ถ้านึกถึงอาหารไทยที่มีรสชาติเผ็ดร้อนจากเครื่องเทศ เข้มข้น และจัดจ้าน ก็คงหนีไม่พ้น “อาหารใต้” หรือที่เราหลาย ๆ คนเรียกกันว่า “อาหารปักษ์ใต้” ใช่ไหมคะ หากใครได้ลองทานต้องติดใจกันไปทุกราย วันนี้พิมก็จากพาเพื่อน ๆ เปิดครัวไขข้อสงสัยว่าทำไมอาหารภาคใต้หลาย ๆ เมนู เขาว่ากันว่าหากินได้ยาก แล้วทำไมอาหารพื้นบ้านภาคใต้ส่วนใหญ่มีสีเหลือง รวมไปถึงจุดเด่นอะไรที่มัดใจคนกินจนฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง เราไปค้นหาคำตอบพร้อมกันเลยค่า
1เอกสักษณ์ของอาหารใต้

อย่างที่พิมได้เกริ่นไป ในเมนูอาหารใต้หลาย ๆ เมนูที่เราได้กินนั้นมีรสชาติของเครื่องเทศที่เผ็ดร้อน เนื่องจากทางภาคใต้ของเรานั้น เคยเป็นศูนย์กลางค้าขายทางเรือของชาวจีน และอินเดีย จึงได้รับเอาวัฒนธรรมการกิน รวมถึงวิธีการทำอาหารโดยใช้เครื่องเทศมาจากชาวอินเดีย โดยเฉพาะ ขมิ้น ที่ทำให้อาหารพื้นบ้านภาคใต้กลายเป็นสีเหลืองในเกือบทุกเมนู และภาคใต้นั้นมีภูมิประเทศที่ติดกับทะเล จึงทำในอาหารใต้ทุกจานจึงมีวัตถุดิบจากอาหารทะเลเป็นหลักนั่นเองค่ะ
รู้หรือไม่! เมนูอาหารใต้ หรืออาหารปักษ์ใต้ จะมีเพียง 3 รสชาติหลัก ๆ คือ เปรี้ยว เค็ม เผ็ด เท่านั้น
2เมนูอาหารใต้
พิมเองก็กินเมนูอาหารพื้นบ้านภาคใต้มาก็เยอะ แต่บางเมนูพิมเองก็ยังไม่เคยลองกินเลยค่ะ จะเรียกเป็นเมนูอาหารใต้ที่หากินยากก็ว่าได้ วันนี้พิมเลยขนเอาสูตรอาหารใต้ที่ทั้งหากินง่าย และยาก รวมถึงขนมพื้นบ้านของใต้มาฝากกันถึง 20 เมนูเลยค่ะ มาดูไปพร้อม ๆ กันเลยนะคะว่าอาหารใต้มีอะไรบ้าง หรือมีเมนูอาหารใต้เมนูไหนที่เราคุ้นเคยกันบ้าง!
2.1แกงเหลืองปลากะพง
“แกงเหลืองปลากะพง” ที่หลาย ๆ คนเรียกกันนั้น คนใต้เองเรียกเมนูนี้ว่า “แกงส้มปลากะพง” ค่า ถือว่าเป็นเมนูอาหารปักษ์ใต้ยอดฮิตที่ต้องกิน มีรสชาติเปรี้ยว เค็ม และเผ็ดร้อนตามคอนเซปต์ของอาหารใต้ทุกประการเลยค่า

วัตถุดิบแกงเหลืองปลากะพง
- ปลากะพง 1 ตัว
- มะละกอดิบ 1 ลูก
- พริกแห้ง 15 เม็ด
- พริกขี้หนู 15 เม็ด
- กระเทียม 5 กลีบ
- ขมิ้นสด 2 แง่ง
- หอมแดง 2 หัว
- ข่า 2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1 ช้อนชา
- กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
- มะนาว 1 ลูก
วิธีทำแกงเหลืองปลากะพง
- ใส่พริกแห้ง และเกลือ ลงในครก แล้วตำให้ละเอียด ตามด้วยพริกขี้หนู กระเทียม ขมิ้นสด หอมแดง และข่า ตำให้ละเอียดเข้ากันดี แล้วพักไว้
- นำมะละกอดิบมาปอกเปลือก ล้างยางให้สะอาด แล้วใช้วิธีฝานออกเป็นชิ้น ๆ เตรียมไว้
- นำปลากะพงที่ขอดเกล็ด ควักไส้ ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว มาแล่เนื้อทั้งสองฝั่งออก แล้วหั่นเป็นชิ้นตามแนวขวา
- ตั้งน้ำประมาณ 1 ½ ลิตร ใส่เครื่องแกงที่ตำไว้ และกะปิลงไป คนให้ละลาย แล้วตั้งให้เดือด ตามด้วยใส่มะละกอลงไป ต้มจนมะละกอสุกใส
- ใส่เนื้อปลากะพงลงไป กดให้พอจม อย่าคนจนกว่าปลาจะสุก เมื่อปลาเริ่มสุก ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก ปิดไฟ บีบมะนาวลงไป ตักใส่ถ้วยเสิร์ฟ “แกงเหลืองปลากะพง” ได้เลย!
2.2แกงไตปลา
“แกงไตปลา” เป็นเมนูอาหารใต้ที่มีเอกลักษณ์มาก ๆ เพราะสีแกงจะออกไปทางสีน้ำตาลเข้ม และมีรสชาติที่เผ็ดร้อน จากสูตรพริกแกงไตปลา หรือเครื่องแกงไตปลา ของแต่ละบ้านเลยค่ะ มักนิยมกินแกงไตปลาคู่กับผักสด แต่ที่บ้านพิมชอบก็กินคู่กับขนมจีนที่สุดเลยค่า

