ปัจจุบันร้านอาหารเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงเนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากในการลงทุน อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่ทำเงินได้เร็ว หากแต่ว่าก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะอยู่รอดและประสบความสำเร็จในธุรกิจประเภทนี้ เช่นเดียวกับธุรกิจประเภทอื่นๆ
การใช้เทคโนโลยีเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำหรับร้านอาหารที่จะทำให้เราอยู่รอดในสนามธุรกิจร้านอาหารที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดท่ามกลางยุค O2O (Online to Offline) หรือที่รู้จักกันว่า “ยุคแห่งการเชื่อมต่อออฟไลน์ (หน้าร้าน) เข้ากับออนไลน์” เพื่อให้ร้านเป็นที่รู้จัก (Awareness) รวมถึงเพิ่มช่องทางในการขายมากขึ้น
ทำไมร้านอาหารต้องลงทุนในเทคโนโลยี?
1. เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจร้านอาหาร
ข้อมูลทางสถิติยืนยันว่าเกือบ 80% ของลูกค้าที่ใช้บริการร้านอาหารเป็นประจำในสหรัฐฯ เชื่อว่าเทคโนโลยีที่ทันสมัย ถูกนำมาใช้ในร้านอาหารทำให้พวกเขาได้รับประสบการณ์ในการทานข้าวนอกบ้านที่ดีขึ้น
เช่น เทคโนโลยีอย่างระบบ POS ช่วยให้ร้านดูแลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้ามาภายในร้านจนถึงเดินออกจากร้านด้วยความพึงพอใจและอยากกลับมาอีก ระบบ POS ช่วยบริหารจัดการจองโต๊ะ การรอคิว รับออเดอร์ทานในร้าน นำกลับบ้าน และเดลิเวอรี่ ส่งออเดอร์เข้าครัว บริหารจัดการออเดอร์ และเช็คบิล รวมถึงบริหารจัดการสต๊อกได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ระบบ POS ช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารระหว่างฝ่ายบริการและครัว ลดโอกาสในการผิดพลาด จึงทำให้ช่วยลดปริมาณงานและกำลังคน รวมถึงต้นทุนที่เกิดจากการทำงานผิดพลาด

นอกจากนี้ การนำเครื่องมือเครื่องใช้อัตโนมัติที่ทันสมัยมาใช้ภายในครัวช่วยให้ปรุงอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความเสถียร ออกอาหารได้รวดเร็วและเป็นระบบมากขึ้น เช่น เตาคอมบิ (Combi oven) หรือเตาอบอัจฉริยะ ซึ่งสามารถทำอาหารได้ในปริมาณมาก รวดเร็ว และหลากหลายทั้งอบ ต้ม นึ่งและย่าง โดยสามารถควบคุมอุณหภูมิ ความชื้นและเวลาในการปรุงอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ
ทำให้สามารถทำอาหารเสิร์ฟลูกค้าจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเตาอบโดยทั่วไปถึง 60% สามารถประหยัดเวลาในการทำอาหารได้ถึง 80% ประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากถึง 40% และค่าน้ำ 80% เมื่อเทียบกับเตาอบทั่วไป ผิดพลาดน้อยลง ทำให้การส่งอาหารคืนจากลูกค้าหรือการทำออเดอร์ผิดน้อยลง ยังมีเครื่องใช้อัตโนมัติในครัวอื่นๆ อีกมากมายที่ช่วยประหยัดเวลาและแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เช่น เตาทอด (deep fryer) เครื่องล้างจานและเครื่องอุ่นอาหาร (bain marie) เทคโนโลยีเหล่านี้สามารถลดอัตราการสิ้นเปลืองวัตถุดิบโดยเปล่าประโยชน์ได้ถึง 50% และสามารถช่วยลดต้นทุนอาหารได้สูงถึง 8%
2. การบริการที่ดีทำให้ลูกค้าประทับใจในการบริการ
เทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้ในร้านอาหารในปัจจุบัน อาทิ การใช้แท็บเล็ตในการรับออเดอร์จากลูกค้าโดยพนักงานหรือมีไว้ที่โต๊ะให้ลูกค้าส่งและจัดการกับออเดอร์เองนั้นทำให้พนักงานประหยัดเวลาในการทำงานสามารถส่งออเดอร์ที่โต๊ะได้เลยลดโอกาสในการใส่ออเดอร์ผิด ไม่ต้องเดินไปไหนทำให้มีเวลาดูแลพูดคุย ทักทายและตอบคำถามลูกค้ามากขึ้น
โดยเฉลี่ยพนักงานใช้เวลาเดินไปกลับและใส่ออร์เดอร์อย่างน้อยประมาณ 5-10 นาที ต่อครั้งต่อโต๊ะ ซึ่งในบางกรณีอาจจะนานกว่านี้เนื่องจากขนาดร้านใหญ่ กระบวนการทำงานที่มากและซับซ้อน บวกกับความยุ่งของธุรกิจ
เมื่อออเดอร์ส่งเข้าไปที่เครื่องพิมพ์ภายในครัวและทีมครัวก็จะปรุงอาหารได้ทันทีและอาหารก็จะออกเร็วทำให้ลูกค้าไม่ต้องรอนาน ซึ่งถ้าใช้การจดออเดอร์ด้วยมืออาจต้องเสียเวลาในการอธิบายรายละเอียดและพยายามอ่านลายมือของพนักงานแต่ละคนซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายและยังมีโอกาสผิดพลาดสูง
เช่นเดียวกับการเช็คบิลก็สามารถสั่งเช็คบิลจากที่โต๊ะได้ทันทีไม่ต้องเสียเวลารอแจ้งพนักงาน ซึ่งโดยเฉลี่ยใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 5 นาทีเช่นกัน บางระบบสามารถรูดบัตรเครดิตหรือยิง QR code เพื่อชำระบิลที่โต๊ะได้เลย ประกอบกับเทคโนโลยีในครัวที่ช่วยให้อาหารออกมาได้รวดเร็วและได้คุณภาพส่งผลให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจในอาหารและบริการ ส่งผลให้กลับมาใช้บริการอีก

การนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ไม่ใช่แค่ทำให้ลูกค้าประทับใจในการบริการที่รวดเร็วและมีประประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังทำให้ลูกค้ารู้สึกได้ถึงความเป็นมืออาชีพของเรา โดยเฉพาะในเรื่องของการบริการ อีกทั้งยังสนุกกับการที่ได้สั่งและควบคุมรายการอาหารที่สั่งเองอีกด้วย
เทคโนโลยีอื่นๆ เช่น แอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือที่สามารถจองโต๊ะหรือสั่งออเดอร์ออนไลน์ได้ช่วยให้ลูกค้าประหยัดเวลาในการรอคอยได้ด้วย นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อกระจายข่าวสาร สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า กระตุ้นลูกค้าให้ใช้จ่ายมากขึ้นด้วยของรางวัลหรือส่วนลด และโต้ตอบกับลูกค้าได้
เทคโนโลยีที่ทันสมัยเหล่านี้สามารถประหยัดเวลาในการทำงานของพนักงานได้มหาศาล ลองคำนวณแบบง่ายๆ ดู ราคาแท็บเล็ตหนึ่งเครื่องสามารถจ่ายเงินเดือนพนักงานได้เพียงแค่ 1 คน 1 เดือน ในขณะที่แท็บเล็ตหนึ่งตัวมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 3-5 ปี คุณลองคิดดูเองว่าร้านสามารถลดต้นทุนได้มากเท่าไร ในประเทศญี่ปุ่นร้านอาหารประเภท Izakaya ใช้พนักงานเพียงแค่ 3-5 คนทั้งร้าน เท่านั้นสำหรับร้านที่มีขนาด 70 ถึง 120 ที่นั่งโดยอาศัยเทคโนโลยีเป็นหลักในการดำเนินธุรกิจ
3. เพิ่มผลตอบแทน (กำไร)
80% ของเจ้าของกิจการร้านอาหารในสหรัฐฯ ยอมรับว่าการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในธุรกิจช่วยเพิ่มยอดขายและกำไรให้กับธุรกิจ การเพิ่มช่องทางการขายออนไลน์และเดลิเวอรี่สามารถเพิ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ที่โดยปกติอาจไม่มีโอกาสมาที่ร้านหรือในวันที่ฝนตกหนักหรือรถติดมาก ซึ่งปกติจะเงียบแต่ร้านที่เปิดกว้างรับการเปลี่ยนแปลงของโลกใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำธุรกิจจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในร้านก็เช่นกัน
การใช้โซเชียลมีเดียเพื่อการตลาดจึงเป็นเทคโนโลยีราคาถูกที่สามารถเพิ่มลูกค้าและรายได้ให้กับธุรกิจร้านอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบ POS และแท็บเล็ตที่โต๊ะอาหารนอกจากจะสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ร้านอาหารแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ เปิดเผยว่าการที่ร้านมีเทคโนโลยีไว้ให้ลูกค้าใส่ออเดอร์เองที่โต๊ะอาหารทำให้ร้านมียอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับการรับออเดอร์ด้วยพนักงาน

