แจกสูตร 20 เมนูอาหารใต้ พร้อมหาคำตอบทำไมอาหารใต้ต้องสีเหลือง?
  1. แจกสูตร 20 เมนูอาหารใต้ พร้อมหาคำตอบทำไมอาหารใต้ต้องสีเหลือง?

แจกสูตร 20 เมนูอาหารใต้ พร้อมหาคำตอบทำไมอาหารใต้ต้องสีเหลือง?

“อาหารใต้” หรือ “อาหารปักษ์ใต้” ที่ว่ากันว่าหาทานได้ยากนั้นมีดีอย่างไร? สามารถทำเองที่บ้านได้แบบรสต้นตำรับหรือเปล่า? เรามาเปิดครัวค้นหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลย!
writerProfile
28 เม.ย. 2022 · โดย

ถ้านึกถึงอาหารไทยที่มีรสชาติเผ็ดร้อนจากเครื่องเทศ เข้มข้น และจัดจ้าน ก็คงหนีไม่พ้น “อาหารใต้” หรือที่เราหลาย ๆ คนเรียกกันว่า “อาหารปักษ์ใต้” ใช่ไหมคะ หากใครได้ลองทานต้องติดใจกันไปทุกราย วันนี้พิมก็จากพาเพื่อน ๆ เปิดครัวไขข้อสงสัยว่าทำไมอาหารภาคใต้หลาย ๆ เมนู เขาว่ากันว่าหากินได้ยาก แล้วทำไมอาหารพื้นบ้านภาคใต้ส่วนใหญ่มีสีเหลือง รวมไปถึงจุดเด่นอะไรที่มัดใจคนกินจนฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง เราไปค้นหาคำตอบพร้อมกันเลยค่า

1เอกสักษณ์ของอาหารใต้

เอกสักษณ์ของอาหารใต้
เอกสักษณ์ของอาหารใต้

อย่างที่พิมได้เกริ่นไป ในเมนูอาหารใต้หลาย ๆ เมนูที่เราได้กินนั้นมีรสชาติของเครื่องเทศที่เผ็ดร้อน เนื่องจากทางภาคใต้ของเรานั้น เคยเป็นศูนย์กลางค้าขายทางเรือของชาวจีน และอินเดีย จึงได้รับเอาวัฒนธรรมการกิน รวมถึงวิธีการทำอาหารโดยใช้เครื่องเทศมาจากชาวอินเดีย โดยเฉพาะ ขมิ้น ที่ทำให้อาหารพื้นบ้านภาคใต้กลายเป็นสีเหลืองในเกือบทุกเมนู และภาคใต้นั้นมีภูมิประเทศที่ติดกับทะเล จึงทำในอาหารใต้ทุกจานจึงมีวัตถุดิบจากอาหารทะเลเป็นหลักนั่นเองค่ะ

รู้หรือไม่! เมนูอาหารใต้ หรืออาหารปักษ์ใต้ จะมีเพียง 3 รสชาติหลัก ๆ คือ เปรี้ยว เค็ม เผ็ด เท่านั้น

2เมนูอาหารใต้

พิมเองก็กินเมนูอาหารพื้นบ้านภาคใต้มาก็เยอะ แต่บางเมนูพิมเองก็ยังไม่เคยลองกินเลยค่ะ จะเรียกเป็นเมนูอาหารใต้ที่หากินยากก็ว่าได้ วันนี้พิมเลยขนเอาสูตรอาหารใต้ที่ทั้งหากินง่าย และยาก รวมถึงขนมพื้นบ้านของใต้มาฝากกันถึง 20 เมนูเลยค่ะ มาดูไปพร้อม ๆ กันเลยนะคะว่าอาหารใต้มีอะไรบ้าง หรือมีเมนูอาหารใต้เมนูไหนที่เราคุ้นเคยกันบ้าง!