วัตถุดิบแกงไตปลา
- ไตปลาทู ½ ถ้วย
- น้ำเปล่า 2-3 ถ้วย
- หน่อไม้ ½ ถ้วย
- มะเขือเปราะ ½ ถ้วย
- ถั่วฝักยาว หั่นท่อน ½ ถ้วย
- เนื้อปลาทูย่าง 1 ถ้วย
- น้ำมะขามเปียก ½ ถ้วย
- หอมแดง 2 หัว
- ข่า 1 แง่ง
- ตะไคร้ 2 ต้น
- ใบมะกรูดฉีก 4 ใบ
- กะปิ ½ ช้อนโต๊ะ
วัตถุดิบพริกแกงไตปลา
- กระเทียมไทย 1 หัว
- พริกแห้ง 20 เม็ด
- หอมแดง 2 หัว
- พริกไทยขาว 1 ช้อนชา
- พริกไทยดำ 1 ช้อนชา
- ผิวมะกรูด 1 ลูก
- ตะไคร้สับ 1 ต้น
- ขมิ้น 1 แง่ง
วิธีทำแกงไตปลา
- ใส่พริกแห้งตำให้ละเอียด แล้วใส่ผิวมะกรูด ตะไคร้สับ และขมิ้น โขลกให้ละเอียด ตามด้วยหอมแดง กระเทียม
- ส่วนพริกไทยขาว พริกไทยดำ ให้โขลกแยกแล้วใส่ทีหลังสุด ตำเครื่องแกงทั้งหมดให้ละเอียด เข้ากันดี
- ตั้งหม้อ ใส่หอมแดง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดฉีก มะขามเปียก ตามด้วยไตปลา และน้ำเล็กน้อย พอเดือดได้ที่ยกขึ้น กรองแล้วพักไว้
- ตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด ตามด้วยเครื่องแกงที่ตำไว้ และกะปิคนให้เข้ากัน ตามด้วย ใบมะกรูด ไตปลาที่ต้มไว้ พอเดือดใส่หน่อไม้ มะเขือเปราะ เนื้อปลาย่าง ถั่วฝักยาว พอเดือดอีกครั้งให้ปิดไฟ ตักใส่ชามจัดเสิร์ฟ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
TIPS : เพื่อให้การโขลกพริกแกงง่าย และได้คุณภาพดีควรทำตามบทความ เคล็ดลับการโขลกเครื่องแกง เพิ่มเติมได้เลย
2.3ใบเหลียงต้มกะทิ
“ใบเหลียง” หรือ “ผักเหลียง” เป็นผักยอดฮิตของภาคใต้เลยล่ะค่ะ ด้วยรสชาติมัน ๆ แล้วเอามาต้มกับกะทิยิ่งเข้ากันสุด ๆ บางบ้านก็ทำเมนู “ใบเหลียงต้มกะทิ” โดยใส่สะตออ่อน ๆ ลงไปด้วย พิมขอแนะนำให้ทุกคนลองกินกันดูน้าา

วัตถุดิบใบเหลียงต้มกะทิ
- ใบเหลียงอ่อน 2 กำ
- กุ้งสด 5 ตัว
- กุ้งแห้งตัวใหญ่ 1 ช้อนโต๊ะ
- หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
- หางกะทิ 1 ⅓ ถ้วยตวง
- หอมแดง 3 หัว
- กะปิ 2 ช้อนชา
- พริกไทยขาว 20 เม็ด
- เกลือป่น ⅔ ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
วิธีทำใบเหลียงต้มกะทิ
นำกุ้งสดล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นปอกเปลือก แล้วผ่าหลังดึงเส้นดำออก ล้างน้ำอีกครั้งพักไว้ค่ะ
นำหอมแดง กะปิ และพริกไทยขาวมาโขลกให้ละเอียด
ตั้งหม้อโดยใช้ไฟกลาง ใส่หัวกะทิลงไปรอให้เดือดอ่อน ๆ แล้วใส่เครื่องแกงที่โขลกไว้ลงไปคนให้เข้ากันค่ะ จากนั้นใส่กุ้งแห้งตามลงไป รอจนกะทิเดือดอีกครั้ง แล้วเติมหางกะทิลงไป
เมื่อกะทิเดือดแล้วนำกุ้งสดใส่ลงไปรอจนกุ้งสุก ค่อยใส่ใบเหลียงตามลงไป รอจนใบเหลียงเริ่มอ่อนตัวลง
ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย และเกลือป่น รอให้ “ใบเหลียงต้มกะทิ” เดือดอีกครั้ง ก็ปิดไฟ ตักใส่ชามก้พร้อมเสิร์ฟได้เลยค่า
2.4จอแหร้ง
เมนู “จอแหร้ง” หรือ “แกงกะทิกุ้งสดตะไคร้” เมนูนี้พิมยกให้เป็นหนึ่งในเมนูอาหารใต้หากินยากเลยค่ะ เพราะเป็นเมนูพื้นบ้านของจังหวัดพัทลุง ถึงจะหากินยากแต่ทำง่ายไม่ซับซ้อนเ ถ้าอยากรู้ว่าหน้าตา เมนูจอแหร้ง เป็นอย่างไร ตามพิมมาเลยค่ะ

