8 ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีด PLANITI สารกระตุ้นคอลลาเจนตัวใหม่จากเกาหลี
  1. 8 ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีด PLANITI สารกระตุ้นคอลลาเจนตัวใหม่จากเกาหลี

8 ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีด PLANITI สารกระตุ้นคอลลาเจนตัวใหม่จากเกาหลี

ทำความรู้จัก PLANITI สารกระตุ้นคอลลาเจนตัวใหม่จากเกาหลี พร้อมเช็กลิสต์ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
writerProfile
27 พ.ค. 2025 · โดย

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคอลลาเจนคือหัวใจของผิวสวย แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ร่างกายของเราก็เริ่มผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวดูแห้ง ขาดความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยเล็ก ๆ ที่กลายเป็นร่องลึกในภายหลัง ด้วยเหตุนี้จึงมีการคิดค้นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน หรือที่เรียกว่า Collagen Biostimulator นวัตกรรมที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในวงการความงาม เพราะไม่ใช่แค่การเติมเต็มจากภายนอกเท่านั้น แต่เป็นการกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเอง เสริมสร้างโครงสร้างผิวให้แข็งแรงจากภายใน ทำให้ผิวกลับมาเรียบเนียน ยืดหยุ่น และแลดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น

หากพูดถึงสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่กำลังเป็นที่จับตามองในวงการความงามขณะนี้ คงต้องยกให้ “PLANITI” ผลิตภัณฑ์ Collagen Biostimulator แบบฉีด (Injectable) แบรนด์ใหม่จากประเทศเกาหลีใต้ โดยมีการพัฒนาแนวทางการรักษา (Protocol) ร่วมกับทีมแพทย์เฉพาะทางจากโรงพยาบาลศิริราช เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูง และตอบโจทย์การใช้งานจริงในผู้รับบริการได้จริง วันนี้ Wongnai Beauty เลยจะพาทุกคนมาทำความรู้จักสารกระตุ้นคอลลาเจนตัวนี้ให้มากขึ้นกันค่ะ

PLANITI คืออะไร?

PLANITI, สารกระตุ้นคอลลาเจนตัว, Collagen Biostimulator

PLANITI คือผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Collagen Biostimulator รุ่นใหม่จากประเทศเกาหลีใต้ ที่มีส่วนประกอบหลักเป็น Hybrid Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติของผิว ช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพ ลดเลือนริ้วรอย และเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์

นอกจากนี้ PLANITI ยังได้รับการรับรองเป็นเครื่องมือแพทย์จากทั้งองค์การอาหารและยาของประเทศไทยและประเทศเกาหลีใต้ รวมถึงได้รับเครื่องหมาย CE ที่ผ่านมาตรฐานจากสหภาพยุโรปด้วย
.
อ่านเพิ่มเติมได้เลยที่ : https://innovationbeauties.com/planiti/

PLANITI แตกต่างจากสารกระตุ้นคอลลาเจนทั่วไปอย่างไร?

PLANITI, สารกระตุ้นคอลลาเจนตัว, Collagen Biostimulator

PLANITI คือนวัตกรรม Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ตัวใหม่ หรือที่เรียกว่า New Generation PLLA ซึ่งได้รับการพัฒนาต่อยอดจากสูตรเดิม ด้วยการออกแบบอนุภาคในรูปแบบ “ไฮบริด (Hybrid Particles)” ที่รวมข้อดีของอนุภาคสองลักษณะไว้ในผลิตภัณฑ์เดียว ช่วยให้การกระตุ้นคอลลาเจนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และขณะเดียวกันก็ลดโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์

อนุภาคใน PLANITI แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลัก :

  • อนุภาคแบนไร้รูปร่าง (Irregular Shape) : มีประสิทธิภาพสูงในการกระตุ้นคอลลาเจน โดยผ่านการปรับผิวให้เรียบขึ้น (Smooth Surface) ซึ่งช่วยลดการอักเสบเกินจำเป็น และลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงหลังฉีด
  • อนุภาคทรงกลม (Spherical Shape) : เป็นลักษณะที่พบได้บ่อยใน Biostimulator กลุ่ม PDLLA มีคุณสมบัติเด่นในการ กระจายตัวที่ง่ายกว่าครอบคลุมบริเวณพื้นที่รักษาที่กว้าง 