2.1แกงเหลืองปลากะพง

“แกงเหลืองปลากะพง” ที่หลาย ๆ คนเรียกกันนั้น คนใต้เองเรียกเมนูนี้ว่า “แกงส้มปลากะพง” ค่า ถือว่าเป็นเมนูอาหารปักษ์ใต้ยอดฮิตที่ต้องกิน มีรสชาติเปรี้ยว เค็ม และเผ็ดร้อนตามคอนเซปต์ของอาหารใต้ทุกประการเลยค่า

แกงเหลืองปลากะพง
แกงเหลืองปลากะพง หรือ แกงส้มปลากะพง

วัตถุดิบแกงเหลืองปลากะพง

  1. ปลากะพง 1 ตัว
  2. มะละกอดิบ 1 ลูก
  3. พริกแห้ง 15 เม็ด
  4. พริกขี้หนู 15 เม็ด
  5. กระเทียม 5 กลีบ
  6. ขมิ้นสด 2 แง่ง
  7. หอมแดง 2 หัว
  8. ข่า 2 ช้อนโต๊ะ
  9. เกลือ 1 ช้อนชา
  10. กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
  11. น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
  12. มะนาว 1 ลูก

วิธีทำแกงเหลืองปลากะพง

  • ใส่พริกแห้ง และเกลือ ลงในครก แล้วตำให้ละเอียด ตามด้วยพริกขี้หนู กระเทียม ขมิ้นสด หอมแดง และข่า ตำให้ละเอียดเข้ากันดี แล้วพักไว้
  • นำมะละกอดิบมาปอกเปลือก ล้างยางให้สะอาด แล้วใช้วิธีฝานออกเป็นชิ้น ๆ เตรียมไว้
  • นำปลากะพงที่ขอดเกล็ด ควักไส้ ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว มาแล่เนื้อทั้งสองฝั่งออก แล้วหั่นเป็นชิ้นตามแนวขวา
  • ตั้งน้ำประมาณ 1 ½ ลิตร ใส่เครื่องแกงที่ตำไว้ และกะปิลงไป คนให้ละลาย แล้วตั้งให้เดือด ตามด้วยใส่มะละกอลงไป ต้มจนมะละกอสุกใส
  • ใส่เนื้อปลากะพงลงไป กดให้พอจม อย่าคนจนกว่าปลาจะสุก เมื่อปลาเริ่มสุก ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก ปิดไฟ บีบมะนาวลงไป ตักใส่ถ้วยเสิร์ฟ “แกงเหลืองปลากะพง” ได้เลย!

2.2แกงไตปลา

“แกงไตปลา” เป็นเมนูอาหารใต้ที่มีเอกลักษณ์มาก ๆ เพราะสีแกงจะออกไปทางสีน้ำตาลเข้ม และมีรสชาติที่เผ็ดร้อน จากสูตรพริกแกงไตปลา หรือเครื่องแกงไตปลา ของแต่ละบ้านเลยค่ะ มักนิยมกินแกงไตปลาคู่กับผักสด แต่ที่บ้านพิมชอบก็กินคู่กับขนมจีนที่สุดเลยค่า

แกงไตปลา
แกงไตปลา

วัตถุดิบแกงไตปลา

  1. ไตปลาทู ½ ถ้วย
  2. น้ำเปล่า 2-3 ถ้วย
  3. หน่อไม้ ½ ถ้วย
  4. มะเขือเปราะ ½ ถ้วย
  5. ถั่วฝักยาว หั่นท่อน ½ ถ้วย
  6. เนื้อปลาทูย่าง 1 ถ้วย
  7. น้ำมะขามเปียก ½ ถ้วย
  8. หอมแดง 2 หัว
  9. ข่า 1 แง่ง
  10. ตะไคร้ 2 ต้น
  11. ใบมะกรูดฉีก 4 ใบ
  12. กะปิ ½ ช้อนโต๊ะ

วัตถุดิบพริกแกงไตปลา

  1. กระเทียมไทย 1 หัว
  2. พริกแห้ง 20 เม็ด
  3. หอมแดง 2 หัว
  4. พริกไทยขาว 1 ช้อนชา
  5. พริกไทยดำ 1 ช้อนชา
  6. ผิวมะกรูด 1 ลูก
  7. ตะไคร้สับ 1 ต้น
  8. ขมิ้น 1 แง่ง