วัตถุดิบจอแหร้ง
- กุ้งสดปอกเปลือกผ่าหลัง 200 กรัม
- กะทิ 500 มิลลิลิตร
- ตะไคร้ซอย 50 กรัม
- หอมแดงซอย 50 กรัม
- พริกขี้หนู 30 กรัม
- ขมิ้น 20 กรัม
- ใบมะกรูดฉีก 15 กรัม
- กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
- นํ้ามะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
- นํ้าปลา 2 ช้อนชา
- นํ้าตาลปี๊บ 2 ช้อนชา
- พริกชี้ฟ้าสีแดงซอยสำหรับตกแต่ง
- ใบมะกรูดซอยสำหรับตกแต่ง
วิธีทำจอแหร้ง
- เทกะทิ ¼ ใส่กระทะ แล้วยกขึ้นตั้งไฟ พอเริ่มเดือดใส่กะปิ ตะไคร้ หอมแดง และขมิ้น คนให้ทุกอย่างเข้ากัน พอเดือดอีกครั้งให้เบาไฟเคี่ยวจนส่วนผสมต่าง ๆ นุ่ม
- เติมกะทิส่วนที่เหลือลงไป ตามด้วยพริกขี้หนู รอให้เดือดอีกครั้ง จึงใส่กุ้ง และปรุงรสด้วยนํ้ามะขามเปียก นํ้าปลา นํ้าตาลปี๊บ ตามด้วยใบมะกรูด และพริกชี้ฟ้าส่วนหนึ่งลงไป คนให้ทุกอย่างเข้ากัน
- เมื่อกุ้งสุกให้ตักใส่ภาชนะ โรยด้วยพริกชี้ฟ้า และใบมะกรูดซอยตกแต่ง เพียงเท่านี้ “จอแหร้ง” หรือ “แกงกะทิกุ้งสดตะไคร้” ของเราก็พร้อมพร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ
2.5ขนมจีนน้ำยาปู
อีกหนึ่งเมนูที่ขาดไม่ได้นั่นคือ “ขนมจีนน้ำยาปู” น้ำยากะทิแกงใต้สุดเข้มข้นถึงเครื่อง ราดบนขนมจีน พร้อมเนื้อปูชิ้นใหญ่ แกล้มผักสดคือที่สุด! พิมบรรยายมาขนาดนี้เราสามารถทำเองที่บ้านได้นะคะ มาลองทำไปพร้อมกันน้าไม่อยากอย่างที่คิดเลยค่า

วัตถุดิบขนมจีนน้ำยาปู
- หัวกะทิ 3 ถ้วย
- หางกะทิ 2 ถ้วย (กะทิ 1 ถ้วย ผสมกับน้ำเปล่า 1 ถ้วย)
- พริกแกงใต้ 3 ช้อนโต๊ะ
- เนื้อปูม้าก้อน หรือ เนื้อกรรเชียงปู 400 กรัม
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- ใบมะกรูด 3 ใบ
- ขนมจีน สำหรับทานคู่
- ผักสดเคียง สำหรับทานคู่
- ถั่วฝักยาว แตงกวา ผักกาดดอง ถั่วงอก พริกแห้งทอดกรอบ ใบสะระแหน่ ไข่ต้มยางมะตูม
วิธีทำขนมจีนน้ำยาปู
- นำหัวกะทิ 1 ถ้วย และหางกะทิ 2 ถ้วย ผสมรวมกันในหม้อ ยกขึ้นตั้งเตาไฟกลาง ๆ เมื่อเดือด ใส่พริกแกงใต้ลงไปคนผสมให้เข้ากัน หมั่นคนจนส่วนผสมเดือด เคี่ยวจนมีกลิ่นหอม
- ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ เติมหัวกะทิส่วนที่เหลือลงไปจนหมด หมั่นคนเพื่อไม่ให้กะทิแตกมัน ชิมรสให้มีรสเค็ม และเผ็ดตาม
- แบ่งใส่เนื้อปูลงไป เก็บไว้เล็กน้อยสำหรับโรยหน้าตอนเสิร์ฟ
- ก่อนดับไฟ ฉีกใบมะกรูดใส่ลงไป เพื่อไม่ให้ใบมะกรูดสุกจนเฉา
- ตักน้ำยาปูใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยเนื้อปูส่วนที่เหลือ จัดเสิร์ฟพร้อมขนมจีนและผักเคียงได้เลยค่ะ
2.6แกงกะทิปูใบชะพลู
ใครที่เข้าร้านอาหารใต้แล้วไม่เคยสั่งเมนู “แกงกะทิปูใบชะพลู” ถือว่ายังไม่คอมพลีทนะคะ แต่พิมจะทำให้ยิ่งกว่าคอมพลีทด้วยกันทำเองที่บ้านตั้งแต่ตำพริกแกงใต้เอง ใส่เนื้อปูแน่น ๆ เต็มหม้อ แค่คิดก็ฟินแล้ว ถ้างั้นไปจดสูตรและวิธีทำแกงกะทิปูใบชะพลูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

วัตถุดิบพริกแกงใต้
- พริกแห้งแช่น้ำ 20 เม็ด
- ข่าแก่หั่นแว่นบาง 1 ช้อนโต๊ะ
- ขมิ้นสดหั่นบาง 3 ท่อน
- ตะไคร้ซอย 5 ต้น
- หอมแดง 6 หัว
- กระเทียม 3 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
- กะปิ 1 ช้อนชา
- เกลือ ½ ช้อนชา
วัตถุดิบแกงกะทิปูใบชะพลู
- กรรเชียงปู 300 กรัม
- ใบชะพลูซอย 1 ถ้วย
- หัวกะทิ 250 มิลลิลิตร
- หางกะทิ 500 มิลลิลิตร
- พริกแกงคั่วใต้ 4 ช้อนโต๊ะ
- กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำแกงกะทิปูใบชะพลู
- นำพริกไทยเม็ดใส่ลงไปในครกแล้วโขลกให้ละเอียด เมื่อละเอียดแล้วใส่พริกแห้งแช่น้ำข่าแก่หั่นแว่น ขมิ้นสดหั่นบาง ตะไคร้ซอย หอมแดง และเกลือแล้วโขลกให้ละเอียด
- เมื่อละเอียดแล้วใส่กะปิลงไปโขลกให้เข้ากัน จากนั้นพักเอาไว้เตรียมนำไปใส่ในแกง
- ตั้งหม้อใช้ไฟปานกลาง จากนั้นใส่หัวกะทิลงไป เมื่อกะทิเริ่มเดือดแล้วใส่พริกแกงใต้ที่เตรียมไว้ (STEP 1) ลงไป คนให้เข้ากัน
- เมื่อพริกแกงละลายแล้ว ให้ใส่หางกะทิลงไปคนให้เข้ากัน
- เมื่อกะทิเริ่มเดือดแล้วให้ปรุงรสด้วยกะปิ น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ จากนั้นใส่กรรเชียงปู ต่อด้วยใบชะพลูซอยลงไป เมื่อแกงเริ่มเดือดอีกครั้งให้ปิดไฟยกลงจากเตาได้เลยค่ะ
- ตัก “แกงกะทิปูใบชะพลู” ลงในถ้วย นำกะทิมาราดด้านบนเพื่อตกแต่งให้สวยงาม เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ
2.7ปลากระบอกต้มขมิ้น

