ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคอลลาเจนคือหัวใจของผิวสวย แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ร่างกายของเราก็เริ่มผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวดูแห้ง ขาดความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยเล็ก ๆ ที่กลายเป็นร่องลึกในภายหลัง ด้วยเหตุนี้จึงมีการคิดค้นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน หรือที่เรียกว่า Collagen Biostimulator นวัตกรรมที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในวงการความงาม เพราะไม่ใช่แค่การเติมเต็มจากภายนอกเท่านั้น แต่เป็นการกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเอง เสริมสร้างโครงสร้างผิวให้แข็งแรงจากภายใน ทำให้ผิวกลับมาเรียบเนียน ยืดหยุ่น และแลดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น
หากพูดถึงสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่กำลังเป็นที่จับตามองในวงการความงามขณะนี้ คงต้องยกให้ “PLANITI” ผลิตภัณฑ์ Collagen Biostimulator แบบฉีด (Injectable) แบรนด์ใหม่จากประเทศเกาหลีใต้ โดยมีการพัฒนาแนวทางการรักษา (Protocol) ร่วมกับทีมแพทย์เฉพาะทางจากโรงพยาบาลศิริราช เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูง และตอบโจทย์การใช้งานจริงในผู้รับบริการได้จริง วันนี้ Wongnai Beauty เลยจะพาทุกคนมาทำความรู้จักสารกระตุ้นคอลลาเจนตัวนี้ให้มากขึ้นกันค่ะ
PLANITI คืออะไร?

PLANITI คือผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Collagen Biostimulator รุ่นใหม่จากประเทศเกาหลีใต้ ที่มีส่วนประกอบหลักเป็น Hybrid Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติของผิว ช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพ ลดเลือนริ้วรอย และเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์
นอกจากนี้ PLANITI ยังได้รับการรับรองเป็นเครื่องมือแพทย์จากทั้งองค์การอาหารและยาของประเทศไทยและประเทศเกาหลีใต้ รวมถึงได้รับเครื่องหมาย CE ที่ผ่านมาตรฐานจากสหภาพยุโรปด้วย
.
อ่านเพิ่มเติมได้เลยที่ : https://innovationbeauties.com/planiti/
PLANITI แตกต่างจากสารกระตุ้นคอลลาเจนทั่วไปอย่างไร?

PLANITI คือนวัตกรรม Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ตัวใหม่ หรือที่เรียกว่า New Generation PLLA ซึ่งได้รับการพัฒนาต่อยอดจากสูตรเดิม ด้วยการออกแบบอนุภาคในรูปแบบ “ไฮบริด (Hybrid Particles)” ที่รวมข้อดีของอนุภาคสองลักษณะไว้ในผลิตภัณฑ์เดียว ช่วยให้การกระตุ้นคอลลาเจนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และขณะเดียวกันก็ลดโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
อนุภาคใน PLANITI แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลัก :
- อนุภาคแบนไร้รูปร่าง (Irregular Shape) : มีประสิทธิภาพสูงในการกระตุ้นคอลลาเจน โดยผ่านการปรับผิวให้เรียบขึ้น (Smooth Surface) ซึ่งช่วยลดการอักเสบเกินจำเป็น และลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงหลังฉีด
- อนุภาคทรงกลม (Spherical Shape) : เป็นลักษณะที่พบได้บ่อยใน Biostimulator กลุ่ม PDLLA มีคุณสมบัติเด่นในการ กระจายตัวที่ง่ายกว่าครอบคลุมบริเวณพื้นที่รักษาที่กว้าง
ด้วยการผสานจุดแข็งของทั้งสองรูปแบบ PLANITI จึงถูกนิยามว่าเป็น “Hybrid Biostimulator” ที่ไม่เพียงแต่กระตุ้นคอลลาเจนได้ดีเท่านั้น แต่ยังสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติของร่างกาย (Biodegradable) โดยไม่ทิ้งสารตกค้าง และยังให้ผลลัพธ์ในการกระตุ้นคอลลาเจนได้นานสูงสุดถึง 2 ปี
นอกจากนี้ PLANITI ยังได้รับการวิจัยและพัฒนาแนวทางการรักษา (Protocol) ร่วมกับทีมแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราช เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีทั้งประสิทธิภาพและสามารถดูแลคนไข้ให้ปลอดภัยได้ สำหรับการใช้งานจริงในคนไข้
ตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ ‘PLANITI' โดยแพทย์ระดับมืออาชีพ
พัฒนาเทคนิคการฉีดโดยทีมแพทย์ศิริราช (Siriraj Protocol)