วิธีทำแกงไตปลา

  • ใส่พริกแห้งตำให้ละเอียด แล้วใส่ผิวมะกรูด ตะไคร้สับ และขมิ้น โขลกให้ละเอียด ตามด้วยหอมแดง กระเทียม
  • ส่วนพริกไทยขาว พริกไทยดำ ให้โขลกแยกแล้วใส่ทีหลังสุด ตำเครื่องแกงทั้งหมดให้ละเอียด เข้ากันดี
  • ตั้งหม้อ ใส่หอมแดง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดฉีก มะขามเปียก ตามด้วยไตปลา และน้ำเล็กน้อย พอเดือดได้ที่ยกขึ้น กรองแล้วพักไว้
  • ตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด ตามด้วยเครื่องแกงที่ตำไว้ และกะปิคนให้เข้ากัน ตามด้วย ใบมะกรูด ไตปลาที่ต้มไว้ พอเดือดใส่หน่อไม้ มะเขือเปราะ เนื้อปลาย่าง ถั่วฝักยาว พอเดือดอีกครั้งให้ปิดไฟ ตักใส่ชามจัดเสิร์ฟ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

TIPS : เพื่อให้การโขลกพริกแกงง่าย และได้คุณภาพดีควรทำตามบทความ เคล็ดลับการโขลกเครื่องแกง เพิ่มเติมได้เลย

2.3ใบเหลียงต้มกะทิ

“ใบเหลียง” หรือ “ผักเหลียง” เป็นผักยอดฮิตของภาคใต้เลยล่ะค่ะ ด้วยรสชาติมัน ๆ แล้วเอามาต้มกับกะทิยิ่งเข้ากันสุด ๆ บางบ้านก็ทำเมนู “ใบเหลียงต้มกะทิ” โดยใส่สะตออ่อน ๆ ลงไปด้วย พิมขอแนะนำให้ทุกคนลองกินกันดูน้าา

ใบเหลียงต้มกะทิ
ใบเหลียงต้มกะทิ

วัตถุดิบใบเหลียงต้มกะทิ

  1. ใบเหลียงอ่อน 2 กำ
  2. กุ้งสด 5 ตัว
  3. กุ้งแห้งตัวใหญ่ 1 ช้อนโต๊ะ
  4. หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
  5. หางกะทิ 1 ⅓ ถ้วยตวง
  6. หอมแดง 3 หัว
  7. กะปิ 2 ช้อนชา
  8. พริกไทยขาว 20 เม็ด
  9. เกลือป่น ⅔ ช้อนชา
  10. น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา

วิธีทำใบเหลียงต้มกะทิ

นำกุ้งสดล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นปอกเปลือก แล้วผ่าหลังดึงเส้นดำออก ล้างน้ำอีกครั้งพักไว้ค่ะ

นำหอมแดง กะปิ และพริกไทยขาวมาโขลกให้ละเอียด

ตั้งหม้อโดยใช้ไฟกลาง ใส่หัวกะทิลงไปรอให้เดือดอ่อน ๆ แล้วใส่เครื่องแกงที่โขลกไว้ลงไปคนให้เข้ากันค่ะ จากนั้นใส่กุ้งแห้งตามลงไป รอจนกะทิเดือดอีกครั้ง แล้วเติมหางกะทิลงไป

เมื่อกะทิเดือดแล้วนำกุ้งสดใส่ลงไปรอจนกุ้งสุก ค่อยใส่ใบเหลียงตามลงไป รอจนใบเหลียงเริ่มอ่อนตัวลง

ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย และเกลือป่น รอให้ “ใบเหลียงต้มกะทิ” เดือดอีกครั้ง ก็ปิดไฟ ตักใส่ชามก้พร้อมเสิร์ฟได้เลยค่า

2.4จอแหร้ง

เมนู “จอแหร้ง” หรือ “แกงกะทิกุ้งสดตะไคร้” เมนูนี้พิมยกให้เป็นหนึ่งในเมนูอาหารใต้หากินยากเลยค่ะ เพราะเป็นเมนูพื้นบ้านของจังหวัดพัทลุง ถึงจะหากินยากแต่ทำง่ายไม่ซับซ้อนเ ถ้าอยากรู้ว่าหน้าตา เมนูจอแหร้ง เป็นอย่างไร ตามพิมมาเลยค่ะ

