื่องบิน

- เปิดม่านหน้าต่างเครื่องบิน : การเปิดหน้าต่างก่อนเครื่องบินขึ้นและลง ถือเป็นอีกหนึ่งกฎข้อบังคับบนเครื่องบินที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม แต่ไม่ควรเปิดหน้าต่างค้างไว้ตลอดทั้งไฟลท์ โดยเฉพาะช่วงที่มีแสงแดดจัด เนื่องจากกระจกหน้าต่างบนเครื่องบินส่วนใหญ่มักจะกรองได้เฉพาะรังสี UVB แต่ไม่สามารถป้องกันรังสี UVA ที่ทะลุเข้าชั้นผิวหนังกำพร้า และผิวหนังแท้ได้ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย หรืออาจอันตรายถึงขั้นเป็นมะเร็งผิวหนังได้เลยทีเดียว
- แต่งหน้า : สภาพอากาศภายในห้องโดยสารบนเครื่องที่มีความชื้นต่ำ อาจทำให้เกิดปัญหาผิวขาดน้ำได้ง่าย ผลกระทบที่ตามมาคือต่อมไขมันใต้ผิวหนังจะผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมา เพื่อทดแทนน้ำที่ขาดหายไป ทำให้ผิวหน้ามันเยิ้มกว่าปกติ ดังนั้นการแต่งหน้าก่อน หรือระหว่างอยู่บนเครื่องบินอาจก่อให้เกิดการอุดตันของผิวตามมาได้
- ดื่มแอลกอฮอล์ : อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรทำระหว่างอยู่บนเครื่องบิน คือ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท เพราะจะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ ส่งผลให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ ซึ่งไม่ว่าคุณจะบำรุงผิวมาดีแค่ไหน ก็อาจทำให้ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้นได้
4 STEP ดูแลผิวหลังแลนดิ้ง

- ทำความสะอาดผิวหน้า : อย่างที่ทราบกันดีค่ะว่าบนเครื่องบินเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่อาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่ควรทำทันทีหลังแลนดิ้ง คือ การทำความสะอาดผิวหน้า โดยแนะนำให้สาว ๆ ล้างหน้าแบบ Double Cleansing เริ่มจากล้างหน้าด้วยคลีนซิ่งออยล์ หรือคลีนซิ่งบาล์มบนผิวหน้าที่แห้ง จากนั้นจึงล้างหน้าด้วยโฟมหรือเจลล้างหน้าบนหน้าที่เปียกอีกครั้ง เพียงเท่านี้ผิวก็สะอาดใส ไร้สิวแล้วค่ะ
- สครับผิวหน้า : สภาพอากาศภายในห้องโดยสารบนเครื่องที่มีความชื้นต่ำ อาจทำให้เกิดปัญหาผิวขาดน้ำได้ง่าย ส่งผลให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนังจะผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมาเพื่อทดแทนน้ำที่ขาดหายไป ทำให้ผิวหน้ามันเยิ้มกว่าปกติ ซึ่งอาจทำให้คนผิวมันและผิวผสมเกิดการอุดตันได้ง่าย ดังนั้นแค่การล้างหน้าเพียงอย่างเดียวอาจยังไม่เพียงพอต่อการทำความสะอาดผิว แนะนำให้สครับผิวหน้าร่วมด้วย เพื่อทำความสะอาดรูขุมขน ขจัดสิ่งสกปรกตกค้าง รวมถึงเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดออก ก็จะช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวอุดตันได้
- เติมความชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ : ถึงแม้จะแลนดิ้งแล้ว แต่ผิวหน้าของเราก็ยังต้องการความชุ่มชื้นไม่ต่างจากตอนอยู่บนเครื่องบิน เพราะฉะนั้นจึงต้องบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ โดยควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองมากที่สุด
- ปกป้องผิวด้วยครีมกันแดด : หนึ่งในไอเทมที่ขาดไม่ได้หลังแลนดิ้ง คือ “ครีมกันแดด” ที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป โดยแนะนำทาครีมกันแดดก่อนออกไปเผชิญแสงแดดประมาณ 15 - 30 นาที และควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2 ชั่วโมง เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการกันแดด
สำหรับสายเดินทางที่ขึ้นเครื่องบินเป็นประจำ แนะนำให้ลองนำทริคดูแลผิวบนเครื่องบินเหล่านี้ไปปรับใช้กันดูนะคะ นอกจากจะช่วยป้องกันการเกิดสิวได้แล้ว ยังแลนดิ้งพร้อมผิวเนียนใสเหมือนนอนครบ 8 ชั่วโมง