การใช้ Biostimulator ในเวชศาสตร์ความงาม โดยเฉพาะในกลุ่ม Polylactic Acid (PLA) อย่าง PLLA (Poly-L-Lactic Acid) และ PDLLA (Poly-D, L-Lactic Acid) กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยคุณสมบัติเด่นในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกาย ช่วยฟื้นฟูผิวจากภายในให้แน่นกระชับ เรียบเนียน และแลดูอ่อนเยาว์
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีคำถามที่พบได้บ่อย รวมถึงความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้อยู่ไม่น้อย เพื่อให้เข้าใจง่ายและชัดเจนยิ่งขึ้น เราจึงสรุปข้อมูลในรูปแบบ "MYTH or FACT" หรือ “เรื่องจริงหรือความเชื่อผิด ๆ ” ดังนี้ :
- คำถาม : PLLA กระตุ้นคอลลาเจนได้มากกว่า PDLLA จริงหรือไม่?
- คำตอบ : จากการศึกษาวิจัยพบว่า PLLA มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นคอลลาเจนได้มากกว่า PDLLA และ PDLA แม้ว่าจะมีการอักเสบสูงกว่าในกรณีของ PDLLA แต่เนื่องจาก PDLLA มีระยะเวลาการย่อยสลายที่สั้นกว่า จึงทำให้ผลการกระตุ้นคอลลาเจนเกิดขึ้นรวดเร็วแต่ก็หายไปเร็วเช่นกัน ขณะที่ PLLA ย่อยสลายช้ากว่า ทำให้สามารถอยู่ในร่างกายได้นาน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว ผลลัพธ์ที่ได้จึงมีความยั่งยืนและช่วยฟื้นฟูผิว เพิ่มความกระชับได้ดีกว่าในระยะยาว โดยการใช้ Hybrid Biostimulator ซึ่งผสมผสานจุดเด่นของทั้ง PLLA และ PDLLA ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ทั้งเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเร็วและคงอยู่ยาวนาน ซึ่งเป็นแนวคิดเบื้องหลังของ Hybrid Biostimulator นั่นเอง
- คำถาม : การเจือจางและเทคนิคการฉีดมีผลต่อผลลัพธ์ไหม?
- คำตอบ : แน่นอนว่ามีผลโดยตรง! งานวิจัยทางคลินิกพบว่า วิธีการเจือจาง (Dilution) เทคนิคการฉีด (Injection Protocol) รวมถึงตำแหน่งและชั้นผิวที่ทำการฉีด ล้วนมีผลโดยตรงต่อทั้งความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการรักษา ดังนั้น Siriraj Protocol จึงได้รับการพัฒนาเพื่อให้แพทย์มีแนวทางการฉีดที่ถูกต้องตามหลักการ และสามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพจากเทคนิคนี้
รู้ลึก! ใช้เทคนิคที่ถูกต้อง = ผลลัพธ์ที่แตกต่าง
ถ้าใครคิดว่าการฉีด Biostimulator แค่ “ฉีดให้เข้า” แล้วจะได้ผลลัพธ์ดี ๆ บอกเลยว่าคิดผิดแล้วค่ะ!
เทคนิคการผสมผสานระหว่าง Hybrid Biostimulator และไหมร้อยหน้า

ในการรักษาปัญหาผิวเพื่อ “ฟื้นฟู (Rejuvenation)” และ “ยกกระชับ (Lifting)” อย่างมีประสิทธิภาพ มักไม่สามารถพึ่งพาวิธีการเพียงอย่างเดียวได้ เพราะแต่ละเทคนิคต่างมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ดังนั้นการผสานเทคนิคหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน จึงเป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน
หนึ่งในแนวทางที่น่าสนใจคือการใช้ Hybrid Biostimulator ร่วมกับ ไหมร้อยหน้า (Thread Lifting) ซึ่งสามารถเสริมประสิทธิภาพกันได้เป็นอย่างดี โดยมีข้อพิจารณาที่สำคัญคือ :
- เนื่องจาก PLLA มีข้อจำกัดในเรื่องการยกกระชับ เมื่อเปรียบเทียบกับ Thread ซึ่งให้ผลการยกที่เด่นชัดกว่า
- ด้านการเพิ่มความยืดหยุ่น (Elasticity) การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen Stimulation) และการปรับคุณภาพผิวโดยรวม PLLA มีประสิทธิภาพที่เหนือกว่า
- ดังนั้นในการทำหัตถการร่วมกัน จุดสำคัญที่สุด คือ ความปลอดภัย โดยแนะนำให้ทำในบริเวณที่แยกกัน
เมื่อใช้ร่วมกันอย่างถูกต้อง = ได้ทั้งการยกกระชับ + ฟื้นฟูผิว + เพิ่มวอลุ่ม ในคราวเดียว แต่ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ในการประเมินและออกแบบแผนการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลด้วย
ข้อสรุปจากการใช้ Hybrid Biostimulator ร่วมกับไหมร้อยหน้า
การใช้ PLLA หรือ Hybrid Biostimulator ร่วมกับเทคนิคการร้อยไหม ถือเป็นแนวทางที่มีแนวโน้มดีในการยกระดับผลลัพธ์ด้านความงาม โดยสามารถเสริมประสิทธิภาพได้ในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น
- การยกกระชับผิว (Lifting)
- การเพิ่มวอลุ่มในชั้นผิว (Volumization)
- การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen Stimulation)
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและลดความเสี่ยง ควรทำในตำแหน่งที่แตกต่างกัน ได้แก่
- คนละบริเวณ (Not in the same area)
- คนละชั้นผิว (Not in the same plane)
นอกจากนี้ยังควรมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติม เพื่อประเมินถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยในระยะยาวให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
แบ่งปันประสบการณ์ เทคนิคการใช้สารเติมเต็ม ร่วมกับ Hybrid Biostimulator