ด้วยการผสานจุดแข็งของทั้งสองรูปแบบ PLANITI จึงถูกนิยามว่าเป็น “Hybrid Biostimulator” ที่ไม่เพียงแต่กระตุ้นคอลลาเจนได้ดีเท่านั้น แต่ยังสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติของร่างกาย (Biodegradable) โดยไม่ทิ้งสารตกค้าง และยังให้ผลลัพธ์ในการกระตุ้นคอลลาเจนได้นานสูงสุดถึง 2 ปี

นอกจากนี้ PLANITI ยังได้รับการวิจัยและพัฒนาแนวทางการรักษา (Protocol) ร่วมกับทีมแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราช เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีทั้งประสิทธิภาพและสามารถดูแลคนไข้ให้ปลอดภัยได้ สำหรับการใช้งานจริงในคนไข้

ตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ ‘PLANITI' โดยแพทย์ระดับมืออาชีพ

พัฒนาเทคนิคการฉีดโดยทีมแพทย์ศิริราช (Siriraj Protocol)

info

การใช้ Biostimulator ในเวชศาสตร์ความงาม โดยเฉพาะในกลุ่ม Polylactic Acid (PLA) อย่าง PLLA (Poly-L-Lactic Acid) และ PDLLA (Poly-D, L-Lactic Acid) กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยคุณสมบัติเด่นในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกาย ช่วยฟื้นฟูผิวจากภายในให้แน่นกระชับ เรียบเนียน และแลดูอ่อนเยาว์

แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีคำถามที่พบได้บ่อย รวมถึงความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้อยู่ไม่น้อย เพื่อให้เข้าใจง่ายและชัดเจนยิ่งขึ้น เราจึงสรุปข้อมูลในรูปแบบ "MYTH or FACT" หรือ “เรื่องจริงหรือความเชื่อผิด ๆ ” ดังนี้ :

  • คำถาม : PLLA กระตุ้นคอลลาเจนได้มากกว่า PDLLA จริงหรือไม่?
  • คำตอบ : จากการศึกษาวิจัยพบว่า PLLA มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นคอลลาเจนได้มากกว่า PDLLA และ PDLA แม้ว่าจะมีการอักเสบสูงกว่าในกรณีของ PDLLA แต่เนื่องจาก PDLLA มีระยะเวลาการย่อยสลายที่สั้นกว่า จึงทำให้ผลการกระตุ้นคอลลาเจนเกิดขึ้นรวดเร็วแต่ก็หายไปเร็วเช่นกัน ขณะที่ PLLA ย่อยสลายช้ากว่า ทำให้สามารถอยู่ในร่างกายได้นาน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว ผลลัพธ์ที่ได้จึงมีความยั่งยืนและช่วยฟื้นฟูผิว เพิ่มความกระชับได้ดีกว่าในระยะยาว โดยการใช้ Hybrid Biostimulator ซึ่งผสมผสานจุดเด่นของทั้ง PLLA และ PDLLA ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ทั้งเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเร็วและคงอยู่ยาวนาน ซึ่งเป็นแนวคิดเบื้องหลังของ Hybrid Biostimulator นั่นเอง
  • คำถาม : การเจือจางและเทคนิคการฉีดมีผลต่อผลลัพธ์ไหม?
  • คำตอบ : แน่นอนว่ามีผลโดยตรง! งานวิจัยทางคลินิกพบว่า วิธีการเจือจาง (Dilution) เทคนิคการฉีด (Injection Protocol) รวมถึงตำแหน่งและชั้นผิวที่ทำการฉีด ล้วนมีผลโดยตรงต่อทั้งความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการรักษา ดังนั้น Siriraj Protocol จึงได้รับการพัฒนาเพื่อให้แพทย์มีแนวทางการฉีดที่ถูกต้องตามหลักการ และสามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพจากเทคนิคนี้

รู้ลึก! ใช้เทคนิคที่ถูกต้อง = ผลลัพธ์ที่แตกต่าง

ถ้าใครคิดว่าการฉีด Biostimulator แค่ “ฉีดให้เข้า” แล้วจะได้ผลลัพธ์ดี ๆ บอกเลยว่าคิดผิดแล้วค่ะ!

