วันนี้เราจะมากันด้วย Topic ที่ Sensitive หน่อย ๆ แต่ถ้าเราทำได้มีแต่ผลดีกับดีแน่นอน! อย่างที่เราทุกคนติดตามข่าวสารกันอยู่ทุกวันว่าอีกภายในไม่กี่สิบปี โลกอาจต้องประสบสภาวะขาดแคลนอาหาร ทั้งจากภาวะโลกร้อน สภาพอากาศแปรปรวน พืชผลไม่เป็นไปตามฤดูกาลปกติ ระบบนิเวศถูกทำลาย ขยะล้นโลก แถมทุกวันนี้มีการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกายคนเราเป็นที่เรียบร้อย ส่งผลเสียทางด้านสุขภาพอย่างมากมายมหาศาลในระยะยาวแน่นอน แล้วจะดีกว่าไหมถ้าวันนี้เราจะเริ่มรู้จักกับ Sustainable Eating การกินอย่างยั่งยืน ช่วยลดโลกร้อน คืนโลกที่อุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้กันไปยาว ๆ ถ้างั้นอย่ารอช้าดีกว่า ไปเริ่มเรียนรู้กันเลย!
แนวคิดการกินอย่างยั่งยืน หรือ Sustainable Eating คืออะไร ?

Sustainable Eating คือ วิธีการกินที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หยุดทำลายธรรมชาติจากการบริโภคอย่างขาดสติ และสร้าง Footprint (ร่องรอยการกระทำต่าง ๆ ของเราที่เราฝังไว้บนโลก) จากการกินให้น้อยที่สุด พูดแบบนี้หลายคนอาจจะยังไม่เห็นภาพ แต่ถ้าเราลองก้มมองเนื้อสัตว์ในจานของเรา แล้วเริ่มคิดว่ามันมาจากไหน ผลกระทบที่ต้องแลกเพื่อให้ได้มันมานั้นมีอะไรบ้าง ตัวอย่างล่าสุดที่เราเห็นภาพใหญ่ร่วมกันคือ ไฟป่าแอมะซอนมากกว่า 75,300 จุดที่โหมกระหน่ำอย่างหนักในช่วงต้นปีที่ผ่านมา นั่นก็เพราะว่าบราซิลเป็นประเทศที่ส่งออกเนื้อและถั่วเหลือง และการที่จะได้มันมาในจำนวนมากนั้น ก็มีราคาที่ต้องแลกจากการเผาป่าจนเกิดลุกลามเป็นไฟป่าที่เห็นนั่นเอง!
Fact : ก๊าซเรือนกระจกส่วนใหญ่ที่ปล่อยมาจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์คือก๊าซมีเทน มีที่มาจากการตดและเรอของสัตว์เคี้ยวเอื้อง อย่าง วัว ควาย แพะ แกะ ส่วนไก่เป็นผู้ทำ Footprint ไว้มากที่สุดบนโลกใบนี้ นั่นก็เพราะคนนิยมบริโภคมาก กระบวนการผลิตก็เลยสร้างผลกระทบมหาศาลเช่นกัน
แล้วกินแบบนี้ ยั่งยืนอย่างไร ?
เมื่อเปลี่ยนวิธีการกินให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย ความยั่งยืนของโลกและแหล่งทรัพยากรก็จะมีมากขึ้นแน่นอน ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัด ๆ เลยก็คือ...
- ช่วยลด Footprint ต่อสิ่งแวดล้อม เพราะการกินเนื้อสัตว์จากโรงงาน นั้นเท่ากับว่าเรากำลังเพิ่มความรุนแรงของภาวะโลกร้อนไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม
- ช่วยเสริมสร้างรายได้ให้เกษตรกรรายย่อย และพัฒนาสุขภาพของตัวเองจากการกินเนื้อสัตว์ที่ออร์แกนิกมากขึ้น
- ไม่สนับสนุนเกษตรอุตสาหกรรม ที่สร้างความเหลื่อมล้ำให้เกษตรกร และสร้างผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมมากมาย
- ลดขยะอาหาร (Food Waste) เพราะ เรียนรู้วิธีทิ้งขยะเพื่อลดขยะอาหารต่อได้ที่ : Zero Waste : เรียนรู้ "แยกขยะ" ยังไง ให้ขยะไม่ล้นโลก!
- ลดการกินและการกักตุนอย่างขาดสติ ที่ทำให้ประชากรบนโลกอีกกว่าล้านคนต้องเผชิญกับภาวะอดอยาก และเราที่จะเผชิญการขาดแคลนอาหารในวันหน้า!!!
- มีเงินเก็บมากขึ้น โดยเริ่มจากสิ่งเล็กน้อยอย่าง กินข้าวให้หมดจาน ปลูกผักไว้กินเอง ทานอาหาร Local
- ส่งต่อแนวคิดดี ๆ ไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานของเรา ให้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน
เริ่มกินอย่างยั่งยืนยังไงดี!
พอ Get An Idea กันแล้วใช่ไหมคะ ว่าเราทำไปทำไม ช่วยอะไร และมีผลต่อใครบ้าง ทีนี้จะมาเข้าสู่ช่วงทดลองปฏิบัติจริงกันบ้าง ถ้าใครยังรู้สึกว่าเริ่มหลาย ๆ ข้อไม่ไหว ยังไม่เป็นไรนะคะ เอาเท่าที่ไหวก่อน แล้วค่อยเพิ่มเป็น Challenge ให้ตัวเองขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าพร้อมแล้ว มาเริ่มกันเลยดีกว่า!
1. Organic Gardening ปลูกผักไว้กินเอง

