อาหารญี่ปุ่นในบ้านเราถือว่าฮอตฮิตสุดๆ และสิ่งที่เราจะขาดมันไม่ได้เลยเวลากินก็คือ ตะเกียบ! แน่นอนว่าคนไทยส่วนใหญ่ใช้ตะเกียบในการทานอาหารอยู่แล้ว วันนี้เราเลยเอาเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ เรื่อง “วิธีการใช้ตะเกียบของคนญี่ปุ่น” ที่เพื่อนๆอาจจะเพิ่งเคยได้ยินมาฝากกัน ไปดูกันเลย!
วิธีการจับตะเกียบที่ถูกต้อง
คือเราจับ 1 ใน 3 ของตะเกียบ แล้วส่วนที่เหลือเป็นส่วนที่ใช้คีบอาหาร
เพื่อนๆจับตะเกียบด้วยมือข้างที่ตัวเองถนัด แล้วจับคล้ายๆ กับจับดินสอแต่ต่ำลงกว่านิดหน่อย
จับตะเกียบทั้งสองข้างเข้าหากันเป็นรูปตัว V จากนั้นลองตอกปลายตะเกียบกับโต๊ะเบาๆเพื่อจัดปลายตะเกียบให้เท่ากัน ตะเกียบที่ปลายไม่เท่ากันจะคีบอาหารยาก แล้ว คีบอาหารอาหารได้เลย!
ข้อห้ามและมารยาทในการใช้ตะเกียบ
ต่อไปจะเป็นข้อห้ามและมารยาทการในใช้ตะเกียบกันนะคะ รับรองว่าถ้าทำได้แม้แต่คนญี่ปุ่นต้องเอ่ยปากชมแน่ๆ!
การปักตะเกียบลงบนกลางชามอาหาร เป็นสิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดเพราะคล้ายกับการปักธูปหนึ่งดอกไหว้ผี ซึ่งคนญี่ปุ่นจะทำแบบนี้ต่อเมื่อมีพิธีไหว้บรรพบุรุษ อีกแง่นึงก็เป็นการแช่งบรรพบุรุษด้วย อย่าทำกันน้า~
เพราะการทำแบบนี้จะทำเฉพาะในงานศพในเวลาเก็บกระดูกเพื่อรับอัฐิคนตายเท่านั้น เราจึงควรยื่นชามข้าวให้แทน
การใช้ตะเกียบจิ้มลงไปในอาหาร แม้ว่าจะไม่ถนัดใช้ตะเกียบแค่ไหนก็ไม่ควรทำเป็นอันขาดนะจ๊ะ!
ถ้าทานอาหารเสร็จแล้วก็ควรเอาตะเกียบวางไว้ที่ วางตะเกียบหรือด้านข้างแทน ข้อนี้ควรจะระวังเป็นพิเศษเพราะธรรมเนียมของบ้านเราถือเป็นเรื่องปกติจริงๆ แต่สำหรับญี่ปุ่นนี่ไม่ได้เลย!
อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับประเทศที่ไม่ใช้ตะเกียบ แต่สำหรับคนญี่ปุ่นแล้วนั้นการใช้ตะเกียบเขี่ยจานอาหารมาใกล้ตัว ถือเป็นเรื่องที่เสียมารยาทมาก
การใช้ปากและลิ้นดูดเลียตะเกียบ ถึงการทานอาหารจนหมดไม่เหลือทิ้งจะเป็นสิ่งที่คนญี่ปุ่นปลื้ม แต่การทานจนถึงขั้นเลียตะเกียบนั้นจะทำให้ดูไม่ดีนะจ๊ะ!
เพราะว่าเป็นการกระทำที่ไม่สุภาพต่ออาหาร อีกทั้งยังเหมือนกับขอทานที่เคาะชามข้าวร้องขออาหาร
สุดท้ายด้วยความน่ารักกุ๊กกิ๊กของคนญี่ปุ่น เค้ามี วันตะเกียบ (Hashi no hi) ซึ่งคือวันที่ 4 เดือน 8 เป็นคำพ้องเสียงของคำว่า Hashi ที่คล้ายกับ Hachi ซึ่งแปลว่า เลข 8 ส่วน Shi แปลว่าเลข 4 นั้นเอง โดยเริ่มก่อตั้งในปี 1975 และในวันนี้เค้าจะมีงานเทศกาล Hashikanshasai (箸感謝祭) ซึ่งเป็นการขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิด้วยตะเกียบที่ ศาลเจ้าฮิเอะ ( Hie Jinja ) ที่วัดอะคาซาคะ (Akasaka) ที่ กรุงโตเกียวทุกปี
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
https://www.dek-d.com/board/view/2001121/
http://anngle.org/th/j-culture/culture/donot-hashi.html
https://sites.google.com/site/mondayy17/wathnthrrm/kar-chi-takeiyb