พิมพามาทำเมนูต้มง่าย ๆ ที่ใช้เวลาไม่นานกันบ้างดีกว่าค่ะ นั่นก็คือเมนู “ปลากระบอกต้มขมิ้น” นั่นเองค่า ปลากระบอกทั้งตัวลงไปต้มพร้อมกับ ขมิ้น และสมุนไพรต่างๆ ปรุงรสอีกเล็กน้อยก็พร้อมเสิร์ฟเลยค่า
วัตถุดิบปลากระบอกต้มขมิ้น
- ปลากระบอก 3 ตัว
- หอมแดงทุบหยาบ 10 หัวเล็ก
- ขมิ้นทุบหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
- ตะไคร้หั่นท่อน 2 ต้น
- ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ
- น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1 ช้อนชา
- น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
- พริกแห้ง ( ตามชอบ )
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำปลากระบอกต้มขมิ้น
- นำปลากระบอกที่เตรียมไว้ ล้างทำความสะอาด ขอดเกล็ด ควักไส้ทิ้ง ล้างให้สะอาดอีกครั้ง
- ตั้งน้ำโดยใช้ไฟแรง พอน้ำเดือดนำขมิ้นทุบหยาบ หอมแดงทุบหยาบ ตะไคร้หั่นท่อน และใบมะกรูดใส่ลงไป รอจนน้ำเดือดอีกครั้ง
- นำปลากระบอกใส่ลงไป รอจนปลาสุกได้ที่ ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว เกลือ น้ำมะขามเปียก และพริกแห้ง
- เมื่อปลาสุกได้ที่แล้ว จัดเสิร์ฟใส่ชามได้เลยค่ะ ตกแต่งด้วยพริกแห้งให้สวยงาม
2.8ไก่ต้มขมิ้น
สำหรับใครที่ไม่ชอบทานปลา พิมก็ขอแนะนำเป็นเมนู “ไก่ต้มขมิ้น” แทนนะคะ เป็นเมนูอาหารใต้พื้นบ้านอีกหนึ่งเมนูที่ทำง่ายสุด ๆ เลยค่า

วัตถุดิบไก่ต้มขมิ้น
- น่องไก่ติดสะโพกสับ 1 กิโลกรัม
- เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำซุป 5 ลิตร
- รากผักชี 2 ราก
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- ขมิ้นชันสด 2 แง่ง
- กระเทียมปอก 5 กลีบ
- หอมแดงปอก 10 ลูก
- ตะไคร้บุบ 2 ต้น
- ใบมะกรูด 2 ใบ
- ข่าบุบ ½ แง่ง
- ผักชี (สำหรับตกแต่ง)
วิธีทำไก่ต้มขมิ้น
- ตั้งน้ำให้เดือดจัด นำเครื่องสมุนไพรที่บุบเตรียมไว้ใส่ลงไป
- นำเนื้อไก่ใส่ลงไป แล้วเบาไฟ เพื่อให้น้ำซุปใส ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำปลา
- คอยช้อนฟองออกเพื่อให้น้ำใส เคี่ยวไปเรื่อยๆ จนเนื้อไก่เปื่อยนุ่ม และความหวานหอมจากสมุนไพรออกมาทั่วน้ำซุป จึงค่อยตักเสิร์ฟร้อน ๆ
2.9ตูปะ ซูตง
นี่คืออีกหนึ่งเมนูที่ชื่อไม่คุ้นหูเลยใช่ไหมคะ “ตูปะ ซูตง” เป็นเมนูของว่างชาวใต้ที่เป็นอาหารใต้หากินยากสุด ๆ โดยนำปลาหมึกยัดไส้ข้าวเหนียวต้มหวาน ถึงชื่อจะฟังดูอยากแต่ทำตามได้แน่อนค่า

วัตถุดิบตูปะ ซูตง
- ปลาหมึกกล้วย 1 กิโลกรัม
- ข้าวเหนียวขาวหรือข้าวเหนียวดำ 200 กรัม
- ใบเตยมัด 3 ใบ
- หัวกะทิ 100 มิลลิลิตร
- หางกะทิ 500 มิลลิลิตร
- น้ำตาลปี๊ป 1 ½ ถ้วยตวง
- เกลือ 2 ช้อนชา
- ผงปรุงรส 1 ช้อนชา
วิธีทำตูปะ ซูตง
- ซาวข้าวเหนียวให้สะอาด แล้วนำมาแช่ในหางกะทิ 3-4 ชั่วโมง เพื่อให้ข้าวเหนียวนุ่ม
- นำข้าวเหนียวกรองน้ำแช่ออก(เก็บไว้) แล้วนำมาผัดกับใบเตยมัด และหัวกะทิ ปรุงรสด้วยเกลือ ผงปรุงรส ผัดจนงวด และข้าวเหนียวติดกัน
- ดึงหัวปลาหมึกออก เอาฟันปลาหมึกออก คว้านไส้ และล้างให้สะอาด นำน้ำแช่ข้าวเหนียวมาล้างอีกรอบหนึ่ง
- ตักข้าวเหนียวที่ผัดไว้ใส่ในตัวปลาหมึกจนเต็ม ใส่หัวปลาหมึกแล้วกลัดไว้ด้วยไม้กลัด
- เคี่ยวน้ำตาลจนเป็นสีน้ำตาลเข้มแล้วใส่หางกะทิลงไปต้มจนเดือด จากนั้นใส่ปลาหมึกที่ยัดไส้ลงไป ปรับเป็นไฟอ่อน ต้มต่อไปเรื่อย ๆ จนน้ำงวด และข้าวข้างในสุกดี พร้อมเสิร์ฟ
TIPS : การเคี่ยวน้ำตาลให้ขึ้นสีก่อนจะช่วยให้น้ำตาลมีกลิ่นที่หอม และสีเข้มสวย
2.10ข้าวยำปักษ์ใต้
“ข้าวยำปักษ์ใต้” เป็นเมนูอาหารพื้นบ้านภาคใต้ โดยจะมีน้ำบูดูที่ได้จากปลาหมัก คล้ายปลาร้าของทางภาคอีสาน ใช้ผักสดที่เป็นผักพื้นบ้าน โดยซอยให้เล็ก ๆ เวลาคลุกเคล้าจะติดน้ำซอส ได้รสสัมผัสที่ดี ถ้าเป็นทางใต้จริง ๆ เลยล่ะค่ะ

