ปฏิเสธไม่ได้เลยค่ะว่าพื้นฐานของผิวสุขภาพดีเริ่มต้นที่การทำความสะอาดผิว และหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่สาว ๆ ทุกคนไม่ควรมองข้าม นั่นก็คือ “การเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอาง” ซึ่งหากทำความสะอาดคราบเครื่องสำอางได้ไม่ดีพอ ก็อาจจะทำให้เกิดสิวและปัญหาผิวต่าง ๆ ตามมาได้
โดยทั่วไปแล้วหลายคนมักจะเลือกใช้คลีนซิ่ง (Cleansing) หรือเมคอัพ รีมูฟเวอร์ (Makeup Remover) ในการขจัดเมคอัพ แต่สำหรับผิวที่มีความบอบบางอย่างบริเวณรอบดวงตาอาจจะต้องได้รับการดูแลมากเป็นพิเศษ จึงได้มีการคิดค้นสิ่งที่เรียกว่า “อายรีมูฟเวอร์” (Eye Remover) ขึ้นมา เพื่อทำความสะอาดเมคอัพบริเวณผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ วันนี้ Wongnai Beauty จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับบิวตี้ไอเทมชิ้นนี้ให้มากขึ้นกันค่ะ
Eye Remover คืออะไร?
อายรีมูฟเวอร์ (Eye Remover) เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่ออกแบบมาเพื่อผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ มีคุณสมบัติในการขจัดสิ่งสกปรกและคราบเครื่องสำอางได้อย่างสะอาดหมดจด ไม่เว้นแม้แต่เครื่องสำอางสูตรกันน้ำ อย่างอายแชโดว์ อายไลน์เนอร์ และมาสคาร่า ที่ออกแบบมาให้ยึดเกาะกับผิวรอบดวงตาได้ดี แต่ไม่ทำให้เคืองตา หรือแสบตาขณะเช็ดทำความสะอาด
จุดเด่นของ Eye Remover
- ออกแบบมาเพื่อผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ จึงอ่อนโยนกว่าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าประเภทอื่น ๆ ไม่ทำให้แสบหรือเคืองตา ขณะเช็ดทำความสะอาด
- สามารถเช็ดทำความสะอาดเมคอัพได้ทั้งบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปาก ซึ่งเป็นจุดที่มีความบอบบาง
- เช็ดทำความสะอาดคราบเมคอัพได้อย่างหมดจด ไม่เว้นแม้แต่เครื่องสำอางสูตรกันน้ำที่มีความติดทน กันน้ำ กันเหงื่อ
- ช่วยลดการเสียดสีระหว่างผิวกับสำลีที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง หรือเกิดริ้วรอย และรอยตีนกาตามมาได้ ซึ่งในทางกลับกันหากใช้เมคอัพรีมูฟเวอร์ทั่วไปอาจต้องใช้แรงในการถูแรง ๆ เพื่อให้เมคอัพหลุดออก ซึ่งทำให้เกิดการเสียดสี ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่าย
- อายรีมูฟเวอร์ส่วนใหญ่มักจะมาพร้อมสารบำรุงที่ช่วยให้ความชุ่มชื้น พร้อมปลอบประโลมผิวรอบดวงตา
อายรีมูฟเวอร์ VS เมคอัพรีมูฟเวอร์ ต่างกันอย่างไร
อายรีมูฟเวอร์และเมคอัพรีมูฟเวอร์ จัดอยู่ในหมวดผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดเครื่องสำอางบนผิวหน้าเช่นเดียวกัน โดยเมคอัพรีมูฟเวอร์จะนิยมใช้ทำความสะอาดเมคอัพบนผิวหน้าแบบภาพรวม เช่น ไพรเมอร์ รองพื้น ครีมกันแดด และสิ่งสกปรกทั่วไป เป็นต้น ซึ่งแตกต่างจากอายรีมูฟเวอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำความสะอาดบริเวณรอบดวงตาโดยเฉพาะ จึงมีความอ่อนโยนกว่าเมคอัพรีมูฟเวอร์ อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพในการขจัดคราบเครื่องสำอางกันน้ำได้อย่างหมดจด โดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง แสบตา หรือเคืองตา
