จะเปิดร้านกาแฟทั้งที ปัจจัยหนึ่งที่ทุกคนนึกถึงคงหนีไม่พ้นเรื่อง ทำเลที่ตั้ง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลต่ออนาคตของธุรกิจเลยทีเดียว แน่นอนว่าถึงแม้เราจะมั่นใจในคุณภาพของกาแฟแค่ไหน หรือเตรียมดีไซน์ออกแบบตกแต่งร้านสวยๆ ไว้แล้ว แต่หากทำเลเหล่านี้เข้าถึงยากและไม่ตอบโจทย์ลูกค้าในบริเวณนั้น ก็เปรียบเสมือนลงทุนไปโดยสูญเปล่า
เมื่อเริ่มวางแผนเปิดร้านกาแฟ การเลือกทำเลที่ตั้งจึงเป็นหัวใจสำคัญที่ต้องสำรวจและคัดสรรมาเป็นอย่างดีแล้ว วันนี้ Wongnai for Business มีเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ มาเป็นแนวทางสำหรับคนที่กำลังอยากเปิดร้านกาแฟ ไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีแนวทางอะไรบ้างที่จะช่วยให้คุณเลือกทำเลได้ถูกจุดจนลูกค้าแน่นร้าน ขายดีแบบฉุดไม่อยู่!
1. สำรวจลูกค้าในแต่ละทำเล
ใครคือลูกค้าและลูกค้าของเราอยู่ในทำเลนี้จริงๆ หรือเปล่า นี่คือคำถามที่เราควรตอบให้ได้เมื่อเลือกทำเลที่ตั้งสำหรับการเปิดร้านกาแฟ ก่อนอื่นเราต้องแน่นอนและชัดเจนในตัวตนของร้านว่าเราอยากจะเปิดร้านกาแฟแบบไหน กลุ่มเป้าหมายที่เรามองหาเป็นคนลักษณะแบบไหน อยู่ในวัยอะไร
เช่น นักเรียนและนักศึกษา หรือกลุ่มพนักงานออฟฟิศ กลุ่มลูกค้าของเราควรมีรายได้อยู่ในเกณฑ์เท่าไรจึงสอดคล้องไปกับราคาเครื่องดื่มของทางร้าน พวกเขามีพฤติกรรมการบริโภคอย่างไร ในย่านออฟฟิศ ลูกค้าอาจจะเน้นซื้อเครื่องดื่มแบบ Grab and Go เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ดื่มได้ระหว่างไปทำงาน หรือในบางทำเลเป็นแหล่งใกล้มหาวิทยาลัย ร้านกาแฟในบริเวณนี้อาจมีพื้นที่ให้นั่งอ่านหนังสือได้
การทำความเข้าใจลูกค้าที่เรามองหาและลูกค้าที่มีอยู่ในทำเลนั้นๆ จะทำให้เราเห็นภาพชัดขึ้นว่า ทำเลที่เราดูอยู่ตอนนี้ จะเป็นทำเลที่ใช่สำหรับร้านของเราจริงๆ หรือไม่ หรือเราสามารถปรับแต่งร้านของเราให้เข้ากับลูกค้าในทำเลนั้นโดยที่ไม่สูญเสียตัวตนของร้านหรือเปล่า
2. รู้จักร้านค้าและคู่แข่งในพื้นที่นั้น
เมื่อรู้จักลูกค้าของเราแล้วก็อย่าเผลอชะล่าใจ มองข้ามคู่แข่งของเราด้วยเช่นกัน ในทำเลเดียวกันนั้นใช่ว่าจะมีเพียงร้านของเราเสมอไป คุณอาจเจอร้านกาแฟอยู่แทบทุกหัวมุมในบริเวณนั้น และหากอยากลงทุนในพื้นที่นั้นจริงๆ ก็ต้องเตรียมรับมือกับการแข่งขันที่สูงขึ้นหลังจากนั้น พร้อมสร้างจุดเด่นของร้านให้แตกต่างจากคู่แข่งอีกด้วย ก่อนเปิดร้านกาแฟในทำเลใดๆ จึงควรรู้จักคู่แข่งว่าพวกเขาโดดเด่นในเรื่องอะไร มีชื่อเสียงและมีลูกค้าเยอะน้อยแค่ไหน
แต่ทั้งนี้นอกจากคู่แข่งแล้ว เจ้าของร้านยังควรทำความรู้จักกับร้านประเภทอื่นๆ ในทำเลเดียวกันด้วยเช่นกัน เพราะในอนาคตเราอาจมีโอกาสได้ร่วมงานกับร้านเหล่านี้ เช่น ในทำเลนั้นมีโรงเรียนสอนพิเศษอยู่ คุณอาจสามารถทำโปรโมชั่นพิเศษสำหรับนักเรียนร่วมกับทางโรงเรียนสอนพิเศษนั้นได้ เป็นต้น
3. เลือกทำเลที่เข้าถึงได้สะดวก