โดยทั่วไปสารเติมเต็ม มักถูกใช้เพื่อเติมเต็มหรือปรับรูปทรงใบหน้า เช่น แก้ม คาง หรือร่องลึกต่าง ๆ ด้วยการเพิ่มปริมาตรในทันที ขณะที่สารในกลุ่ม Biostimulator อย่าง PLLA จะทำงานในระดับเซลล์โดยกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ (Collagen Synthesis) เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายในอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นการผสานการใช้สารเติมเต็ม และ PLLA เข้าด้วยกัน จึงเป็นแนวทางที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพในทุกมิติของผิว โดยใช้สารเติมเต็มเพื่อเสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรง มีมิติ จากนั้นใช้ PLLA เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวแน่น กระชับ และดูสุขภาพดีในระยะยาว ทั้งนี้ การใช้ร่วมกันควรฉีดในคนละชั้นผิว และเว้นระยะการฉีดให้เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการฉีดสารต่างชนิดในบริเวณผิวที่ใกล้กันเกินไป
แบ่งปันประสบการณ์ การประยุกต์ใช้ Hybrid Biostimulator ร่วมกันกับการรักษาหลุมสิว

ในการรักษาหลุมสิว หลายคนอาจคุ้นเคยกับวิธีทั่วไปอย่างการทำเลเซอร์หรือการ Subcision ซึ่งแม้จะให้ผลในระดับหนึ่ง แต่ในหลายกรณีกลับพบว่าผลลัพธ์ยังไม่เด่นชัดหรือยั่งยืนเท่าที่ควร ด้วยเหตุนี้เองสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen Biostimulator) โดยเฉพาะในกลุ่ม Hybrid Biostimulator จึงถูกนำมาใช้ร่วมในการรักษา เพื่อช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ เติมเต็มหลุมสิวให้ดูตื้นขึ้น และยกระดับผลลัพธ์ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
หลุมสิวที่มักพบในผู้เข้ารับการรักษาบ่อยที่สุด ได้แก่
- Ice Pick Scar : หลุมแคบ ลึก ลักษณะคล้ายถูกจิก
- Boxcar Scar : ขอบหลุมยกสูงหรือนูน มีทั้งแบบตื้นและลึก
- Rolling Scar : หลุมตื้น ผิวเป็นลอน ดูไม่เรียบ
แม้โดยทั่วไป Ice Pick Scar จะถูกมองว่าเป็นหลุมสิวที่รักษายากที่สุด แต่ในมุมมองของแพทย์ กลับพบว่า Boxcar Scar เป็นประเภทที่ท้าทายมากกว่า เนื่องจากมีขอบหลุมแข็งแรงและนูนขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องใช้เทคนิคที่หลากหลาย เช่น เลเซอร์โซลเดอริ่ง (Laser Soldering) เพื่อช่วยจัดการกับขอบหลุม
สำหรับ Rolling Scar เป็นหลุมสิวที่ตอบสนองได้ดีต่อการรักษาด้วย Subcision ร่วมกับการฉีดสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งจะช่วยตัดพังผืดใต้ผิวและกระตุ้นให้เกิดการฟื้นฟูตัวเองจากภายใน
แนวทางการรักษาหลุมสิวที่แนะนำ ได้แก่
- ทำ Subcision เพื่อปลดพังผืดใต้ผิว
- แต้ม TCA CROSS เพื่อกัดขอบหลุมใน Ice Pick Scar และ Boxcar Scar
- เลือกใช้ Laser Resurfacing / Soldering แทนการใช้กรด
- การฉีด Hybrid Biostimulator เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
หนึ่งในข้อดีของ Hybrid Biostimulator คือ การเริ่มกระตุ้นคอลลาเจนได้ตั้งแต่เดือนแรก ซึ่งหากการกระตุ้นเกิดขึ้นช้าเกินไป ร่างกายอาจฟื้นฟูตัวเองด้วยการสร้างพังผืดขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง ด้วยคุณสมบัติที่กระตุ้นคอลลาเจนได้รวดเร็วและต่อเนื่อง Hybrid Biostimulator จึงถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ สำหรับการรักษาหลุมสิวให้เห็นผลชัดเจนและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
แบ่งปันประสบการณ์ เทคนิคการใช้ Hybrid Biostimulator ในการปรับรูปหน้าและยกกระชับผิวหน้า

