หลังจากสร้างหน้าร้านบน Wongnai Merchant App (WMA) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเปิดร้านบน LINE MAN MART อย่างเต็มรูปแบบนั้น เจ้าของร้านทุกคนต้องไม่ลืมเช็คข้อมูลสำคัญที่ร้านต้องมีให้ครบ และตั้งค่าร้านให้พร้อมรับออเดอร์เดลิเวอรีจากลูกค้า เพื่อให้ทำงานได้อย่างสะดวกสบาย รวดเร็ว ทันใจ และไม่มีสะดุด
ทำครบทุกข้อตามนี้ รอรับทุกออเดอร์จากลูกค้าได้แบบไม่มีพลาด!
1ตั้งค่าเวลาเปิด-ปิดร้าน

การตั้งค่าเวลาเปิด-ปิดร้านบน Wongnai Merchant App (WMA) จะแบ่งการแสดงข้อมูลออกเป็นเวลาสำหรับหน้าร้าน เวลาสำหรับเดลิเวอรี และการกำหนดวันหยุดชั่วคราวของร้าน ข้อมูลจะถูกแสดงที่หน้าโปรไฟล์ร้านบน LINE MAN MART เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับลูกค้าในการกดสั่งเดลิเวอรี
วิธีตั้งเวลาเปิด-ปิดร้าน
- เข้าไปที่หน้าแรก (Home) ของ Wongnai Merchant App (WMA)
- เลือก “เวลาเปิด-ปิด (Working hours)”
ระบบจะแสดงข้อมูล 3 ช่วงเวลา
- เวลาเปิด-ปิด (หน้าร้าน)
- เวลาเปิด-ปิด (เดลิเวอรี)
- ตั้งค่าวันหยุด เพื่อกำหนดวันหยุดร้านชั่วคราว
3. เลือกปุ่มแก้ไข ที่อยู่มุมขวาบน จากนั้นตั้งวัน เวลาเปิด และเวลาปิด แล้วกดบันทึก (Save)
2ใส่เบอร์ Auto call และเบอร์โทรของร้าน

หากมีออเดอร์ใหม่ที่ร้านค้ายังไม่ได้กดรับ ระบบจะทำการโทรแจ้งไปยังเบอร์ Auto call ที่ร้านค้าตั้งไว้ ภายใน 1 นาที เพื่อเตือนให้กดรับออเดอร์
วิธีใส่เบอร์ Auto call และเบอร์โทรของร้าน
- เข้าไปที่หน้าแรก (Home) ของ Wongnai Merchant App (WMA)
- เลือก “ตั้งค่า (Settings)”
- เลือก “Autocall number” จากนั้นใส่เบอร์ติดต่อของร้าน โดยสามารถใส่ได้สูงสุดถึง 3 เบอร์ แล้วกดบันทึก (Save)
3ปักหมุดที่อยู่ของร้าน

เป็นข้อมูลที่แสดงตำแหน่งที่ตั้งของร้าน เพื่อเป็นข้อมูลให้กับลูกค้า และทำให้คนขับของ LINE MAN หาตำแหน่งของร้านค้าเจอ สามารถขับไปรับสินค้าที่ร้าน แล้วนำไปส่งถึงมือให้ลูกค้าได้อย่างราบรื่น รวดเร็ว และประหยัดเวลามากที่สุด
วิธีการแก้ไขที่อยู่ร้าน
- เข้าไปที่หน้าแรก (Home) ของ Wongnai Merchant App (WMA)
- เลือก “ข้อมูลร้าน (Edit details)”
- เลือก “ที่อยู่ ช่องทางติดต่อ (Address and Contact)”
- เลือกปุ่มแก้ไข ที่อยู่มุมขวาบน จากนั้นใส่ที่อยู่ของร้าน และกดที่รูปแผนที่เพื่อปักหมุดที่ตั้งร้าน แล้วกดบันทึก (Save)
4ตรวจสอบการตั้งค่าเสียงแจ้งเตือน