ทำเลที่ตั้งของร้านควรเข้าถึงได้ง่าย ไม่ควรอยู่ในตรอกซอกซอยที่เข้าไปได้ลำบากจนเกินไป หากมองย้อนกลับไปที่กลุ่มลูกค้าของเรา พวกเขาจะเดินทางมาที่ร้านอย่างไร จะนั่งรถไฟฟ้าหรือขับรถมาหรือเปล่า ร้านจึงควรอยู่ใกล้แหล่งขนส่งสาธารณะหรืออยู่ในทำเลที่เดินทางมาได้สะดวก หากสามารถอยู่ติดถนนหรืออยู่ในจุดที่สามารถมองเห็นได้ชัดก็จะเป็นประโยชน์ต่อทางร้านมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้อย่าลืมคำนึงถึงเรื่องที่จอดรถด้วยเช่นกัน กลุ่มลูกค้าของทางร้านอาจเป็นกลุ่มที่มักจะขับรถยนต์เป็นหลัก ดังนั้นทางร้านจึงควรจัดเตรียมที่จอดรถไว้ให้พร้อมเพื่อรองรับลูกค้าอยู่เสมอ
4. คำนึงถึงรูปแบบและขนาดของร้าน
บางทำเลอาจเป็นบริเวณที่มีร้านค้าทำธุรกิจอยู่แน่นหนาและมีพื้นที่ไม่มากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเช่าแล้วอาจไม่คุ้มค่ากัน เจ้าของร้านควรคำนึงถึงรูปแบบการตกแต่งของร้านที่เราวางไว้ จะใช้พื้นที่ประมาณเท่าไร อยากให้บรรยากาศในบริเวณนั้นเป็นอย่างไร ต้องการความร่มรื่นและเงียบสงบหรือไม่ ทำเลที่เลือกไว้อาจไม่ตอบโจทย์หากอยู่ในย่านที่พลุกพล่านจนเกินไป
ในทางกลับกัน หากเราต้องการเปิดร้านกาแฟแบบรถเข็นหรือร้านขนาดเล็ก คุณก็สามารถเลือกทำเลที่มีพื้นที่จำกัดได้เช่นกัน
5. เช็คข้อตกลงและสัญญาเช่า
หนึ่งในค่าใช้จ่ายหลักๆ ของการลงทุนเปิดร้านกาแฟคือ ค่าเช่าสถานที่ หากไม่ได้มีพื้นที่เป็นของตัวเอง หลายๆ คนเลือกที่จะเช่าสถานที่จำพวกอาคารห้องแถวต่างๆ ซึ่งหลายๆ ทำเลหากเป็นทำเลทองมักจะมีค่าเช่าพื้นที่สูงเป็นทุนเดิม และค่าใช้จ่ายเหล่านี้คือต้นทุนที่จะถูกบวกเพิ่มไปกับค่าเครื่องดื่มด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ อย่าเผลอชะล่าใจไปกับสัญญาเช่า เพราะการมองข้ามข้อมูลเหล่านี้อาจนำมาซึ่งปัญหาในภายหลังได้ เมื่อมองหาทำเลที่ตั้งแล้วควรตรวจสอบและถามข้อตกลงต่างๆ ให้เรียบร้อย ทำความเข้าใจระหว่างร้านและผู้ให้เช่าพื้นที่ให้ตรงกัน สัญญาบางจุดอาจเป็นข้อผูกมัดในภายหลังได้ หรือบางครั้งในสัญญาอาจระบุข้อกำหนดและข้อห้ามต่างๆ ซึ่งหากเราละเลยจุดนี้ไปอาจเกิดปัญหาและต้องชดใช้ค่าเสียหายต่อสถานที่และอาคารได้
เรายังคงมีข้อมูลข่าวสารดีๆ สำหรับการทำธุรกิจร้านอาหารมาฝากทุกคน ติดตามได้เลยที่ Facebook: Wongnai for Business หรือ LINE OA คลิกเลย!
หากผู้ประกอบการร้านอาหารท่านใด สนใจอยากจะมีตัวช่วยดี ๆ อย่างระบบจัดการร้านอาหาร Wongnai POS เทคโนโลยีที่ช่วยให้ร้านของคุณทำงานได้สะดวก สามารถใช้งานได้ในร้านหลากหลายรูปแบบ ให้คุณลงทุนไม่ต้องเยอะ ก็สามารถมีระบบการจัดการร้านที่ครอบคลุมในทุกๆ ด้าน รวมถึงมีระบบ CRM ให้คุณสามารถสร้างบัตรสะสมแต้มออนไลน์อย่าง Wongnai Reward Card ได้เอง! สนใจสมัครและศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Wongnai POS คลิกที่นี่ ได้เลย!
Tip! เพิ่มเติมสำหรับเจ้าของร้านกาแฟทุกท่านที่สนใจบทความดีๆ เพื่อช่วยให้การวางแผนเปิดร้านกาแฟและจัดการร้านของคุณให้เป็นไปอย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น