จอแหร้ง
จอแหร้ง 

วัตถุดิบจอแหร้ง

  1. กุ้งสดปอกเปลือกผ่าหลัง 200 กรัม
  2. กะทิ 500 มิลลิลิตร
  3. ตะไคร้ซอย 50 กรัม
  4. หอมแดงซอย 50 กรัม
  5. พริกขี้หนู 30 กรัม
  6. ขมิ้น 20 กรัม
  7. ใบมะกรูดฉีก 15 กรัม
  8. กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
  9. นํ้ามะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
  10. นํ้าปลา 2 ช้อนชา
  11. นํ้าตาลปี๊บ 2 ช้อนชา
  12. พริกชี้ฟ้าสีแดงซอยสำหรับตกแต่ง
  13. ใบมะกรูดซอยสำหรับตกแต่ง

วิธีทำจอแหร้ง

  • เทกะทิ ¼ ใส่กระทะ แล้วยกขึ้นตั้งไฟ พอเริ่มเดือดใส่กะปิ ตะไคร้ หอมแดง และขมิ้น คนให้ทุกอย่างเข้ากัน พอเดือดอีกครั้งให้เบาไฟเคี่ยวจนส่วนผสมต่าง ๆ นุ่ม
  • เติมกะทิส่วนที่เหลือลงไป ตามด้วยพริกขี้หนู รอให้เดือดอีกครั้ง จึงใส่กุ้ง และปรุงรสด้วยนํ้ามะขามเปียก นํ้าปลา นํ้าตาลปี๊บ ตามด้วยใบมะกรูด และพริกชี้ฟ้าส่วนหนึ่งลงไป คนให้ทุกอย่างเข้ากัน
  • เมื่อกุ้งสุกให้ตักใส่ภาชนะ โรยด้วยพริกชี้ฟ้า และใบมะกรูดซอยตกแต่ง เพียงเท่านี้ “จอแหร้ง” หรือ “แกงกะทิกุ้งสดตะไคร้” ของเราก็พร้อมพร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ

2.5ขนมจีนน้ำยาปู

อีกหนึ่งเมนูที่ขาดไม่ได้นั่นคือ “ขนมจีนน้ำยาปู” น้ำยากะทิแกงใต้สุดเข้มข้นถึงเครื่อง ราดบนขนมจีน พร้อมเนื้อปูชิ้นใหญ่ แกล้มผักสดคือที่สุด! พิมบรรยายมาขนาดนี้เราสามารถทำเองที่บ้านได้นะคะ มาลองทำไปพร้อมกันน้าไม่อยากอย่างที่คิดเลยค่า

ขนมจีนน้ำยาปู
ขนมจีนน้ำยาปู

วัตถุดิบขนมจีนน้ำยาปู

  1. หัวกะทิ 3 ถ้วย
  2. หางกะทิ 2 ถ้วย (กะทิ 1 ถ้วย ผสมกับน้ำเปล่า 1 ถ้วย)
  3. พริกแกงใต้ 3 ช้อนโต๊ะ
  4. เนื้อปูม้าก้อน หรือ เนื้อกรรเชียงปู 400 กรัม
  5. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  6. ใบมะกรูด 3 ใบ
  7. ขนมจีน สำหรับทานคู่
  8. ผักสดเคียง สำหรับทานคู่
  9. ถั่วฝักยาว แตงกวา ผักกาดดอง ถั่วงอก พริกแห้งทอดกรอบ ใบสะระแหน่ ไข่ต้มยางมะตูม 