อายรีมูฟเวอร์มีกี่ประเภท
ต้องยอมรับเลยว่าในปัจจุบันมีอายรีมูฟเวอร์ให้เลือกหลากหลายประเภท ซึ่งสามารถแบ่งได้ 6 ประเภท ดังนี้
- อายรีมูฟเวอร์แบบน้ำ (Water) : อายรีมูฟเวอร์ที่มาในรูปแบบน้ำ เป็นประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ใช้เช็ดทำความสะอาดเมคอัพที่ติดทนระดับน้อยถึงปานกลาง เหมาะสำหรับวันที่แต่งตาเบา ๆ ข้อดีของอายรีมูฟเวอร์แบบน้ำ คือ ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะไว้บนผิว เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำมันนั่นเอง
- อายรีมูฟเวอร์แบบน้ำมัน (Oil) : อายรีมูฟเวอร์ที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบหลัก มีประสิทธิภาพในการขจัดคราบเมคอัพในระดับกลางถึงสูง และสามารถทำความสะอาดเมคอัพกันน้ำได้ดี จึงเหมาะสำหรับวันที่แต่งตาระดับกลาง ๆ จนถึงหนัก ข้อดีคือไม่ทำให้ผิวแห้งกร้านหลังเช็ดหน้า แต่อาจจะทิ้งความเหนอะหนะไว้บนผิวได้
- อายรีมูฟเวอร์แบบน้ำกึ่งน้ำมัน (Oil in Water) : อายรีมูฟเวอร์ประเภทนี้เกิดจากการผสมผสานกันระหว่างน้ำและน้ำมัน ซึ่งทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์มีความแยกชั้น ก่อนใช้จึงต้องเขย่าให้น้ำและน้ำมันผสมกันเป็นเนื้อเดียว จุดเด่นของอายรีมูฟเวอร์แบบน้ำกึ่งน้ำมัน คือ ความบางเบา เช็ดคราบเมคอัพได้อย่างหมดจด แต่ยังคงความชุ่มชื้นไว้ในผิวได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับวันที่แต่งหน้าเบา ๆ ไปจนถึงหนัก
- อายรีมูฟเวอร์แบบโลชั่น (Lotion) : อายรีมูฟเวอร์ที่มาในรูปแบบโลชั่น จุดเด่นคือมีเนื้อสัมผัสที่เข้มข้นกว่าอายรีมูฟเวอร์ประเภทอื่น และทำความสะอาดผิวรอบดวงตาได้อย่างอ่อนโยน เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวบอบบางแพ้ง่าย
- อายรีมูฟเวอร์แบบบาล์ม (Balm) : มีลักษณะเป็นเนื้อบาล์มแข็งคล้ายเนย แต่เมื่อลูบไล้ลงบนผิวหน้าจะละลายเปลี่ยนเป็นแบบน้ำมัน หรือน้ำนม หลังจากใช้มือนวดวนไปสักพัก ก็จะสังเกตเห็นว่ามีคราบเมคอัพละลายหลุดออกมา ซึ่งช่วยลดการเสียดสีระหว่างผิวหน้ากับสำลี จึงช่วยลดการระคายเคืองและลดความเสี่ยงที่จะเกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ แต่ในขณะเดียวกันหากล้างหน้าไม่สะอาด ก็อาจจะก่อให้เกิดการอุดตันตามมาได้
- อายรีมูฟเวอร์แบบแผ่น (Pads) : อายรีมูฟเวอร์แบบแผ่นที่มาในรูปแบบซอง ใช้งานง่าย พกพาสะดวก มีลักษณะเป็นแผ่นผ้าคล้ายกระดาษทิชชูเปียก เหมาะสำหรับใช้ในยามฉุกเฉิน หรือทริปไปเที่ยวที่ต้องการความคล่องตัว
How to เลือก Eye Remover ให้ปลอดภัยต่อดวงตา
1. เลือกอายรีมูฟเวอร์ให้เหมาะกับสภาพผิว
อย่างที่ทราบกันดีค่ะว่าผิวบริเวณรอบดวงตามีความบอบบางมากเป็นพิเศษ ด้วยเหตุนี้จึงควรเลือกอายรีมูฟเวอร์ให้เหมาะกับสภาพผิวของเรามากที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระคายเคืองตามมานั่นเอง