วัตถุดิบข้าวยำปักษ์ใต้
วัตถุดิบสำหรับทำน้ำบูดู
- น้ำบูดู 150 มล.
- ตะไคร้หั่น 2 ต้น
- ใบมะกรูดฉีก 5 ใบ
- ข่าแก่ หั่นแว่น 3 แว้น
- หอมแดงบุบ 4 หัว
- น้ำตาลมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ
วัตถุดิบสำหรับข้าวยำปักษ์ใต้
- ข้าวสวยสำหรับ 1 คนทาน
- กุ้งแห้งโขลก 1 ถ้วยตวง
- มะพร้าวคั่ว 1 ถ้วยตวง
- พริกแห้งป่น ¼ ถ้วยตวง
- ใบชะพลูซอย 2 ถ้วยตวง
- ใบมะกรูดซอย ¼ ถ้วยตวง
- ตะไคร้ซอย ¼ ถ้วยตวง
- ถั่วงอก 1 ถ้วยตวง
- ถั่วฝักยาวซอย 1 ถ้วยตวง
- กะหล่ำปลีม่วงซอย ½ ถ้วยตวง
- สะตอซอย ¼ ถ้วยตวง
- มะนาว 1 ลูก
วิธีทำข้าวยำปักษ์ใต้
- ใส่น้ำบูดูลงในหม้อ ตามด้วยตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า หอมแดง และปลาอินทรีเค็ม ตั้งไฟกลางเคี่ยวให้งวดลง ให้เหลือน้ำสัก ¾ ของน้ำบูดูเดิม
- ปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าวแล้วเคี่ยวต่อสักพัก หมั่นคนนะคะ ระวังไม่ให้ไหม้ก้น เมื่อได้ที่แล้วยกลง กรองเอากากออก จะได้น้ำบูดูไว้ราดข้าวยำของเราค่ะ
- เตรียมเครื่องทอปปิงที่เราต้องการเสิร์ฟ โดยซอยผักทั้งหมดเตรียมไว้
- จัดจานให้สวยงาม เริ่มจากข้าวสวย ตามด้วยน้ำบูดูที่เคี่ยวเสร็จแล้ว และทอปปิงผักทั้งหมด กุ้งแห้งโขลก มะพร้าวคั่ว และพริกแห้งป่น เท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟแล้วจ้า
2.11 ใบเหลียงผัดไข่
เป็นเมนูอาหารใต้ยอดฮิตอย่าง “ใบเหลียงผัดไข่” ที่กินได้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ที่สำคัญใช้วัตถุดิบน้อยด้วยนะคะ มาดูวัตถุดิบ และวิธีทําใบเหลียงผัดไข่กันเลยค่า

วัตถุดิบใบเหลียงผัดไข่
- ใบเหลียง 200 กรัม
- ไข่ไก่ 3 ฟอง
- กระเทียมสับ 1½ ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ
- กุ้งเสียบ สำหรับโรยหน้า
วิธีทำใบเหลียงผัดไข่
- ล้างใบเหลียงให้สะอาด และสะเด็ดน้ำพักไว้
- เด็ดใบเหลียง เลือกเอาเฉพาะใบอ่อน และใบเพสลาด (ใบที่ไม่อ่อน และไม่แก่เกินไป) ใบไหนใหญ่ไปให้ฉีกครึ่ง พอเด็ดหมดแล้วพักไว้
- ตั้งกระทะใช้ไฟกลาง ใส่น้ำมันลงไป รอให้น้ำมันร้อน ใส่กระเทียมสับลงไปผัดให้หอม
- ใส่ใบเหลียงที่เด็ดเตรียมไว้ตามลงไป ผัดให้พอสลด แล้วตอกไข่ใส่ลงไป ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว และซอสหอยนางรม ยีไข่ให้เข้ากับเครื่องปรุง แล้วผัดให้คลุกเคล้ากับใบเหลียง
- ตักใบเหลียงผัดไข่ขึ้นใส่จานจัดเสิร์ฟ โรยด้วยกุ้งเสียบ เท่านี้ก็พร้อมอร่อย!
2.12ผัดสะตอกะปิกุ้งสด
พิมขอยอมรับเลยค่ะว่าเมื่อก่อนพิมไม่กินสะตอเพราะกลิ่น แต่พอพิมได้เลงกินเมนู “ผัดสะตอกะปิกุ้งสด” แล้วถึงกับเปลี่ยนใจเลย ติดใจเมนูอาหารใต้เมนูนี้สุด ๆ ที่สำคัญทำเองได้ง่าย แถมใช้วัตถุดิบน้อย ระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้นเอง

วัตถุดิบผัดสะตอกะปิกุ้งสด
- สะตอแกะผ่าครึ่ง 100 กรัม
- กุ้งสด 200 กรัม
- กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนชา
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนู 20 เม็ด
- กระเทียมไทย 1 หัว
- มะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำผัดสะตอกะปิกุ้งสด
- ใส่กระเทียมลงไปในครก ตามด้วยพริกขี้หนู กะปิ และน้ำตาลปี๊บ โขลกให้ละเอียด ตักใส่ถ้วยพักไว้
- นำกระทะตั้งไฟความร้อนปานกลาง เทน้ำมันพืชลงไป รอน้ำมันร้อน ใส่พริกแกงผัดจนหอม จากนั้นใส่กุ้งลงไปผัดจนสุก
- ใส่สะตอแกะผ่าครึ่ง ผัดจนสุก จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำปลา และมะนาวค่ะ ผัดต่อให้เข้ากันดี เสร็จแล้วปิดไฟยกลง ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟแล้วจ้า
2.13เนื้อปูผัดสะตอ
อีกหนึ่งเมนูอาหารปักษ์ใต้สุดฟินต้อง “เนื้อปูผัดสะตอ” ผัดสะตอใส่ปูม้า เนื้อแน่นชิ้นโตเต็มคำ พร้อมกับเครื่องแกงสมุนไพรที่โขลกเอง ใครได้ลองทำกินเองต้องติดใจแน่นอนค่ะ

