แจกสูตร Sourdough ขนมปังยอดฮิต หอม นุ่ม แถมดีต่อสุขภาพ!
  1. แจกสูตร Sourdough ขนมปังยอดฮิต หอม นุ่ม แถมดีต่อสุขภาพ!

แจกสูตร Sourdough ขนมปังยอดฮิต หอม นุ่ม แถมดีต่อสุขภาพ!

หมดยุคกินขนมปังธรรมดา! เพราะวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักพร้อมแจกสูตร Sourdough ขนมปังสำหรับคนรักสุขภาพ ถ้าพร้อมแล้วตามไปดูกันเลยยย~
writerProfile
9 ก.ค. 2021 · โดย

Sourdough Bread หรือขนมปังซาวโดวจ์ เป็นขนมปังที่ผ่านกระบวนการหมักด้วยยีสต์ธรรมชาติ มีรสชาติเปรี้ยวเล็กน้อยและมีเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ แถมยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุและสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย วันนี้เราจึงรวบรวมข้อมูล ประวัติ วิธีทำ และเมนูแนะนำจากขนมปังชนิดนี้มาฝากกัน รับรองว่าอิ่มอร่อยพร้อมมีสุขภาพที่ดีแน่นอนจ้า

1. Sourdough กับประวัติศาสตร์อันยาวนาน

ประวัจิขนมปังซาวโดวจ์

“Sourdough” หรือ “ขนมปังซาวโดวจ์” ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณประมาณ 1,500 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยเป็นสูตรที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญหลังจากการทิ้งส่วนผสมอย่างแป้ง น้ำ และนมทิ้งไว้ในพื้นที่โล่งอุณหภูมิปกติ จึงเกิดปฏิกิริยาย่อยน้ำตาลและโปรตีนของนมกลายเป็นกรดแล็กติก ซึ่งส่งผลให้มีรสชาติเปรี้ยว และด้วยกระบวนการธรรมชาติส่งผลให้เกิดความนุ่มฟู

Sourdough Starter

ในระยะเวลาต่อมาชาวอียิปต์ก็ได้พัฒนาสูตรขนมปังที่หมักจากยีสต์ที่แตกต่างกันออกไป ทำให้รสชาติขนมปังซาวโดวจ์แตกต่างกันไปตามประเภทของยีสต์ นอกจากนี้ยังมีการค้นพบ “Mother Dough” หรือ “Sourdough Starter” หัวเชื้อที่เกิดจากการหมักของยีสต์ธรรมชาติเช่นเดียวกับสูตรโบราณ ค้นพบ “Levain” ชื่อเรียกของ Starter ที่แบ่งออกมาสำหรับเตรียมทำขนมปัง และค้นพบส่วนที่เรียกว่า “Sourdough Discard” ซึ่งเป็นส่วนที่เหลือจาก Sourdough Starter ในแต่ละวัน สามารถเก็บรวบรวมใส่ไว้ในตู้เย็นและนำไปทำเมนูอื่น ๆ ได้ เนื่องจากยังคงมียีสต์และมีสารอาหารอยู่ เรียกได้ว่าสามารถนำไปทำประโยชน์ได้ครบถ้วนทุกส่วนเลย!

2. ทำไม Sourdough ถึงดีต่อสุขภาพ?

เนื่องจากขนมปังซาวโดจว์ เกิดจากกระบวนการหมักตามธรรมชาติ ต่างจากขนมปังอื่น ๆ ที่มีส่วนผสม เพราะจุลินทรีย์ในซาวโดวจ์สามารถผลิตสารพรีไบโอติกส์ (Prebiotics) ที่เป็นอาหารให้กับจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร ทำให้ประโยชน์ของ Sourdough มีหลายข้อ เช่น ทำให้ระบบการย่อยอาหารและการขับถ่ายดี อีกทั้งในซาวโดวจ์ยังมีกรดแลคติกและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายจำนวนมาก เช่น ธาตุเหล็ก, แคลเซียม, แมกนีเซียม ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมแร่ธาตุต่าง ๆ และไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว 

3. วิธีทำ Sourdough Starter 

ส่วนผสมสำหรับทำ Sourdough Starter

ส่วนผสมสำหรับทำ Sourdough Starter

  1. โหลแก้ว 1 โหล
  2. น้ำสะอาด 120 กรัม
  3. แป้งโฮลวีท ประมาณ 120 กรัม
  4. ตาชั่ง

วิธีทำ Sourdough Starter

วิธีทำ Sourdough Starter

Day 1

  1. ผสมแป้งกับน้ำในอัตราส่วน 1:1 แป้ง 20 กรัม และน้ำ 20 กรัม
  2. เมื่อคนเข้ากันแล้ว เทใส่โหลที่เตรียมไว้ ปิดฝาหลวม ๆ ใช้ปากกาขีดวัดระดับ ตั้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง
วิธีทำ Sourdough Starter