- ผิวมัน - ผิวผสม : คนผิวมัน - ผิวผสม ควรหลีกเลี่ยงอายรีมูฟเวอร์แบบบาล์มและน้ำมัน เพราะอาจจะทำให้เกิดการอุดตันได้ง่าย แนะนำให้เลือกใช้อายรีมูฟเวอร์แบบน้ำ หรือโลชั่นที่มีเนื้อสัมผัสบางเบา ล้างออกง่าย และปราศจากส่วนผสมของน้ำมัน
- ผิวแห้ง : คนผิวแห้งสามารถเลือกใช้อายรีมูฟเวอร์ได้ทุกรูปแบบ แต่ถ้าต้องการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวไปในตัว ควรเลือกอายรีมูฟเวอร์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือมีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้น เพื่อป้องกันปัญหาผิวแห้งกร้านหลังเช็ดทำความสะอาดผิว
- ผิวบอบบางแพ้ง่าย : ควรเลือกอายรีมูฟเวอร์สูตรอ่อนโยนที่ปราศจากสารก่อการระคาย เช่น น้ำหอม พาราเบน แอลกอฮอล์ และสีสังเคราะห์ เป็นต้น เนื่องจากสารเหล่านี้จะกระตุ้นให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่าย
2. สูตรอ่อนโยน ปราศจากสารก่อการระคาย
เนื่องจากบริเวณผิวรอบดวงตามีความบอบบาง และเซนซิทีฟกว่าผิวส่วนอื่น ๆ เพราะฉะนั้นต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยนที่ปราศจากสารก่อการระคาย เช่น น้ำหอม พาราเบน แอลกอฮอล์ สีสังเคราะห์ และสาร SLS หรือ SLES เป็นต้น นอกจากนี้ยังแนะนำให้มองหาสูตรที่ระบุว่า Hypoallergenic หรือ Dermatologically Tested
- Hypoallergenic : เป็นการทดสอบทางการแพทย์ระดับมาตรฐานสากล ซึ่งถูกควบคุมและดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง เพื่อรับรองว่าผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบนี้มีความอ่อนโยน ปราศจากสารก่อการระคาย จึงมีโอกาสเกิดการแพ้น้อยกว่าปกติ
- Dermatologically Tested : เป็นการรับรองว่าผลิตภัณฑ์ผ่านการทดสอบความปลอดภัยและความเหมาะสมต่อผิว โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง
3. มีส่วนผสมของสารบำรุงผิวรอบดวงตา
ผิวรอบดวงตาก็ต้องการการบำรุงไม่แพ้ส่วนอื่นบนใบหน้า ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีการเพิ่มสารบำรุงลงในอายรีมูฟเวอร์ โดยเฉพาะสารให้ความชุ่มชื้น เช่น ไฮยาลูรอน เซราไมด์ กลีเซอรีน วิตามินอี และสารสกัดจากน้ำมันธรรมชาติ เป็นต้น เพื่อบำรุงและป้องกันผิวแห้งกร้านหลังเช็ดทำความสะอาดผิว
4. ทำความสะอาดเมคอัพกันน้ำได้อย่างหมดจด
คุณสมบัติแรกที่อายรีมูฟเวอร์ต้องมี คือ การขจัดคราบเครื่องสำอางบริเวณรอบดวงตาได้อย่างหมดจด โดยเฉพาะเมคอัพกันน้ำ อาทิ อายแชโดว์ อายไลน์เนอร์ และมาสคาร่า โดยจะต้องสามารถเช็ดทำความสะอาดเมคอัพได้อย่างง่ายดาย เพื่อลดการเสียดสีระหว่างสำลีกับผิวหน้า ที่เป็นสาเหตุของการระคายเคืองและปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา
นอกจากวันที่แต่งหน้าจัดเต็มแล้ว ในวันที่ไม่แต่งหน้าก็สามารถใช้อายรีมูฟเวอร์เช็ดทำความสะอาดผิวรอบดวงตาได้เช่นกัน เพราะในแต่ละวันผิวของเราต้องเจอทั้งฝุ่นควัน สิ่งสกปรก รวมถึงสกินแคร์ต่าง ๆ ที่ประโคมลงบนผิวหน้า ซึ่งแน่นอนว่าผิวรอบดวงตาก็ต้องการการทำความสะอาด ไม่ต่างจากวันที่แต่งหน้าเลยค่ะ