วัตถุดิบเนื้อปูผัดสะตอ
- เนื้อปูม้าแกะ 800 กรัม
- สะตอ 100 กรัม
- หอมหัวใหญ่ 80 กรัม
- หอมแดง 50 กรัม
- พริกขี้หนูจินดา 15 เม็ด
- กระเทียม 10 กลีบ
- กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาล 2 ช้อนชา
- มะนาว 2 ซีก
วิธีทำเนื้อปูผัดสะตอ
- โขลกพริกขี้หนู กระเทียม และกะปิ ให้เข้ากัน
- ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงไปผัดจนส่งกลิ่นหอม ตามด้วยหอมหัวใหญ่ และหอมแดง
- ใส่น้ำล้างครกลงไป ตามด้วยเนื้อปู และสะตอ ผัดให้ทุกอย่างเข้ากัน ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาล และมะนาว ตักขึ้นใส่จานจัดเสิร์ฟ กินกับข้าวสวยร้อน ๆ ฟินสุด!
2.14คั่วกลิ้งซี่โครงหมู
ปกติแล้วเราจะคุ้นเคยกับคั่วกลิ้งหมูใช่ไหมคะ วันนี้พิมขอแนะนำเป็น “คั่วกลิ้งซี่โครงหมู” เนื้อเต็ม ๆ คำ และเข้มข้นเผ็ดร้อยถึงเครื่องสมุนไพรเช่นเคยค่ะ ที่สำคัญถ้าได้กินกับข้าวสวยร้อน ๆ คือที่สุด!

วัตถุดิบคั่วกลิ้งซี่โครงหมู
- ซี่โครงหมู 1 กิโลกรัม
- พริกชี้ฟ้าแดงแห้ง 7 เม็ด
- ใบมะกรูดซอย 10 ใบ
- กระเทียม 1 หัว
- พริกไทยสด 30 กรัม
- ขมิ้นหั่นแว่น 30 กรัม
- พริกไทยเม็ด 2 ช้อนโต๊ะ
- ข่าหั่นแว่น 30 กรัม
- ตะไคร้ซอย 3 หัว
- เกลือสมุทร 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย ½ ช้อนโต๊ะ
- กะปิ ½ ช้อนโต๊ะ
- ผิวมะกรูด ½ ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำคั่วกลิ้งซี่โครงหมู
- ใส่พริกชี้ฟ้าแดงแห้งลงไปในครก ตามด้วยกระเทียม ขมิ้นหั่นแว่น พริกไทยเม็ด ข่าหั่นแว่น ตะไคร้ซอย เกลือสมุทร กะปิ และผิวมะกรูด โขลกให้ละเอียด
- นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลาง เทน้ำมันลงไป และรอจนร้อน ใส่ซี่โครงหมูลงไปผัดจนแห้ง
- ใส่พริกแกงที่ทำไว้ลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาลทราย ผัดให้เข้ากัน
- ใส่ใบมะกรูดซอย และพริกไทยเม็ดลงไป ผัดให้เข้ากัน และยกออกจากเตา
- ตักใส่จานที่เตรียมไว้ พร้อมเสิร์ฟจ้า
2.15หมูโคะ
“หมูโคะ” เป็นเมนูอาหารพื้นบ้านภาคใต้ที่ทำตามได้ง่ายมาก ๆ เลยค่ะ เตรียมวัตถุดิบเพียงไม่กี่อย่างก็ได้เอร็ดอร่อยกับหมูสามชั้นนุ่ม ๆ รสเข้มข้น สำหรับบางบ้านก็จะน้ำจิ้มออกรสเปรี้ยวมาตัดรสชาติยิ่งฟินเลยค่ะ

วัตถุดิบหมูโคะ
- หมูสามชั้น 1 กิโลกรัม
- กระเทียม ½ ถ้วยตวง
- หอมแดง ½ ถ้วยตวง
- กะปิ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ½ ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า ½ ลิตร
- น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำหมูโคะ
- นำกระเทียม และหอมแดงมาซอยให้พอหยาบ
- นำหมูสามชั้น มาหั่นเป็นชิ้น ชิ้นละประมาณ 2 นิ้ว
- ใส่กระเทียม และหอมแดงซอยลงไปผัดกับน้ำมันในกระทะจนหอมแดงสุกใส แล้วจึงใส่กะปิลงไป ผัดให้เข้ากัน
- ใส่หมูสามชั้นลงไปผัด แล้วเติมน้ำเปล่าลงไป ตั้งไฟให้เดือด แล้วปรับเป็นไฟกลาง ตุ๋นไว้ประมาณ 20 นาที จนน้ำงวด
- เมื่อน้ำลดลงประมาณครึ่งหนึ่ง เติมน้ำตาลปี๊บลงไป คนให้ละลายเข้ากัน
- เมื่อน้ำงวดลง น้ำมันจากหมูสามชั้นจะเริ่มออกมา เร่งไฟให้แรงขึ้น แล้วใช้น้ำมันที่ออกมาทอดหมูให้สีน้ำตาลสวย ตักขึ้นจัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ
2.16น้ำพริกกุ้งเสียบ
เมนู “น้ำพริกกุ้งเสียบ” เป็นของฝากที่ทุกท่านต้องติดไม้ติดมือกลับมาฝากจากภูเก็ตกันตลอดใช่ไหมคะ วันนี้พิมจะมาแบ่งสูตรให้เพื่อน ๆ ได้ไปทำเมนูอาหารใต้ยอดฮิตเมนูนี้ตามกันนะคะ