Day 2

  1. นำ Starter ที่ได้ในวันแรกผสมกับน้ำและแป้ง ในอัตราส่วน 1:1:1 Starter 20 กรัม (ส่วนที่เหลือ (Sourdough Discard) สามารถเก็บไว้ทำเมนูอื่นได้) น้ำ 20 กรัม และแป้ง 20 กรัม
  2. เมื่อคนเข้ากันแล้ว เทใส่โหลที่เตรียมไว้ ปิดฝาหลวม ๆ ตั้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง (ไม่ควรเกิน 30 องศา)
วิธีทำ Sourdough Starter

Day 3, 4, 5 และ 6

  1. ทำเช่นเดียวกับวันที่ 2 สังเกตดูว่าถ้าผิวหน้าของ Starter นูน รูปทรงคล้ายโดม หมายความว่า
  2. Starter กำลังโตและยังโตขึ้นได้อีก แต่ถ้าผิวหน้ายุบตัวเรียบเป็นระนาบเดียวกัน หมายความว่า Starter โตเต็มที่ สามารถนำไปทำ Float Test ได้

วิธีการให้อาหาร Starter

Tips การให้อาหาร Starter
  1. หลักการง่าย ๆ ในการให้อาหารคือ เมื่อเห็นว่า Starter มีฟองและโตขึ้น หมายความว่า อาหารที่ให้ไปนั้นถูกนำไปย่อยสลายแล้ว สามารถให้อาหารต่อไปได้ แต่ถ้า Starter ไม่มีการโตขึ้น หมายความว่า อาหารยังไม่ถูกย่อยสลาย ยังไม่ต้องให้อาหาร รอต่อไป
  2. ปกติแล้วจะให้อาหารเมื่อครบ 24 ชั่วโมง เช่น วันที่ 1 เริ่มทำตอน 7.00 น. จะกลับมาให้อาหารอีกครั้งในวันที่ 2 ตอน 7.00 น.
  3. แต่ในบางกรณีที่ Starter ไม่มีการโตขึ้นเลย ให้ทิ้งไว้ 12 ชั่วโมง แล้วกลับมาดูอีกครั้ง เช่น วันที่ 2 ตอน 7.00 น. ครบ 24 ชั่วโมงที่ต้องให้อาหาร แต่ Starter ไม่มีฟองและไม่มีคราบที่โตขึ้นเลย ให้ทิ้งไว้และกลับมาดูอีกครั้งตอน 19.00 น.
  4. หากครบ 12 ชั่วโมงแล้ว Starter โตขึ้น สามารถให้อาหารต่อได้เลย แต่หากยังไม่โตขึ้นอีก ให้ทิ้งไว้ และรอต่อไป
  5. สำหรับการเลี้ยง Starter แต่ละครั้ง ของแต่ละคนน้ัน อาจจะแตกต่างกันออกไป บางครั้ง Starter อาจจะโตขึ้นเรื่อย ๆ ต้องให้อาหารทุกวัน หรือบางครั้งอาจจะไม่โตเลย ทำให้ต้องหยุดให้อาหาร ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ดังนั้น อาจจะยึดหลักการง่าย ๆ คือ ให้อาหารทุกครั้งที่ Starter ต้องการ

วิธีการ Float Test

วิธีการทำ Float Test
  1. ตักผิวหน้าของ Starter ที่โตเต็มที่แล้วใส่ลงไปในน้ำ
  2. หาก Starter ลอย สามารถนำไปใช้ได้ในทันที
  3. แต่ถ้าหากยังไม่ลอย ให้อาหารอีกรอบ แล้วรอให้ Starter โตขึ้นภายใน 4-7 ชั่วโมง จากนั้นทำการ Float Test อีกครั้ง

ขอขอบคุณสูตรจาก Learn With Me

4. 4 สูตรเด็ด เมนูแนะนำจาก Sourdough 

1. Sourdough Bread

Sourdough Bread

ส่วนผสม

  1. แป้งขนมปัง 175 กรัม
  2. แป้งโฮลวีทแบบละเอียด 50 กรัม
  3. Sourdough Starter (ยีสต์ธรรมชาติ) 50 กรัม
  4. น้ำสะอาด 170 กรัม
  5. เกลือ 5 กรัม
  6. โรสแมรี ตามชอบ

