ต้องบอกเลยว่าผู้หญิงเรามีปัญหาผิวมากมายที่ต้องเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งสภาพอากาศเมืองไทยที่ต้องเผชิญกับแดดที่เป็นต้นเหตุของปัญหาผิว แถมยังมีปัญหามลภาวะส่งผลต่อผิวที่เราต้องเจออีกเพียบ! พูดเลยเจอแบบนี้แอบเซ็งเหมือนกันค่ะ แถมบางคนต้องเจอกับปัญหาผิวอีกหลายด้านเลย ไม่ว่าจะเป็นสีผิวไม่สม่ำเสมอจากแดด ไหนจะผิวขาดความชุ่มชื่น และยังมีอีกหลายปัญหานับไม่ถ้วน วันนี้ Wongnai Beauty ชวนมาเช็กปัญหาผิวน่ากังวลใจที่สาว ๆ จะต้องเจอ จะมีวิธีเช็กแบบไหนตามมาดูกันเลยค่ะ ขอบอกว่าง่ายมากกก! ทำด้วยตัวเองได้แน่นอน
ทดสอบความกระจ่างใส
เริ่มต้นด้วยการทดสอบความกระจ่างใสของผิวโดยการเทียบแขนกับท้องแขนทั้งสองข้าง พร้อมทั้งสลับข้างกันดูว่าสีผิวของแขนทั้งสองข้างนั้นมีความกระจ่างใสสม่ำเสมอกันหรือไม่? เราจะเน้นที่ความสม่ำเสมอของสีผิวเป็นหลักค่ะ แน่นอนว่าบริเวณแขนอาจจะมีผิวเข้มกว่าท้องแขนเพราะเป็นส่วนที่เจอแดดมากกว่า แต่โดยรวมให้สีผิวของเราต่างกันไม่เกิน 1-2 ระดับ ถือว่าอยู่ในระดับที่พอดีค่ะ แต่ถ้าใครพบว่าผิวของเราเดี๋ยวดำ เดี๋ยวด่าง มีสีผิวไม่สม่ำเสมอกัน ต้องเตรียมตัวบำรุงด่วน!
ทดสอบความกระชับของผิว
สาว ๆ หลายคนอาจจะต้องเจอกับปัญหาผิวหย่อนคล้อยก่อนวัย ซึ่งบางทีมองด้วยตาเปล่าอาจจะยังไม่ชัดเจน แบบนี้ต้องลองทดสอบความกระชับของผิวกันค่ะ ขั้นตอนก็ง่ายมาก แค่ลองดึงผิวบริเวณที่ต้องการทดสอบค้างไว้ 2-3 วินาที และสังเกตว่าผิวส่วนนั้นใช้เวลาคืนตัวมากน้อยขนาดไหน โดยปกติแล้วถ้าผิวยังมีความกระชับอยู่ ผิวจะคืนตัวทันทีเมื่อปล่อยมือค่ะ
ทดสอบจุดด่างดำบนผิว
แน่นอนว่าสาว ๆ หลายคนอาจจะมีจุดด่างดำบนผิวแบบไม่รู้ตัว สำหรับขั้นตอนง่าย ๆ ในการทดสอบจุดด่างดำนั้น แค่ทำมือเป็นรูปโอเค (OK) จากนั้นก็เริ่มทาบลงบนผิวในแต่ละโซน ให้เราโฟกัสผิวที่อยู่ในวงกลมเข้าไว้ค่ะ โซนไหนที่พบว่ามีจุดด่างดำเกิน 3 จุดขึ้นไป แสดงว่าผิวของเราไม่ผ่านและเริ่มมีจุดด่างดำที่ชัดเจนแล้ว เพราะฉะนั้นต้องเริ่มหันมาดูแลผิวอย่างเร่งด่วนแล้วค่ะ
ทดสอบความหมองคล้ำของผิว
ต่อกันที่การทดสอบความหมองคล้ำของผิว หรือความไวต่อแดดนั่นเองค่ะ บอกเลยว่าวิธีนี้อาจจะต้องใช้แสงแดดอยู่บ้าง แต่ไม่ต้องไปยืนตากแดดนะคะ เอาเป็นว่าเมื่อไรที่ใส่นาฬิกาหรือสร้อยข้อมือและต้องออกแดด ให้สังเกตสีผิวที่แขนหลังจากถอดนาฬิกาเทียบกับสีผิวปกติ ดูว่าคล้ำหรือสว่างขึ้นมากน้อยแค่ไหน หากสีผิวบริเวณใต้รอยนาฬิกาขาวขึ้นกว่าผิวส่วนอื่น นั่นแสดงว่าผิวของเราขาดการบำรุงค่ะ
ทดสอบความชุ่มชื้นของผิว