วิธีทำขนมจีนน้ำยาปู

  • นำหัวกะทิ 1 ถ้วย และหางกะทิ 2 ถ้วย ผสมรวมกันในหม้อ ยกขึ้นตั้งเตาไฟกลาง ๆ เมื่อเดือด ใส่พริกแกงใต้ลงไปคนผสมให้เข้ากัน หมั่นคนจนส่วนผสมเดือด เคี่ยวจนมีกลิ่นหอม
  • ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ เติมหัวกะทิส่วนที่เหลือลงไปจนหมด หมั่นคนเพื่อไม่ให้กะทิแตกมัน ชิมรสให้มีรสเค็ม และเผ็ดตาม
  • แบ่งใส่เนื้อปูลงไป เก็บไว้เล็กน้อยสำหรับโรยหน้าตอนเสิร์ฟ
  • ก่อนดับไฟ ฉีกใบมะกรูดใส่ลงไป เพื่อไม่ให้ใบมะกรูดสุกจนเฉา
  • ตักน้ำยาปูใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยเนื้อปูส่วนที่เหลือ จัดเสิร์ฟพร้อมขนมจีนและผักเคียงได้เลยค่ะ 

2.6แกงกะทิปูใบชะพลู

ใครที่เข้าร้านอาหารใต้แล้วไม่เคยสั่งเมนู “แกงกะทิปูใบชะพลู” ถือว่ายังไม่คอมพลีทนะคะ แต่พิมจะทำให้ยิ่งกว่าคอมพลีทด้วยกันทำเองที่บ้านตั้งแต่ตำพริกแกงใต้เอง ใส่เนื้อปูแน่น ๆ เต็มหม้อ แค่คิดก็ฟินแล้ว ถ้างั้นไปจดสูตรและวิธีทำแกงกะทิปูใบชะพลูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

แกงกะทิปูใบชะพลู
แกงกะทิปูใบชะพลู

วัตถุดิบพริกแกงใต้

  1. พริกแห้งแช่น้ำ 20 เม็ด
  2. ข่าแก่หั่นแว่นบาง 1 ช้อนโต๊ะ
  3. ขมิ้นสดหั่นบาง 3 ท่อน
  4. ตะไคร้ซอย 5 ต้น
  5. หอมแดง 6 หัว
  6. กระเทียม 3 ช้อนโต๊ะ
  7. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
  8. กะปิ 1 ช้อนชา
  9. เกลือ ½ ช้อนชา

วัตถุดิบแกงกะทิปูใบชะพลู

  1. กรรเชียงปู 300 กรัม
  2. ใบชะพลูซอย 1 ถ้วย
  3. หัวกะทิ 250 มิลลิลิตร
  4. หางกะทิ 500 มิลลิลิตร
  5. พริกแกงคั่วใต้ 4 ช้อนโต๊ะ
  6. กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำแกงกะทิปูใบชะพลู

  • นำพริกไทยเม็ดใส่ลงไปในครกแล้วโขลกให้ละเอียด เมื่อละเอียดแล้วใส่พริกแห้งแช่น้ำข่าแก่หั่นแว่น ขมิ้นสดหั่นบาง ตะไคร้ซอย หอมแดง และเกลือแล้วโขลกให้ละเอียด
  • เมื่อละเอียดแล้วใส่กะปิลงไปโขลกให้เข้ากัน จากนั้นพักเอาไว้เตรียมนำไปใส่ในแกง
  • ตั้งหม้อใช้ไฟปานกลาง จากนั้นใส่หัวกะทิลงไป เมื่อกะทิเริ่มเดือดแล้วใส่พริกแกงใต้ที่เตรียมไว้ (STEP 1) ลงไป คนให้เข้ากัน
  • เมื่อพริกแกงละลายแล้ว ให้ใส่หางกะทิลงไปคนให้เข้ากัน
  • เมื่อกะทิเริ่มเดือดแล้วให้ปรุงรสด้วยกะปิ น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ จากนั้นใส่กรรเชียงปู ต่อด้วยใบชะพลูซอยลงไป เมื่อแกงเริ่มเดือดอีกครั้งให้ปิดไฟยกลงจากเตาได้เลยค่ะ
  • ตัก “แกงกะทิปูใบชะพลู” ลงในถ้วย นำกะทิมาราดด้านบนเพื่อตกแต่งให้สวยงาม เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ

2.7ปลากระบอกต้มขมิ้น

ปลากระบอกต้มขมิ้น
ปลากระบอกต้มขมิ้น

พิมพามาทำเมนูต้มง่าย ๆ ที่ใช้เวลาไม่นานกันบ้างดีกว่าค่ะ นั่นก็คือเมนู “ปลากระบอกต้มขมิ้น” นั่นเองค่า ปลากระบอกทั้งตัวลงไปต้มพร้อมกับ ขมิ้น และสมุนไพรต่างๆ ปรุงรสอีกเล็กน้อยก็พร้อมเสิร์ฟเลยค่า

วัตถุดิบปลากระบอกต้มขมิ้น

  1. ปลากระบอก 3 ตัว
  2. หอมแดงทุบหยาบ 10 หัวเล็ก
  3. ขมิ้นทุบหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
  4. ตะไคร้หั่นท่อน 2 ต้น
  5. ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ
  6. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
  7. เกลือ 1 ช้อนชา
  8. น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
  9. พริกแห้ง ( ตามชอบ )
  10. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำปลากระบอกต้มขมิ้น

  • นำปลากระบอกที่เตรียมไว้ ล้างทำความสะอาด ขอดเกล็ด ควักไส้ทิ้ง ล้างให้สะอาดอีกครั้ง
  • ตั้งน้ำโดยใช้ไฟแรง พอน้ำเดือดนำขมิ้นทุบหยาบ หอมแดงทุบหยาบ ตะไคร้หั่นท่อน และใบมะกรูดใส่ลงไป รอจนน้ำเดือดอีกครั้ง
  • นำปลากระบอกใส่ลงไป รอจนปลาสุกได้ที่ ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว เกลือ น้ำมะขามเปียก และพริกแห้ง
  • เมื่อปลาสุกได้ที่แล้ว จัดเสิร์ฟใส่ชามได้เลยค่ะ ตกแต่งด้วยพริกแห้งให้สวยงาม

2.8ไก่ต้มขมิ้น

สำหรับใครที่ไม่ชอบทานปลา พิมก็ขอแนะนำเป็นเมนู “ไก่ต้มขมิ้น” แทนนะคะ เป็นเมนูอาหารใต้พื้นบ้านอีกหนึ่งเมนูที่ทำง่ายสุด ๆ เลยค่า

ไก่ต้มขมิ้น
ไก่ต้มขมิ้น

วัตถุดิบไก่ต้มขมิ้น

  1. น่องไก่ติดสะโพกสับ 1 กิโลกรัม
  2. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำซุป 5 ลิตร
  4. รากผักชี 2 ราก
  5. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  6. ขมิ้นชันสด 2 แง่ง
  7. กระเทียมปอก 5 กลีบ
  8. หอมแดงปอก 10 ลูก
  9. ตะไคร้บุบ 2 ต้น
  10. ใบมะกรูด 2 ใบ
  11. ข่าบุบ ½ แง่ง
  12. ผักชี (สำหรับตกแต่ง)

วิธีทำไก่ต้มขมิ้น

  • ตั้งน้ำให้เดือดจัด นำเครื่องสมุนไพรที่บุบเตรียมไว้ใส่ลงไป
  • นำเนื้อไก่ใส่ลงไป แล้วเบาไฟ เพื่อให้น้ำซุปใส ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำปลา
  • คอยช้อนฟองออกเพื่อให้น้ำใส เคี่ยวไปเรื่อยๆ จนเนื้อไก่เปื่อยนุ่ม และความหวานหอมจากสมุนไพรออกมาทั่วน้ำซุป จึงค่อยตักเสิร์ฟร้อน ๆ

2.9ตูปะ ซูตง

นี่คืออีกหนึ่งเมนูที่ชื่อไม่คุ้นหูเลยใช่ไหมคะ “ตูปะ ซูตง” เป็นเมนูของว่างชาวใต้ที่เป็นอาหารใต้หากินยากสุด ๆ โดยนำปลาหมึกยัดไส้ข้าวเหนียวต้มหวาน ถึงชื่อจะฟังดูอยากแต่ทำตามได้แน่อนค่า