นอกจากนี้ เทคโนโลยีเหล่านี้ยังช่วยลดต้นทุนของธุรกิจอีกด้วย เช่น ค่าแรงพนักงานเพราะมีความจำเป็นในการใช้บุคลากรน้อยลง ในครัวก็เช่นกันระบบ POS สามารถช่วยบริหารสต๊อกได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้ลดการสูญเสียและสูญหายของวัตถุดิบและได้อาหารตรงตามสูตรมาตรฐาน เครื่องครัวอัตโนมัติต่างๆ ก็ทำให้อาหารที่ออกจากครัวทุกจานมีคุณภาพและลดโอกาสในการส่งคืนอาหาร เนื่องจากความไม่พึงพอใจของลูกค้า อีกทั้งยังประหยัดแรงงานในครัว สิ่งเหล่านี้นำไปสู่ผลกำไรที่เพิ่มขึ้น
4. ความพึงพอใจของพนักงานเพิ่มขึ้น
ระบบ POS ช่วยให้พนักงานทำงานง่ายเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดเวลาและแรงงาน ลดโอกาสการผิดพลาด ส่งผลให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีและประทับใจเต็มใจที่จะให้รางวัลพนักงานในรูปแบบทิปหรือไม่รู้สึกไม่เต็มใจเมื่อโดนชาร์จค่าบริการ ทำให้พนักงานได้รายได้เพิ่ม เกิดความพึงพอใจและมีแรงจูงใจในการทำงาน

เมื่อทำงานได้ง่ายและรวดเร็วอีกทั้งได้รายได้เพิ่มพนักงานจะสนุกในการทำงาน ลดความกดดันจากลูกค้าเนื่องจากได้รับบริการที่ดีและไม่ต้องรออาหารนาน มีโอกาสได้พูดคุยดูแลลูกค้าอย่างเต็มที่มากขึ้น ในครัวก็เช่นกันเมื่อเทคโนโลยีช่วยให้พ่อครัวและทีมของเขาทำอาหารได้ง่ายและเร็วขึ้นด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัยต่างๆ ก็จะสนุกในการทำงานมากขึ้นและความกดดันในงานลดลงเช่นกันเนื่องจากภาระงานที่ลดลงทำให้โอกาสในการผิดพลาดลดลงด้วย นอกจากนี้ ยังสามารถบริหารจัดการสต๊อกได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีของเสียน้อยลงส่งผลให้ประหยัดต้นทุนในครัวได้มากขึ้น
5. ความยั่งยืนมากขึ้น
เป็นที่รู้กันดีสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารว่าค่าเช่า (COR) และค่าแรง (COL) เป็นต้นทุนคงที่ (fixed cost) ที่สำคัญที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ไม่ว่าจะขายไม่ได้เลยก็ต้องจ่าย การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการดำเนินงานของธุรกิจร้านอาหารสามารถช่วยทำให้ร้านอาหารของคุณสามารถลดค่าใช้จ่ายคงที่ที่ไม่คิดว่าจะสามารถปรับลดได้แบบยั่งยืนอีกด้วย

ไม่ใช่แค่ทำให้ลูกค้าประทับใจในอาหารและบริการเท่านั้น แต่เทคโนโลยียังสามารถเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของคุณด้วยการลดค่าใช้จ่ายที่สำคัญอื่นๆ ในร้านได้อีกด้วย เริ่มด้วยการลดค่าแรง ดังที่กล่าวข้างต้นว่าเทคโนโลยีทำให้พนักงานทำงานง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ดังนั้นถึงแม้ว่าต้นทุนค่าเช่าของร้าน (COR) จะไม่สามารถลดลงได้ก็ตาม แต่ร้านก็สามารถลดจำนวนพนักงานและค่าแรง (COL) ลงได้ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ในทางกลับกัน เงินลงทุนในเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทันสมัยกลับมีราคาลดลงแต่ค่าแรงกลับสูงขึ้นอีกทั้งยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน สามารถใช้ได้อย่างน้อย 3 ถึง 5 ปี แค่คิดก็เกินคุ้มแล้ว นอกจากนี้ เทคโนโลยีที่ทันสมัยยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกเช่นค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าแก๊ส ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารท่านใดสนใจ ระบบจัดการร้านอาหาร Wongnai POS สามารถลงทะเบียนและรับคำปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์กับ Wongnai ฟรี! คลิกที่นี่ได้เลย
ติดตามบทความเกี่ยวกับธุรกิจร้านอาหารเพิ่มเติม
- เจาะปัญหาลูกน้องร้านอาหารลาออกเป็นว่าเล่น ฝึกอบรมช่วยได้จริง?
- เปิดคัมภีร์ SOP ร้านอาหาร แนวทางสำคัญที่ร้านอาหารควรรู้!
- รู้ให้ทัน ใช้ให้เป็น ระบบเดลิเวอรี่เพื่อร้านอาหารยกระดับร้านสู่ยุค 4.0
- เปิดแผนคำนวณต้นทุนร้านอาหาร เรื่องน่ารู้สู่ผลกำไร
- 7 เคล็ดลับสำคัญ จัดการสต๊อกร้านอาหารอย่างไรให้ลดต้นทุนได้จริง
เรื่องโดย ดร. อัครพันธ์ รัตสุข ที่ปรึกษา ผู้บริหารร้านอาหาร และอาจารย์ประจำคณะการจัดการธุรกิจอาหาร สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์