สำหรับขั้นตอนการทดสอบความชุ่มชื้นของผิวนั้น เพื่อความชัวร์ ทางเราขอเบิกตัวช่วยนั่นก็คือ ปากกาวัดความชุ่มชื้นของผิวนั่นเองค่ะ หลักการใช้ก็ง่ายมาก แค่จิ้มตัวทดสอบความชุ่มชื้นของผิวไปยังบริเวณที่เราต้องการ ซึ่งทางเราได้วัดค่าแล้วได้ความชุ่มชื้น 25% นั่นหมายความว่าผิวของเราแห้งและขาดความชุ่มชื้น ทั้งนี้ถ้าเป็นค่าของผิวปกติ ไม่ขาดความชุ่มชื้นจะอยู่ที่ 38-42% รู้แบบนี้ ต้องหาตัวช่วยบำรุงผิวด่วนเลยจ้า
ไอเท็มเด็ดตอบโจทย์ทุกปัญหาผิว
สำหรับตัวช่วยตัวใหม่ที่จะตอบโจทย์ได้ทุกปัญหาผิว นั่นก็คือ " Vistra Acerola Cherry" นั่นเอง เพราะช่วยดูแลให้ผิวแข็งแรงอย่างเป็นธรรมชาติ แต่บอกก่อนเลยว่าช่วงยุคโรคระบาดแบบนี้ การจะเดินหาซื้อวิตามินบำรุงผิวอาจจะทำได้ไม่ง่ายเหมือนเมื่อก่อน แต่ผู้หญิงอย่างเราจะหยุดสวยไม่ได้ค่ะ เพราะฉะนั้นช่องทางการชอปออนไลน์ย่อมทำได้ง่ายและสบายที่สุด!
ซึ่งทางเราได้เลือกซื้อเจ้า Vistra Acerola Cherry จากทาง Lazada มาค่ะทุกคน พูดเลยว่าราคาดีมากกก! แอบจัดโปรอยู่บ่อย ๆ ด้วยนะ ไม่ต้องออกจากบ้านไปซื้อให้เสี่ยงโรค อยู่บ้านก็มีผิวดีได้ง่าย ๆ เลยค่ะ แถมของมาส่งไวมาก ถูกใจคนใจร้อนแบบเราที่สุด ที่สำคัญคือแพ็คสินค้ามาค่อนข้างดีค่ะ หมดกังวลเรื่องสินค้าชำรุดก่อนถึงมือไปได้เลย
แน่นอนว่าการบำรุงผิวจากภายนอกอย่างเดียว ยังไม่พอนะจ๊ะ ต้องหาตัวช่วยกู้ผิวดีจากภายใน ทางเราขอแนะนำวิตามินเสริมที่ได้รับรางวัล Watsons HWB Awards สินค้าขายดีในวัตสัน 2 ปีซ้อน ประเภทเสริมอาหาร วิตามินซีจากธรรมชาติ สารสกัดนำเข้าจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อย่าง " Vistra Acerola Cherry 1000 mg" ที่ประกอบไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการ และเจ้าตัวนี้มีปริมาณวิตามินซีสูงกว่าผลไม้รสเปรี้ยวชนิดอื่น ช่วยในเรื่องการต่อต้านอนุมูลอิสระและมีประสิทธิภาพสูงมาก ที่สำคัญเลยคือไม่ระคายเคืองต่อกระเพาะและลำไส้
ใครที่กังวลเรื่องการดูดซึมวิตามินซีในร่างกาย มั่นใจได้เลยค่ะ เพราะเจ้าตัวนี้มีซิตรัส ไบโอฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึม ซึมเร็ว ซึมไวใช้งานได้จริง นอกจากนี้ยังมีสารสกัดที่สำคัญอย่างทับทิมและเมล็ดองุ่น ที่จัดเต็มเรื่องการดูแลฟื้นฟูบำรุงผิว คุณประโยชน์พื้นฐานของวิตามินซีนั้น ยังช่วยในเรื่องการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนและเนื้อเยื่อของเอ็นและกระดูกอ่อน มีประโยชน์ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง บอกเลยว่าบำรุงจากภายในสู่ภายนอกที่แท้จริง!
