การออกกำลังกายหนัก ๆ ทุกวันอาจทำให้ร่างกายเหนื่อยล้า ผิวหน้าของเราก็เช่นกัน เมื่อผิวหน้าได้รับการบำรุงมากจนเกินไป ก็ต้องการการพักผ่อนเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของ ‘Skin Cycling’ เทรนด์การปรนนิบัติผิวที่กำลังฮอตฮิตมากในโลกโซเชียล ถ้าอยากรู้ว่ามีขั้นตอนและวิธีการดูแลผิวพรรณอย่างไรล่ะก็ Wongnai Beauty จะพาทุกคนมาทำความรู้จักเทรนด์นี้ให้มากขึ้นกันค่าา~
Skin Cycling คืออะไร?
Skin Cycling เกิดจากการผสมผสานกันระหว่างคำว่า “Skin” ที่แปลว่า ผิว และคำว่า “Cycling” แปลว่า การทำงานเป็นรอบ เมื่อนำมารวมกันจึงมีความหมายว่า “การหมุนเวียนเปลี่ยนผลิตภัณฑ์บำรุงผิว” นั่นเอง โดยเทรนด์การปรนนิบัติผิวนี้ถูกคิดค้นโดยแพทย์ผิวหนังอย่าง Dr. Whitney Bowe เธออธิบายว่า Skin Cycling เป็นการจัดตารางหมุนเวียนเปลี่ยนผลิตภัณฑ์บำรุงผิวก่อนนอนในทุก ๆ 4 คืน ซึ่งแต่ละคืนก็จะใช้สกินแคร์แตกต่างกันออกไป โดยจุดประสงค์ของเทรนด์นี้ คือการหยุดรบกวนผิวเพื่อให้ผิวได้พักผ่อนจากการบำรุงแบบจัดหนักจัดเต็มในแต่ละวัน อีกทั้งยังเป็นการรักษาสมดุลระบบนิเวศบนผิว (Skin Microbiome) ด้วย
ทำความรู้จัก Dr. Whitney Bowe
สำหรับผู้คิดค้นเทรนด์ Skin Cycling อย่าง Dr. Whitney Bowe เธอเป็นแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัยจากนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยเธอสำเร็จการศึกษาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยเยล (Yale University) และศึกษาต่อในคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย (University of Pennsylvania) หลังจากสำเร็จการศึกษาด้วยคะแนนสูงสุดในชั้นเรียน เธอได้ศึกษาต่อด้านผิวหนังที่ SUNY Downstate Medical Center ซึ่งปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านผิวหนัง สอนเกี่ยวกับเลเซอร์และความงามให้กับบรรดาแพทย์ผิวหนัง นอกจากนี้เธอยังเป็นเจ้าของแบรนด์สกินแคร์อย่าง DEB Beauty อีกด้วย
4 คืน 4 ขั้นตอนปรนนิบัติผิวแบบ Skin Cycling
Dr. Whitney Bowe กล่าวว่า “Smarter Skincare, Not More.” การปรนนิบัติผิวอย่างชาญฉลาด ไม่ใช่การดูแลผิวที่มากเกินไป หากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม ก็ไม่จำเป็นต้องมีสกินแคร์รูทีนมากถึง 11 ขั้นตอน ด้วยเหตุนี้เธอจึงคิดค้นเทรนด์ Skin Cycling โปรแกรมการหมุนเวียนเปลี่ยนผลิตภัณฑ์บำรุงผิวก่อนนอนใน 4 คืน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สูงสุดและลดการระคายเคืองให้น้อยที่สุด ผ่าน 4 ขั้นตอน ดังนี้
- คืนที่ 1 : สครับผิว (Exfoliation Night)
ในคืนที่ 1 เริ่มต้นด้วยการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพให้หลุดออก ด้วยผลิตภัณฑ์สครับผิว หรือผลิตภัณฑ์ช่วยผลัดเซลล์ผิว (Chemical Exfoliator) ที่มีส่วนผสมของ AHA BHA และ PHA ก็ได้เช่นกัน หลังจากสครับและทำความสะอาดผิวหน้าแล้ว แนะนำให้ทามอยส์เจอไรเซอร์ตามทันที เพื่อเติมความชุ่มชื้น และปลอบประโลมผิว ขั้นตอนนี้นอกจากจะช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่ตกค้างในรูขุมขนแล้ว ยังช่วยปรับผิวให้เรียบเนียน พร้อมเปิดรับการบำรุงในค่ำคืนถัดไป
- คืนที่ 2 : เรตินอล (Retinol Night)