เทคนิคการผสมผสานระหว่าง Hybrid Biostimulator และไหมร้อยหน้า

PLANITI, สารกระตุ้นคอลลาเจนตัว, Collagen Biostimulator

ในการรักษาปัญหาผิวเพื่อ “ฟื้นฟู (Rejuvenation)” และ “ยกกระชับ (Lifting)” อย่างมีประสิทธิภาพ มักไม่สามารถพึ่งพาวิธีการเพียงอย่างเดียวได้ เพราะแต่ละเทคนิคต่างมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ดังนั้นการผสานเทคนิคหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน จึงเป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน

หนึ่งในแนวทางที่น่าสนใจคือการใช้ Hybrid Biostimulator ร่วมกับ ไหมร้อยหน้า (Thread Lifting) ซึ่งสามารถเสริมประสิทธิภาพกันได้เป็นอย่างดี โดยมีข้อพิจารณาที่สำคัญคือ :

  • เนื่องจาก PLLA มีข้อจำกัดในเรื่องการยกกระชับ เมื่อเปรียบเทียบกับ Thread ซึ่งให้ผลการยกที่เด่นชัดกว่า
  • ด้านการเพิ่มความยืดหยุ่น (Elasticity) การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen Stimulation) และการปรับคุณภาพผิวโดยรวม PLLA มีประสิทธิภาพที่เหนือกว่า
  • ดังนั้นในการทำหัตถการร่วมกัน จุดสำคัญที่สุด คือ ความปลอดภัย โดยแนะนำให้ทำในบริเวณที่แยกกัน

เมื่อใช้ร่วมกันอย่างถูกต้อง = ได้ทั้งการยกกระชับ + ฟื้นฟูผิว + เพิ่มวอลุ่ม ในคราวเดียว แต่ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ในการประเมินและออกแบบแผนการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลด้วย

ข้อสรุปจากการใช้ Hybrid Biostimulator ร่วมกับไหมร้อยหน้า

การใช้ PLLA หรือ Hybrid Biostimulator ร่วมกับเทคนิคการร้อยไหม ถือเป็นแนวทางที่มีแนวโน้มดีในการยกระดับผลลัพธ์ด้านความงาม โดยสามารถเสริมประสิทธิภาพได้ในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น

  • การยกกระชับผิว (Lifting)
  • การเพิ่มวอลุ่มในชั้นผิว (Volumization)
  • การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen Stimulation)

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและลดความเสี่ยง ควรทำในตำแหน่งที่แตกต่างกัน ได้แก่

  • คนละบริเวณ (Not in the same area)
  • คนละชั้นผิว (Not in the same plane)

นอกจากนี้ยังควรมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติม เพื่อประเมินถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยในระยะยาวให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

แบ่งปันประสบการณ์ เทคนิคการใช้สารเติมเต็ม ร่วมกับ Hybrid Biostimulator

PLANITI, สารกระตุ้นคอลลาเจนตัว, Collagen Biostimulator

โดยทั่วไปสารเติมเต็ม มักถูกใช้เพื่อเติมเต็มหรือปรับรูปทรงใบหน้า เช่น แก้ม คาง หรือร่องลึกต่าง ๆ ด้วยการเพิ่มปริมาตรในทันที ขณะที่สารในกลุ่ม Biostimulator อย่าง PLLA จะทำงานในระดับเซลล์โดยกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ (Collagen Synthesis) เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายในอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้นการผสานการใช้สารเติมเต็ม และ PLLA เข้าด้วยกัน จึงเป็นแนวทางที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพในทุกมิติของผิว โดยใช้สารเติมเต็มเพื่อเสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรง มีมิติ จากนั้นใช้ PLLA เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวแน่น กระชับ และดูสุขภาพดีในระยะยาว ทั้งนี้ การใช้ร่วมกันควรฉีดในคนละชั้นผิว และเว้นระยะการฉีดให้เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการฉีดสารต่างชนิดในบริเวณผิวที่ใกล้กันเกินไป