วิธีทำ Sourdough Bread

Day 1

  1. ให้อาหาร Starter ในอัตราส่วน 1:5:5 Starter 5 กรัม น้ำและแป้งอย่างละ 25 กรัม
  2. เมื่อคนเข้ากันดีแล้ว ให้นำใส่ขวดโหล ปิดฝา ใช้ปากกาขีดวัดระดับไว้ และตั้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง
  3. เท Starter ที่โตเต็มที่ 50 กรัมลงในถ้วย ผสมน้ำเปล่า 170 กรัม คนจนเข้ากัน เติมแป้ง 175 กรัม
  4. คนทั้งหมดจนเข้ากัน จากนั้นคลุมด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 45 นาที
  5. ครบ 45 นาทีแล้วให้เติมเกลือลงไป นวดแป้งให้เข้ากันโดยการยกขอบแป้งด้านหนึ่งขึ้นและพับทบไปฝั่งตรงข้าม 4 ครั้ง ครบรอบวงกลมเรียกว่า 1 เซต เมื่อส่วนผสมเข้ากันดี ให้คลุมด้วยผ้าหมาด 30 นาที
  6. ใส่โรสแมรีลงไป นวดแป้งทั้งหมด 4 เซต เมื่อนวดเสร็จในแต่ละเซตให้คลุมด้วยผ้าหมาด พักไว้ 30 นาที แต่ในเซตที่ 4 ให้พักแป้งไว้ 2 ชั่วโมง
  7. ครบ 2 ชั่วโมง ให้ใช้เทคนิค Coil Fold สอดมือเข้าไปด้านล่างของแป้ง ยกแป้งขึ้นมาและปล่อยให้แป้งพับทบด้วยตัวเอง ทำทั้งหมด 4 ด้าน

Tips : ภายใน 7 ชั่วโมง Starter จะโตเต็มที่

วิธีการขึ้นรูปขนมปัง

  1. ใช้ที่ตัดโดช่วยขึ้นรูปขนมปัง ทำจนผิวของแป้งเริ่มตึง จากนั้นนำชามครอบไว้ พักแป้งทิ้งไว้ 30 นาที
  2. เตรียมชามสำหรับใส่แป้ง โดยโรยแป้งข้าวเจ้าใส่ไว้รอบชาม
  3. โรยแป้งข้าวเจ้าด้านบน กลับด้านแป้ง ยืดแป้งเป็นรูปสี่เหลี่ยม พับแป้งด้านล่าง ซ้าย ขวา และบนเข้าหากันตามลำดับ
  4. ใช้ที่ตัดโดช่วยขึ้นรูปขนมปัง ทำจนผิวของแป้งเริ่มตึง ระวังอย่าให้ขาด เมื่อผิวเริ่มตึงให้โรยด้วยแป้งข้าวเจ้าให้ทั่ว กลับด้าน ค่อย ๆ วางลงในชาม โรยแป้งรอบ ๆ อีกเล็กน้อย จากนั้นห่อด้วยพลาสติกฟิล์ม เก็บไว้ในตู้เย็น 12-18 ชั่วโมง

Day 2

  1. อบหม้อเหล็กหล่อ 250 องศา 30 นาที
  2. นำขนมปังที่เตรียมไว้มาโรยแป้งข้าวเจ้า ใช้นิ้วกด หากแป้งคืนเร็วและมีรอยนิ้วบาง ๆ สามารถนำแป้งออกจากชาม กรีดผิวขนมปังเป็นรูปครึ่งวงกลม
  3. ใส่ขนมปังลงในหม้อ ฉีดน้ำเบา ๆ ปิดฝา นำเข้าเตาอบ
  4. อบครั้งแรกที่อุณหภูมิ 250 องศาในเวลา 23-25 นาที
  5. นำขนมปังออกจากหม้อ อบครั้งที่สองที่อุณหภูมิ 230 องศาในเวลา 15-20 นาที
  6. ทิ้งไว้ให้เย็น 1-2 ชั่วโมง ก็จะสามารถตัดรับประทานได้

ขอขอบคุณสูตรจาก Learn With Me

2. French Toast with Cream Cheese Filling

เมนูแนะนำจากขนมปังซาวโดวจ์

ส่วนผสม

  1. ขนมปัง sourdough 1 ชิ้น
  2. ไข่ไก่ 3 ฟอง
  3. นมสด 200 มิลลิลิตร
  4. ครีมชีส (แบบ Light) 250 กรัม
  5. เมเปิลซีรัป 2 ช้อนโต๊ะ
  6. สตรอว์เบอร์รีหั่นเต๋า 4 ลูก
  7. เนยสดจืด 30 กรัม
  8. เมเปิลซีรัป (สำหรับราด) ตามชอบ
  9. สตรอว์เบอร์รี (สำหรับกินคู่) ตามชอบ
  10. น้ำตาลไอซิง (สำหรับโรย) ตามชอบ