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ผิวก็เริ่มส่งสัญญาณว่าถึงเวลาต้องดูแลจากภายใน จากผิวที่เคยตึงกระชับและเรียบเนียน วันหนึ่งกลับเริ่มหย่อนคล้อย ริ้วรอยบางเบาเริ่มปรากฏ แถมโครงหน้าก็อาจดูแฟบลงอย่างเห็นได้ชัด ปัญหาเหล่านี้ล้วนเกิดจากการที่คอลลาเจนในผิวลดลงตามวัย ซึ่งส่งผลให้โครงสร้างผิวไม่แน่นเท่าเดิม ปริมาตรผิวหายไป และใบหน้าดูขาดความสดใส
นวัตกรรมอย่าง Hybrid Biostimulator จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์การฟื้นฟูผิวจากภายใน ช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่ได้อย่างเป็นธรรมชาติ คืนความแน่นกระชับและเรียบเนียน โดยไม่ต้องพึ่งการศัลยกรรมหรือวิธีการที่รุกรานเกินจำเป็น
กลุ่มปัญหาผิวที่เหมาะกับการใช้ Hybrid Biostimulator ได้แก่ :
- ผิวหน้าหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ
- ริ้วรอยเล็ก ๆ ที่เริ่มเห็นชัด
- แผลเป็น หลุมสิว
- โครงสร้างใบหน้าฝ่อตัวหรือดูแบนลง
สรุปจากคุณหมอผู้ชำนาญ :
- Hybrid Biostimulator เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีสัญญาณของผิวหย่อนคล้อยในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยเฉพาะผู้ที่ร่างกายยังสามารถตอบสนองต่อการสร้างคอลลาเจนได้ดี
- จุดสำคัญคือไม่ควรคาดหวังผลทันที เพราะสารกลุ่ม PLLA จะค่อย ๆ ฟื้นฟูผิวจากภายใน และเมื่อเวลาผ่านไป ผลลัพธ์ที่ได้จะดูแน่นขึ้น กระชับขึ้น และ “ได้งานผิวดูไม่โป๊ะ”
แบ่งปันประสบการณ์ เทคนิคการใช้ Hybrid Biostimulator ในการปรับรูปหน้าและยกกระชับผิวหน้าแบบทันที

การยกกระชับใบหน้าด้วยไหมร้อย (Thread Lift) กลายเป็นทางเลือกที่นิยมมากในยุคนี้ เพราะสามารถให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่หากต้องการให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง “ดูชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกและยาวนานยิ่งขึ้น” การเสริมด้วยสารกระตุ้นคอลลาเจนอย่าง Hybrid Biostimulator จะยิ่งเสริมประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้นไปอีก โดยหลังร้อยไหมจะเป็นการใช้ Hybrid Biostimulator เพื่อฉีดเสริมในบริเวณที่ต้องการฟื้นฟูผิวและเพิ่มความยืดหยุ่น
มาตรฐานรับรองคุณภาพของ PLANITI

ทริคเช็กผลิตภัณฑ์ของจริงก่อนฉีด
1️. ตรวจสอบคลินิกที่ใช้ของจริง ผ่านการเทรนจากบริษัทโดยตรง
เลือกคลินิกที่ได้รับการรับรองจากบริษัท และมีแพทย์ที่ผ่านการอบรมเทคนิคการใช้ PLANITI อย่างถูกต้อง โดยสามารถเช็กได้ที่เว็บไซต์ทางการของบริษัท
2️. ตรวจสอบกล่อง PLANITI ด้วย QR Code
ก่อนฉีด ขอให้เจ้าหน้าที่สแกน QR Code บนกล่องผลิตภัณฑ์ เพื่อยืนยันว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของจริงจากบริษัท
โดยในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ PLANITI ได้รับการรับรองมาตรฐานในด้านการใช้งานจากองค์กรหลายหน่วยงานทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ อาทิ GMP, CE, MARKED, ISO และ KFDA
PLANITI จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่กังวลเรื่องผิวหย่อนคล้อย และต้องการฟื้นฟูให้ผิวกลับมาตึงกระชับ แลดูอ่อนเยาว์จากภายใน แต่อย่างไรก็ตามก่อนตัดสินใจทำหัตถการ ควรได้รับการประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาโดยแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัย และตอบโจทย์กับสภาพผิวของแต่ละคนมากที่สุด