แบ่งปันประสบการณ์ การประยุกต์ใช้ Hybrid Biostimulator ร่วมกันกับการรักษาหลุมสิว

info

ในการรักษาหลุมสิว หลายคนอาจคุ้นเคยกับวิธีทั่วไปอย่างการทำเลเซอร์หรือการ Subcision ซึ่งแม้จะให้ผลในระดับหนึ่ง แต่ในหลายกรณีกลับพบว่าผลลัพธ์ยังไม่เด่นชัดหรือยั่งยืนเท่าที่ควร ด้วยเหตุนี้เองสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen Biostimulator) โดยเฉพาะในกลุ่ม Hybrid Biostimulator จึงถูกนำมาใช้ร่วมในการรักษา เพื่อช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ เติมเต็มหลุมสิวให้ดูตื้นขึ้น และยกระดับผลลัพธ์ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

หลุมสิวที่มักพบในผู้เข้ารับการรักษาบ่อยที่สุด ได้แก่

  • Ice Pick Scar : หลุมแคบ ลึก ลักษณะคล้ายถูกจิก
  • Boxcar Scar : ขอบหลุมยกสูงหรือนูน มีทั้งแบบตื้นและลึก
  • Rolling Scar : หลุมตื้น ผิวเป็นลอน ดูไม่เรียบ

แม้โดยทั่วไป Ice Pick Scar จะถูกมองว่าเป็นหลุมสิวที่รักษายากที่สุด แต่ในมุมมองของแพทย์ กลับพบว่า Boxcar Scar เป็นประเภทที่ท้าทายมากกว่า เนื่องจากมีขอบหลุมแข็งแรงและนูนขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องใช้เทคนิคที่หลากหลาย เช่น เลเซอร์โซลเดอริ่ง (Laser Soldering) เพื่อช่วยจัดการกับขอบหลุม

สำหรับ Rolling Scar เป็นหลุมสิวที่ตอบสนองได้ดีต่อการรักษาด้วย Subcision ร่วมกับการฉีดสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งจะช่วยตัดพังผืดใต้ผิวและกระตุ้นให้เกิดการฟื้นฟูตัวเองจากภายใน

แนวทางการรักษาหลุมสิวที่แนะนำ ได้แก่

  • ทำ Subcision เพื่อปลดพังผืดใต้ผิว
  • แต้ม TCA CROSS เพื่อกัดขอบหลุมใน Ice Pick Scar และ Boxcar Scar
  • เลือกใช้ Laser Resurfacing / Soldering แทนการใช้กรด
  • การฉีด Hybrid Biostimulator เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่

หนึ่งในข้อดีของ Hybrid Biostimulator คือ การเริ่มกระตุ้นคอลลาเจนได้ตั้งแต่เดือนแรก ซึ่งหากการกระตุ้นเกิดขึ้นช้าเกินไป ร่างกายอาจฟื้นฟูตัวเองด้วยการสร้างพังผืดขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง ด้วยคุณสมบัติที่กระตุ้นคอลลาเจนได้รวดเร็วและต่อเนื่อง Hybrid Biostimulator จึงถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ สำหรับการรักษาหลุมสิวให้เห็นผลชัดเจนและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

แบ่งปันประสบการณ์ เทคนิคการใช้ Hybrid Biostimulator ในการปรับรูปหน้าและยกกระชับผิวหน้า

PLANITI, สารกระตุ้นคอลลาเจนตัว, Collagen Biostimulator

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ผิวก็เริ่มส่งสัญญาณว่าถึงเวลาต้องดูแลจากภายใน จากผิวที่เคยตึงกระชับและเรียบเนียน วันหนึ่งกลับเริ่มหย่อนคล้อย ริ้วรอยบางเบาเริ่มปรากฏ แถมโครงหน้าก็อาจดูแฟบลงอย่างเห็นได้ชัด ปัญหาเหล่านี้ล้วนเกิดจากการที่คอลลาเจนในผิวลดลงตามวัย ซึ่งส่งผลให้โครงสร้างผิวไม่แน่นเท่าเดิม ปริมาตรผิวหายไป และใบหน้าดูขาดความสดใส