วิธีทำ French Toast with Cream Cheese Filling

  1. หั่นขนมปังเป็นชิ้นหนาประมาณ 3 นิ้ว จากนั้นหั่นครึ่งอีกที โดยไม่ให้ขนมปังขาดจากกัน
  2. ทำไส้ครีมชีสโดยการใส่ครีมชีสลงไปในชามตามด้วยเมเปิลซีรัป และสตรอว์เบอร์รีหั่นเต๋า ใช้พายยางคนส่วนผสมให้เข้ากัน
  3. ตักไส้ครีมชีสใส่ในขนมปังที่หั่นไว้
  4. ตอกไข่ใส่ชามผสม เทนมสดตามลงไป ใช้ตะกร้อมือตีให้เข้ากัน จากนั้นเทใส่ถาดเตรียมไว้
  5. นำขนมปังจุ่มลงในไข่ทั้งสองด้านให้ทั่ว โดยจุ่มประมาณด้านละ 10 วินาที เพื่อให้ไข่ซึมเข้าไปด้านใน
  6. ตั้งกระทะเทฟลอน ไฟอ่อน ใส่เนยลงไป รอจนเนยละลายและร้อน นำขนมปังลงไปทอดด้านหนึ่งก่อน คอยพลิกดูว่าสีเป็นสีน้ำตาลอ่อน ๆ จากนั้นพลิกอีกด้านแล้วทอดให้ได้ที่
  7. จัดจาน ตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รี และราดด้วยเมเปิลซีรัปตามชอบ พร้อมเสิร์ฟ

ขอขอบคุณสูตรจาก Bellissimo 

3. ขนมปังซาวโดวจ์ อะโวคาโด และแซลมอนรมควัน

เมนูแนะนำจากขนมปังซาวโดวจ์

ส่วนผสม

  1. ขนมปังซาวโดวจ์ 2 แผ่น
  2. แซลมอนรมควัน 80 กรัม
  3. อะโวคาโด 1 ลูก
  4. เลมอนหรือมะนาว ½ ลูก
  5. เคเปอร์

วิธีทำขนมปังซาวโดวจ์ อะโวคาโด และแซลมอนรมควัน

  1. ปิ้งขนมปัง โดยใช้เครื่องปิ้งหรืออบโดยใช้ฝาอบ จนกรอบ
  2. ผ่าครึ่งอะโวคาโด จากนั้นเอาไส้ออกและตักเนื้อใส่ถ้วย ใช้ส้อมบดให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ โรยพริกไทย มะนาวหรือเลมอน คนให้เข้ากัน
  3. ตักอะโวคาโดที่ปรุงรสแล้วลงบนขนมปัง
  4. จัดวางแซลมอนรมควันลงด้านบน โรยเคเปอร์ไว้ด้านบนอีกที

ขอขอบคุณสูตรจาก Pingping

4. แพนเค้กนุ่ม ๆ จาก Sourdough Discard

เมนูแนะนำจาก Sourdouh Discard

ส่วนผสม

  1. แป้งอเนกประสงค์ 225 กรัม
  2. น้ำตาลทรายแดง 40 กรัม
  3. ผงฟู 8 กรัม
  4. เบกกิ้งโซดา 6 กรัม
  5. เกลือ 3 กรัม
  6. นม 215 กรัม
  7. ไข่ 1 ฟอง
  8. Sourdough Discard 145 กรัม

วิธีทำแพนเค้กนุ่ม ๆ จาก Sourdough Discard

  1. ผสมแป้งอเนกประสงค์ เบกกิ้งโซดา น้ำตาลทรายแดง ผงฟู และเกลือเข้าด้วยกัน
  2. ใส่นม ไข่ และ Sourdough Discard ที่เตรียมไว้ คนให้เนื้อเนียนเข้ากัน จากนั้นห่อด้วยพลาสติกฟิล์มทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาทีในอุณหภูมิห้องปกติ
  3. ตั้งกระทะเทฟลอน ไฟปานกลาง ทาเนยบาง ๆ ตักส่วนผสมแพนเค้กประมาณ 1/3 ถ้วยใส่ลงในกระทะ รอ 2-3 นาที จากนั้นจึงกลับด้าน และรอจนกว่าจะสุก
  4. เมื่อสุกแล้วตักแพนเค้กใส่จาน จัดหน้า พร้อมรับประทาน

ขอขอบคุณสูตรจาก Joshua Weissman 

เป็นยังไงกันบ้างคะ กับประวัติ วิธีทำ รวมถึงสูตรเมนูแนะนำง่าย ๆ จาก Sourdough น่าสนใจมาก ๆ เลยใช่ไหมคะ สำหรับถ้าใครที่อยู่บ้านว่าง ๆ หรืออยากลองทำขนมปัง ก็สามารถทำตามได้เลยนะคะ รับรองว่านอกจากจะได้กินขนมปังอร่อย ๆ พร้อมกับคุณค่าทางสารอาหารแล้ว เพื่อน ๆ จะได้ทักษะการทำขนมเพิ่มขึ้นเป็นของแถมอีกแน่นอนค่าา~