สิ่งสำคัญที่เจ้าของร้านต้องเช็คก่อนทำการเปิดร้าน เพื่อจะได้ไม่พลาดทุกออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งเข้ามา โดยเช็คตั้งค่าการแจ้งเตือนในโทรศัพท์ของตนว่าได้เปิดใช้งานอยู่หรือไม่ หากเลือกเปิดใช้งานอยู่ แอปฯ จะเตือนทุกครั้งที่มีออเดอร์ใหม่ และออเดอร์ที่ถูกยกเลิก
จากนั้นเจ้าของร้านสามารถตั้งค่ารูปแบบเสียงแจ้งเตือนในแอปฯ ให้ดังยาวจนกว่าร้านจะกดรับออเดอร์ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีออเดอร์ใดตกหล่น
วิธีตั้งค่าเสียงแจ้งเตือนในโทรศัพท์
- เข้าไปที่ตั้งค่า (Settings) ในโทรศัพท์
- กดอนุญาตให้มีการแจ้งเตือนจาก Wongnai Merchant App (WMA)
วิธีตั้งค่ารูปแบบเสียงแจ้งเตือนใน Wongnai Merchant App (WMA)
- เข้าไปที่หน้าแรก (Home) ของ Wongnai Merchant App (WMA)
- เลือก “ตั้งค่า (Settings)”
- เลือก “เสียงแจ้งเตือน (Notification Sound)” จากนั้นเลือก "เสียงเตือนดังจนกว่าจะกดรับออเดอร์ (Play the sound until order accepted)"
5สร้างประเภทสินค้า เช่น ของสด ของใช้

การแบ่งแยกประเภทสินค้าทำให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าได้ง่ายมากขึ้นหลายเท่าตัว โดยเฉพาะร้านค้าที่มีสินค้าขายหลากหลายรูปแบบควรแบ่งประเภทให้ละเอียด เพื่อไม่ให้ลูกค้าสับสนกับเมนูสินค้าที่ปะปนกัน และต้องใช้เวลาในการเลื่อนหาสินค้าที่ต้องการนานเกินไป นอกจากนี้ จากสถิติแล้ว ร้านค้าที่มีประเภทสินค้ามากกว่า 5 ประเภทขึ้นไป มีโอกาสสร้างยอดขายได้สูงกว่าปกติถึง 35%
วิธีสร้างประเภทสินค้า
- เข้าไปที่หน้าแรก (Home) ของ Wongnai Merchant App (WMA)
- เลือก “เมนู (Menu/Item)”
- เลือก “เพิ่มประเภท (Edit group)” จากนั้นเพิ่มประเภทสินค้าที่ทางร้านขาย เช่น เครื่องปรุง อาหารสำเร็จรูป อาหารแช่แข็ง
6เพิ่มชื่อสินค้า ราคา และรูปภาพ

การใส่รายละเอียดของสินค้าทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ป้องกันการสั่งออเดอร์ที่ผิดพลาดหรือตกหล่น ร้านค้าควรระบุชื่อสินค้าให้ชัดเจน เช่น ยี่ห้อ ชื่อรุ่น หรือรสชาติ เป็นต้น ใส่ราคา พร้อมบอกปริมาณและหน่วยสินค้ากำกับ เพื่อความชัดเจน
วิธีเพิ่มชื่อสินค้า
- เข้าไปที่หน้าแรก (Home) ของ Wongnai Merchant App (WMA)
- เลือก “เมนู (Menu/Item)”
- เลือก “เพิ่มเมนู (Add menu)” จากนั้นใส่ชื่อสินค้า ราคา รูปภาพ และเลือกประเภทของสินค้านั้น อย่าลืมระบุปริมาณและหน่วยสินค้าให้ชัดเจน เช่น หมูบด 1 กิโลกรัม หรือน้ำผึ้ง 500 กรัม ซึ่งสำหรับสินค้าบางประเภทร้านค้าสามารถกะคร่าว ๆ จากกำมือหรือน้ำหนักโดยประมาณ