นวัตกรรมอย่าง Hybrid Biostimulator จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์การฟื้นฟูผิวจากภายใน ช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่ได้อย่างเป็นธรรมชาติ คืนความแน่นกระชับและเรียบเนียน โดยไม่ต้องพึ่งการศัลยกรรมหรือวิธีการที่รุกรานเกินจำเป็น

กลุ่มปัญหาผิวที่เหมาะกับการใช้ Hybrid Biostimulator ได้แก่ :

  • ผิวหน้าหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ
  • ริ้วรอยเล็ก ๆ ที่เริ่มเห็นชัด
  • แผลเป็น หลุมสิว
  • โครงสร้างใบหน้าฝ่อตัวหรือดูแบนลง

สรุปจากคุณหมอผู้ชำนาญ :

  • Hybrid Biostimulator เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีสัญญาณของผิวหย่อนคล้อยในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยเฉพาะผู้ที่ร่างกายยังสามารถตอบสนองต่อการสร้างคอลลาเจนได้ดี
  • จุดสำคัญคือไม่ควรคาดหวังผลทันที เพราะสารกลุ่ม PLLA จะค่อย ๆ ฟื้นฟูผิวจากภายใน และเมื่อเวลาผ่านไป ผลลัพธ์ที่ได้จะดูแน่นขึ้น กระชับขึ้น และ “ได้งานผิวดูไม่โป๊ะ”

แบ่งปันประสบการณ์ เทคนิคการใช้ Hybrid Biostimulator ในการปรับรูปหน้าและยกกระชับผิวหน้าแบบทันที

PLANITI, สารกระตุ้นคอลลาเจนตัว, Collagen Biostimulator

การยกกระชับใบหน้าด้วยไหมร้อย (Thread Lift) กลายเป็นทางเลือกที่นิยมมากในยุคนี้ เพราะสามารถให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่หากต้องการให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง “ดูชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกและยาวนานยิ่งขึ้น” การเสริมด้วยสารกระตุ้นคอลลาเจนอย่าง Hybrid Biostimulator จะยิ่งเสริมประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้นไปอีก โดยหลังร้อยไหมจะเป็นการใช้ Hybrid Biostimulator เพื่อฉีดเสริมในบริเวณที่ต้องการฟื้นฟูผิวและเพิ่มความยืดหยุ่น

มาตรฐานรับรองคุณภาพของ PLANITI

PLANITI, สารกระตุ้นคอลลาเจนตัว, Collagen Biostimulator

ทริคเช็กผลิตภัณฑ์ของจริงก่อนฉีด

1️. ตรวจสอบคลินิกที่ใช้ของจริง ผ่านการเทรนจากบริษัทโดยตรง

เลือกคลินิกที่ได้รับการรับรองจากบริษัท และมีแพทย์ที่ผ่านการอบรมเทคนิคการใช้ PLANITI อย่างถูกต้อง โดยสามารถเช็กได้ที่เว็บไซต์ทางการของบริษัท

2️. ตรวจสอบกล่อง PLANITI ด้วย QR Code

ก่อนฉีด ขอให้เจ้าหน้าที่สแกน QR Code บนกล่องผลิตภัณฑ์ เพื่อยืนยันว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของจริงจากบริษัท

โดยในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ PLANITI ได้รับการรับรองมาตรฐานในด้านการใช้งานจากองค์กรหลายหน่วยงานทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ อาทิ GMP, CE, MARKED, ISO และ KFDA

PLANITI จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่กังวลเรื่องผิวหย่อนคล้อย และต้องการฟื้นฟูให้ผิวกลับมาตึงกระชับ แลดูอ่อนเยาว์จากภายใน แต่อย่างไรก็ตามก่อนตัดสินใจทำหัตถการ ควรได้รับการประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาโดยแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัย และตอบโจทย์กับสภาพผิวของแต่ละคนมากที่สุด