วัตถุดิบน้ำพริกกุ้งเสียบ
- กุ้งเสียบ 1 ถ้วยตวง ขข
- หอมแดง 5 หัว
- กระเทียม 15 กลีบ
- พริกขี้หนู 10 เม็ด
- กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
- ผักสดตามชอบ
วิธีทำน้ำพริกกุ้งเสียบ
- ห่อกะปิด้วยอะลูมิเนียมฟอยล์ แล้วนำไปนาบกับกระทะด้วยไฟอ่อน จนส่งกลิ่นหอม
- ใส่หอมแดง กระเทียม และพริกขี้หนู ลงในครก ตำให้ละเอียดเข้ากัน
- นำกะปิที่นาบกระทะไว้ใส่ลงไปในครก ตามด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะนาว คลุกให้เข้ากัน
- นำกุ้งเสียบลงไปคั่วในกระทะไฟกลาง จนกุ้งเสียบเริ่มกรอบ แล้วนำขึ้น
- ตักกุ้งเสียบที่คั่วไว้ลงในครก คลุกให้เข้ากันแล้วขึ้นจัดเสิร์ฟพร้อมกับผักสดตามชอบ
2.17ไก่กอและ
ถ้านึกถึงไก่ย่างของภาคใต้ก็ต้องเป็นเมนู “ไก่กอและ” เลยค่า ตอนนี้กลายเป็นเมนูอาหารใต้หากินยากไปแล้ว แต่พิมจะไม่ทำให้มันหายไป เพราะพิมจะมาแจกสูตรพร้อมวิธีทำไก่กอและ ที่ทำตามได้ง่าย และเอาไปทำขายได้ด้วยนะคะ

วัตถุดิบไก่กอและ
- สะโพกไก่หั่นชิ้น 800 กรัม
- กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
- ผงขมิ้น 1 ช้อนชา
- เกลือ 1 ช้อนชา
- กะทิ ½ ถ้วยตวง
- วัตถุดิบพริกแกง
- พริกชี้ฟ้าแห้งแช่น้ำสับ 5 เม็ด
- พริกขี้หนูแห้งแช่น้ำสับ 5 เม็ด
- หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
- ลูกผักชีคั่ว ½ ช้อนชา
- ยี่หร่าคั่ว ½ ช้อนชา
- อบเชยป่น ½ ช้อนชา
- กะปิ 1 ช้อนชา
- กะทิ 1 ถ้วยตวง
- น้ำมะขามเปียก 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช สำหรับผัด
วิธีทำไก่กอและ
- เริ่มทำพริกแกง โดยการใส่พริกชี้ฟ้าแห้งแช่น้ำสับ พริกขี้หนูแห้งแช่น้ำสับ หอมแดง กระเทียม ลูกผักชี ยี่หร่า อบเชย และกะปิ ลงในครก แล้วโขลกให้ละเอียดเข้ากัน
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชจนพอร้อน นำเครื่องแกงที่โขลกไว้ลงไปผัดจนหอม ใส่กะทิลงไปเคี่ยวจนแตกมัน
- ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ และน้ำปลา เคี่ยวต่อซักครู่แล้วยกลงพักไว้ให้เย็น
- โขลกกระเทียม ผงขมิ้น และเกลือป่น ให้ละเอียด
- หมักสะโพกไก่หั่นชิ้น ด้วยส่วนผสมที่โขลกไว้ และกะทิ คลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักไว้ 30 นาที
- นำไก่ที่หมักไว้มาเสียบไม้ แล้วนำขึ้นเตาย่าง คอยทาด้วยพริกแกงที่ทำไว้อย่างสม่ำเสมอทั้งสองด้าน ย่างจนสุกสวย จึงนำขึ้นจัดเสิร์ฟ
2.18ไก่ทอดหาดใหญ่
ไม่มีใครไม่รู้จักแน่นอน กับเมนูอาหารใต้ชื่อดังที่มีขายไปทั่วบ้านทั่วเมืองอย่าง “ไก่ทอดหาดใหญ่” ไก่ทอดที่มีลักษณะเฉพาะตัว หนังกรอบเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ หอมกลิ่นเครื่องเทศเฉพาะตัว จะกินเปล่า ๆ ก็อร่อย หรือจะจิ้มน้ำจิ้มก็ดี ยิ่งมีข้าวเนียวร้อน ๆ ก็ยิ่งฟินสุด ๆ

วัตถุดิบไก่ทอดหาดใหญ่
- น่องไก่ติดสะโพก 2 กิโลกรัม
- พริกไทยขาวเม็ด 2 ช้อนโต๊ะ
- ลูกผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
- ยี่หร่า 2 ช้อนชา
- กระเทียม ¼ ถ้วย
- รากผักชี 5 ราก
- ซอสหอยนางรม 3 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- น้ําตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- แป้งสาลี ½ ถ้วย
วิธีทำไก่ทอดหาดใหญ่
- โขลก พริกไทยขาว ลูกผักชี กระเทียม รากผักชี และยี่หร่า ให้ละเอียดเข้ากัน
- นำเครื่องเทศที่โขลกไปมักกับน่องไก่ติดสะโพก ปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม เกลือป่น และน้ำตาล โรยแป้งสาลี เติมน้ำเล็กน้อย แล้วคลุกให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง หรือจะหมักข้ามคืนก็ได้
- เมื่อหมักจนเข้าเนื้อแล้ว นำไก่ลงทอดในน้ำมันท่วม ใช้ไฟกลาง ทอดจนไก่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล จึงยกขึ้นพักไว้ จัดเสิร์ฟพร้อม หอมเจียว เท่านี้ก็พร้อมรับประทาน!
2.19ไข่ครอบ
พิมพาเมนูอาหารใต้หากินยากมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันอีกหนึ่งเมนูค่ะ นั่นก็คือ เมนุ “ไข่ครอบ” นั่นเอง ชื่ออาจจะฟังดูแปลก แต่ถ้าได้ลองจะต้องติดใจกันแน่ ๆ เป็นของดีจากเมืองสงขลา ชาวใต้จะทำเมนูนี้เพื่อถนอมอาหารจากการที่มีไข่เป็ดที่เหลือเยอะค่ะ