ไอเดียนี้กำลังเป็นเทรนด์ฮอตฮิตเลยละค่ะ นอกจากจะปลูกต้นไม้ช่วยดูดซับสารพิษแล้ว ลองปลูกผักสวนครัวง่าย ๆ อย่างเช่น กะเพรา โหระพา สะระแหน่ พริก กระเทียม ใบบัวบก ดูบ้าง นอกจากจะช่วยโลกด้วยการเพิ่มออกซิเจนได้แล้ว คนที่ได้รับประโยชน์คนแรกก็คือตัวเราเองเลย เพราะได้กินผักปลอดสารพิษที่ปลูกด้วยมือตัวเอง ไม่ต้องกังวลเรื่องยาฆ่าแมลง สารกันบูด หรือสารพิษตกค้าง สุขภาพดีขึ้น มีสมาธิ ใจเย็นขึ้น หน้าตาแจ่มใสจากภายในสู่ภายนอกไปเลยค่า!
2. Eat it up ทานอาหารให้หมดจาน / สั่งเท่าที่กินไหว

แน่นอนว่าเวลาเข้าร้านอาหาร หลายคนอาจจะยังไม่เคยกล้าบอกพนักงานว่า ขอลดปริมาณข้าวลงหน่อย หรือสั่งเท่าที่ตัวเองกินไหว เพราะกลัวไม่คุ้ม หรือเสียประโยชน์ทางใดทางหนึ่ง แต่ถ้าเรามองดี ๆ การที่เรารู้ว่าเรากินไม่หมดแน่ ๆ และขอให้เขาลดปริมาณลงนั้น ช่วยลด Food Waste และการสูญเสียทรัพยากรโดยใช่เหตุไปเลยละค่ะ ช่วยโลกได้เต็ม ๆ เพราะจะบอกว่าทุกวันนี้ 1 ใน 3 ของอาหารที่ผลิตได้ทั้งหมด กลายเป็นขยะอาหาร ซึ่งเป็นปัญหาต้น ๆ ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนเลยละ
3. Nose to Tail Cooking ปรุงอาหารกินเองแบบใช้ทุกส่วนให้คุ้มค่า

ใครชอบกินอาหารญี่ปุ่นจะรู้ดีว่า การกินตั้งแต่หัวจรดหางแบบนี้แทบจะเป็นหัวใจหลักในการทำอาหารของญี่ปุ่นเลย ตัวอย่างเช่น ปลา 1 ตัว หัวปลาจะถูกแบ่งเอาไปต้มซุป เนื้อปลาจะทำเป็นซาซิมิ หรืออาหารจานหลัก ก้างปลาจะเอาไปต้มซุปใสเพิ่มคอลลาเจน ไข่ปลา ตับปลา หรืออวัยวะส่วนอื่น ๆ ก็จะถูกรังสรรค์เป็นเมนูอื่น ๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าแทบจะไม่เหลือทิ้งกันเลยทีเดียว วันนี้เราเลยมาท้าทายทุกคนอยากให้ลองดู เวลาทำอาหาร ลองเลือกให้การทิ้งเป็นสิ่งสุดท้าย ใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่าที่สุด หรือเอามาแปรรูปใช้ประโยชน์ต่อ เช่น การนำแกนสับปะรดมาหมักทำน้ำยาล้างจาน เพื่อให้เหลือขยะทิ้งน้อยที่สุด
4. Eat Meatless ลดการกินเนื้อสัตว์