แล้ววิตามินซีต้องกินตอนไหนถึงจะดี? ต้องบอกเลยว่าวิตามินสามารถกินเวลาไหนก็ได้ค่ะ แต่ควรจะเป็นหลังอาหารเช้าและเย็น ครั้งละ 1 เม็ด ซึ่งเหตุผลที่ต้องกินหลังอาหารนั้นเพราะวิตามินซีจะดูดซึมได้ดีค่ะ อย่างที่รู้กันว่าวิตามินซีมีฤทธิ์เป็นกรด อย่าเผลอกินตอนท้องว่าง แต่เจ้าตัวนี้พิเศษมากค่ะ ทางแบรนด์เคลมเลยว่ากินแล้วไม่ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารและลำไส้ เพราะฉะนั้นหมดกังวลไปได้เลย
เคยได้ยินประโยค “You’re what you eat“ มั้ยคะทุกคน? ที่ว่าเราจะเป็นยังไงขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรากิน สภาพผิวก็เช่นกันค่ะ อยากผิวดีก็ต้องเลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ แต่เดี๋ยวนี้แหล่งวิตามินชั้นดีจากอาหารเพียงอย่างเดียวค่อนข้างหากินยาก และอาจจะยังไม่เพียงพอต่อสารอาหารที่ร่างกายต้องการ เพราะฉะนั้นตัวช่วยได้คืออาหารเสริมอย่างวิตามินซีนี่แหละตอบโจทย์สุด! ช่วยบำรุงผิวพร้อมทั้งช่วยให้แข็งแรงจากภายใน แล้วยิ่งเป็นยุคนี้แล้วด้วย ไม่อยากให้ทุกคนพลาดการดูแลตัวเองค่ะ
ใครที่อยากได้ตัวช่วยผิวดี ตอบโจทย์ได้ทุกปัญหาผิวแบบนี้ สามารถหาซื้อ Vistra Acerola Cherry ได้ที่ Watsons, Boots,Pure Pharmacy, Exta (7-11), Lotus's Pharmacy และร้านขายยาชั้นนำทั่วไป ซึ่งขนาด 45 เม็ด ราคาเต็มอยู่ที่ 450 บาท แอบบอกว่าเค้าจัดโปรโมชั่นอยู่บ่อย ๆ ค่ะ พูดเลยว่าราคาน่ารักจนต้องซื้อตุน! สามารถติดตามโปรโมชั่นราคาพิเศษ ได้ตามช่องทางออนไลน์ Lazada / Shopee / Watsons ได้เลยจ้า
ช่องทางการติดต่อ
- Facebook : https://www.facebook.com/VistraClub
- Website : https://www.vistra.co.th/product/vistra-acerola-cherry/
- Twitter : https://twitter.com/vistrathailand
- Line : @vistra