วัตถุดิบไข่ครอบ
- ไข่เป็ด 24 ฟอง (ใช้เฉพาะไข่แดง)
- เกลือ 100 กรัม
- น้ำต้มสุก 2 ถ้วยตวง
วิธีทำไข่ครอบ
- นำไข่มากระเทาะเพียงเปลือกด้านบนเพื่อแกะเปลือกออก จากั้นเทไข่ออกใส่ภาชนะที่เตรียมไว้โดยพยายามไม่ให้ไข่แดงแตกเสียหาย แล้วเก็บเปลือกไข่ไว้
- แช่เปลือกไข่ในน้ำสะอาดและสะเด็ดน้ำพักไว้
- ใช้กรรไกรตัดเปลือกไข่ออกประมาณ ¾ ของฟอง
- ใช้มือค่อย ๆ ช้อนไข่แดงที่แยกไว้ โดยใส่ไข่แดง 2 ฟองในเปลือกไข่เป็ดที่ตัดแต่งไว้
- นำเกลือป่นมาละลายในน้ำต้มสุก จากนั้นตักน้ำและเกลือหยอดลงบนไข่ โดยให้มีเกลือติดไปด้วย จากนั้นหมักทิ้งไว้ประมาณ 5 - 6 ชั่วโมง เพื่อให้เกลือป่นละลายเข้าไปในไข่แดงแต่พอดี
- นำไข่มานึ่งประมาณ 3 - 5 นาที พอให้ผิวไข่แดงสุก และเนื้อด้านในยังเป็นยางมะตูม
TIPS : แช่เปลือกไข่ในน้ำประมาณ 10 นาทีขึ้นไป จะช่วยให้เปลือกไข่ตัดได้ง่ายยิ่งขึ้น, ใช้ถ้วยใบเล็กเพื่อตั้งเวลานึ่ง เพื่อให้ไข่ไม่ล้มและทรงตัวอยู่ได้
2.20ขนมตาหยาบ
หลายคนอาจจะยังไม่เคยได้ยินชื่อ “ขนมตาหยาบ” กันมาก่อนใช่ไหมคะ “ขนมตาหยาบ” เป็นเมนูของหวานจากภาคใต้ เดิมทีจะใช้สีเขียวจากใบเตย แต่สมัยนี้จะใช้สีผสมอาหารผสมเข้าไปเพื่อให้เกิดสีสันที่น่ารับประทานยิ่งขึ้น ตัวไส้ขนมนั้นก็ทำไม่ยากเลย ทำจากมะพร้าวขูดขาวผัดกับน้ำตาล (ไส้กระฉีก) ไปจดสูตรและวิธีทำขนมตาหยาบด้วยกันเลยค่า

วัตถุดิบขนมตาหยาบ
- มะพร้าวขูดขาว 200 กรัม
- น้ำตาลมะพร้าว 50 กรัม
- น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทรายขาว ½ ช้อนโต๊ะ
- เกลือ ½ ช้อนชา
- แป้งข้าวเจ้า ½ ถ้วยตวง
- แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วยตวง
- แป้งมันสำปะหลัง ¼ ถ้วยตวง
- น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
- ไข่ไก่(เบอร์ 0) 1 ฟอง
- น้ำใบเตยหรือสีผสมอาหารตามใจชอบ
วิธีทำขนมตาหยาบ
- ตั้งกระทะ ใส่น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลทรายแดง และน้ำตาลทรายขาว คนจนน้ำตาลละลาย
- ใส่มะพร้าวขูดขาวลงไป ปรุงรสด้วยเกลือ ผัดจนงวด พักไว้
- ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว แป้งมันสำปะหลัง เกลือ น้ำเปล่า และไข่ไก่ ลงไป
- คนจนส่วนผสมเข้ากันดี แบ่งใส่สีตามใจชอบ
- ตั้งกระทะ ทาน้ำมันบาง ๆ ใส่แป้งลงไป เกลี่ยแป้งเป็นแผ่นบาง ๆ รอจนแป้งสุก หยิบออกจากกระทะ
- นำแป้งที่ได้มาห่อไส้กระฉีก พร้อมเสิร์ฟ
เรียกได้ว่า 20 สูตรอาหารใต้ที่พิมมาแนะนำในวันนี้ ใครได้ลองทำตามทุกเมนู สามารถเปิดร้านกันได้เลยนะคะ มีทั้งเมนูอาหารพื้นบ้านภาคใต้ ทั้งเมนูหากินยาก แถมของหวานให้อีกหนึ่งเมนู ครบเครื่องสุด ๆ และที่สำคัญ พิมก็สามารถหาคำตอบให้ทุกคนได้แล้วนะคะ ว่าทำไมอาหารใต้ส่วนใหญ่ถึงมีสีเหลือง! นอกจากนี้ใครอยากลองโชว์สูตรของตัวเองก็สามารถมาแจกจ่ายสูตรอาหารใต้ได้ที่นี่เลยน้า
อ่านบทความที่เกี่ยวกับ “อาหารใต้” เพิ่มเติมได้ที่
- เทคนิคการโขลกพริกแกงอย่างง่าย
- 10 เมนูอาหารปักษ์ใต้ กับข้าวสูตรเด็ด ที่คนภูเก็ตต้องเคยกิน!
- 20 สูตร “เมนูอาหารใต้” รสชาติเข้มข้นถึงใจ
Reference
- TTHANANID. (2560). เกร็ดความรู้คู่อาหารปักษ์ใต้. สืบค้นเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2565. จาก. https://www.museumthailand.com/th/390/webboard/topic/เกร็ดความรู้คู่อาหารปักษ์ใต้/.