สาวกคนชอบกินเนื้อวัว เนื้อหมู ไก่ กำลังเถียงอย่างสุดใจแน่นอน แต่ลองเปิดใจสักนิด ใครยังไม่สามารถตัดได้ขาดเหมือนเราก็ยังไม่ต้องฝืน ขอแค่ค่อย ๆ ลดไปเท่าที่ทำได้ก็พอ ถ้าอยากกินเนื้อจริง ๆ ให้เลือกเนื้อที่เลี้ยงแบบอินทรีย์ดีกว่าเยอะ เพราะงานนี้เป้าหมายหลักเราคือการลดปริมาณทรัพยากรที่ใช้ในการเลี้ยงสัตว์และลดก๊าซมีเทนจากมูลสัตว์ ซึ่งอย่างที่บอกเลยว่าก๊าซมีเทนนี้จะลอยขึ้นสู่บรรยากาศ กลายเป็นก๊าซเรือนกระจก ทำให้โลกร้อนขึ้นและเกิดภัยพิบัติตามมาอย่างต่อเนื่องนั่นเองค่า!
5. No Plastics พยายามลดการใช้พลาสติก

เราเชื่อว่าทุกคนรู้และตระหนักข้อนี้ดีอยู่แล้ว เพราะไม่นานมานี้ประเทศไทยของเราก็มีการรณรงค์ร่วมกันกับทั่วโลกเพื่อช่วยลดขยะพลาสติก ที่เป็นปัญหาขยะล้นโลกอยู่ตอนนี้ เนื่องจากความเสี่ยงที่พลาสติกจะเจือปนในน้ำและดิน แล้วที่สุดท้ายจะเข้ามาอยู่ในห่วงโซ่อาหารของเรานั้นมีมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การลดก็ช่วยชะลอให้วงจรนี้เกิดขึ้นช้าลงหรือถ่วงเวลาเพื่อรอเทคโนโลยีในการฟอกห่วงโซ่อาหาร ขับไล่ไมโครพลาสติกออกไปจากสารบบของเรา โดยเรื่องนี้ทุกคนสามารถช่วยกันได้คนละไม้คนละมือ อย่างการสั่งอาหารแบบ Delivery เดี๋ยวนี้เขาก็มีให้ติ๊กว่าไม่รับถุงพลาสติก หรือช้อนส้อมพลาสติกแล้วด้วยนะ ช่วยได้มาก ๆ เลย!
6. Shop Locally กินอาหารท้องถิ่น / วัตถุดิบท้องถิ่น

ลองมาทานอาหารพื้นบ้าน ทานผักผลไม้ท้องถิ่นดู ตรงนี้นอกจากจะช่วยลดการใช้ทรัพยากรและพลังงานจากเกษตรอุตสาหกรรม รวมถึงพลังงานผลิต-ขนส่ง-แปรรูปอาหารแล้ว ยังช่วยกระจายเม็ดเงินสู่ท้องถิ่นและช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในชุมชนด้วยนะ หรือถ้าใครอยากลงมือปลูกเองก็ขอให้เน้นการปลูกและการดูแลที่ไม่เกิดคาร์บอนหรือเกิดน้อยที่สุด ไม่ใช้สารเคมีในการปลูก การทำลายศัตรูพืชและไม่ทำการตัดต่อพันธุกรรม เท่านี้ก็ช่วยให้ผลผลิตมีคุณภาพสูงและลดการทำลายธรรมชาติลงได้แล้วค่ะ!
7. Eat Seasonally กินอาหารตามฤดูกาล

และแน่นอนว่าทานวัตถุดิบจากพื้นบ้านไปแล้ว แต่ข้อที่สำคัญอีกข้อเลยก็คือ เราควรกินผัก-ผลไม้ตามฤดูกาลด้วยนะ ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายมาก แต่จริง ๆ แล้ว เกษตรอุตสาหกรรมจำนวนไม่น้อยใช้พลังงานและสารเคมีเร่งผลผลิตในการปลูกให้ออกทุกฤดูกาล ผลเสียที่ตามมาก็คือ เราในฐานะผู้บริโภคต้องรับสารเคมีเหล่านี้ไปเต็ม ๆ ที่สำคัญ Footprint ที่เกิดขึ้นก็ใหญ่มาก ส่งผลกระทบโดยตรงกับภาวะโลกร้อน ถ้าเราลองเริ่มต้นปรับข้อนี้สักนิด ถือว่าเราได้ตัดวงจรตรงนี้ไป แถมเรายังได้สนับสนุนเกษตรกรรายย่อยให้มีรายได้ไปในตัวอีกด้วยนะ!
เป็นยังไงกันบ้างคะ พอเห็นภาพและเข้าใจแนวคิดของ Sustainable Eating มากขึ้นไหม และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับทุกคนไม่มากก็ไม่น้อยนะคะ ช่วยกันเริ่มต้นวันนี้คนละไม้คนละมือ เพื่อได้ชะลอและให้เวลาโลกได้ฟื้นฟูตัวเองจนกลับมาอุดมสมบูรณ์มีทรัพยากรเพียงพอให้กับทุกคนอีกครั้งค่ะ!
อ่านบทความ Zero Waste ดี ๆ ต่อได้ที่...