สำหรับคืนที่ 2 Dr. Whitney Bowe ตั้งชื่อว่า “คืนแห่งเรตินอล (Retinol)” อนุพันธ์วิตามินเอ (Vitamin A) ซึ่งเป็นสารที่จัดอยู่ในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) มีคุณสมบัติช่วยลดเลือนริ้วรอย พร้อมช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวแน่นดูกระชับขึ้น จึงนิยมนำเรตินอลมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย และกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกลุ่ม Anti-aging นั่นเอง
โดย Dr. Whitney Bowe แนะนำว่าก่อนใช้เรตินอลควรทำความสะอาดผิวก่อนเสมอ จากนั้นจึงใช้เรตินอลในปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ค่อนข้างเข้มข้น ซึ่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวได้ง่าย โดยเฉพาะคนผิวบอบบาง แพ้ง่าย ควรใช้อย่างระมัดระวังมากเป็นพิเศษ สำหรับผู้เริ่มต้นควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอลในเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำก่อน
สำหรับการใช้เรตินอลในคืนที่ 2 จะช่วยเพิ่มการผลิตเซลล์ผิว พร้อมกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ส่งผลให้ผิวแน่นกระชับ ริ้วรอยดูจางลง และยังช่วยลดเลือนจุดด่างดำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นด้วย
- คืนที่ 3 และคืนที่ 4 : พักผิว (Recovery Night)
หลังจากผิวหน้าได้รับการบำรุงแบบจัดเต็มจากผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Active Ingredient ต่าง ๆ แล้ว ในคืนที่ 3 - 4 Dr. Whitney Bowe จัดให้เป็นคืนแห่งการพักฟื้นผิว โดยเธอแนะนำให้ทำความสะอาดผิวหน้าให้หมดจด พร้อมบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อคืนความชุ่มชื้น ปลอบประโลมผิว และเสริมเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ให้แข็งแรง
ข้อควรระวัง!
เทรนด์ Skin Cycling อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน โดยเฉพาะคนที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย หรือคนที่อยู่ในช่วงรักษาสิว ซึ่งเป็นช่วงที่ผิวอ่อนแอและไวต่อการระคายเคือง การสครับผิวและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอลอาจเป็นการรบกวนผิวมากเกินไป ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง และส่งผลให้ปัญหาสิวทวีความรุนแรงมากขึ้น
Skin Cycling เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ตีนกา และร่องลึก
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ
- ผู้ที่มีปัญหาเรื่องรอยสิว ฝ้า กระ และจุดด่างดำ
- ผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าตัวไหนก็ไม่เห็นผล
- มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มเข้าวงการเรตินอล
Skin Cycling ดีต่อผิวหน้าอย่างไร?
สำหรับผลลัพธ์ของการดูแลผิวตามวงจร Skin Cycling ผู้คิดค้นอย่าง Dr. Whitney Bowe กล่าวว่าหลังทำตามวงจร Skin Cycling ประมาณ 2 รอบ จะเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน โดยผิวหน้าจะมีความเนียนนุ่ม ชุ่มชื้นขึ้น ดูสุขภาพดี และการอุดตันลดลง อีกทั้งยังช่วยให้ผิวบอบบางแพ้ง่ายมีความแข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เธอกล่าวเพิ่มเติมว่าเมื่อใช้วงจรนี้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ปัญหาริ้วรอยแห่งวัยดูจางลง และลดความหมองคล้ำให้ผิวหน้ากระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
เทรนด์ Skin Cycling เป็นการดูแลผิวที่น้อยแต่มากตามแบบฉบับแพทย์ผิวหนัง ซึ่งเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอยแห่งวัย ทั้งนี้ หากใครเป็นคนที่มีผิวบอบบาง หรือมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวได้อย่างเหมาะสม