ตูปะ ซูตง
ตูปะ ซูตง

วัตถุดิบตูปะ ซูตง

  1. ปลาหมึกกล้วย 1 กิโลกรัม
  2. ข้าวเหนียวขาวหรือข้าวเหนียวดำ 200 กรัม
  3. ใบเตยมัด 3 ใบ
  4. หัวกะทิ 100 มิลลิลิตร
  5. หางกะทิ 500 มิลลิลิตร
  6. น้ำตาลปี๊ป 1 ½ ถ้วยตวง
  7. เกลือ 2 ช้อนชา
  8. ผงปรุงรส 1 ช้อนชา

วิธีทำตูปะ ซูตง

  • ซาวข้าวเหนียวให้สะอาด แล้วนำมาแช่ในหางกะทิ 3-4 ชั่วโมง เพื่อให้ข้าวเหนียวนุ่ม
  • นำข้าวเหนียวกรองน้ำแช่ออก(เก็บไว้) แล้วนำมาผัดกับใบเตยมัด และหัวกะทิ ปรุงรสด้วยเกลือ ผงปรุงรส ผัดจนงวด และข้าวเหนียวติดกัน
  • ดึงหัวปลาหมึกออก เอาฟันปลาหมึกออก คว้านไส้ และล้างให้สะอาด นำน้ำแช่ข้าวเหนียวมาล้างอีกรอบหนึ่ง
  • ตักข้าวเหนียวที่ผัดไว้ใส่ในตัวปลาหมึกจนเต็ม ใส่หัวปลาหมึกแล้วกลัดไว้ด้วยไม้กลัด
  • เคี่ยวน้ำตาลจนเป็นสีน้ำตาลเข้มแล้วใส่หางกะทิลงไปต้มจนเดือด จากนั้นใส่ปลาหมึกที่ยัดไส้ลงไป ปรับเป็นไฟอ่อน ต้มต่อไปเรื่อย ๆ จนน้ำงวด และข้าวข้างในสุกดี พร้อมเสิร์ฟ

TIPS : การเคี่ยวน้ำตาลให้ขึ้นสีก่อนจะช่วยให้น้ำตาลมีกลิ่นที่หอม และสีเข้มสวย

2.10ข้าวยำปักษ์ใต้

“ข้าวยำปักษ์ใต้” เป็นเมนูอาหารพื้นบ้านภาคใต้ โดยจะมีน้ำบูดูที่ได้จากปลาหมัก คล้ายปลาร้าของทางภาคอีสาน ใช้ผักสดที่เป็นผักพื้นบ้าน โดยซอยให้เล็ก ๆ เวลาคลุกเคล้าจะติดน้ำซอส ได้รสสัมผัสที่ดี ถ้าเป็นทางใต้จริง ๆ เลยล่ะค่ะ

ข้าวยำปักษ์ใต้
ข้าวยำปักษ์ใต้

วัตถุดิบข้าวยำปักษ์ใต้

วัตถุดิบสำหรับทำน้ำบูดู

  1. น้ำบูดู 150 มล.
  2. ตะไคร้หั่น 2 ต้น
  3. ใบมะกรูดฉีก 5 ใบ
  4. ข่าแก่ หั่นแว่น 3 แว้น
  5. หอมแดงบุบ 4 หัว
  6. น้ำตาลมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ

วัตถุดิบสำหรับข้าวยำปักษ์ใต้

  1. ข้าวสวยสำหรับ 1 คนทาน
  2. กุ้งแห้งโขลก 1 ถ้วยตวง
  3. มะพร้าวคั่ว 1 ถ้วยตวง
  4. พริกแห้งป่น ¼ ถ้วยตวง
  5. ใบชะพลูซอย 2 ถ้วยตวง
  6. ใบมะกรูดซอย ¼ ถ้วยตวง
  7. ตะไคร้ซอย ¼ ถ้วยตวง
  8. ถั่วงอก 1 ถ้วยตวง
  9. ถั่วฝักยาวซอย 1 ถ้วยตวง
  10. กะหล่ำปลีม่วงซอย ½ ถ้วยตวง
  11. สะตอซอย ¼ ถ้วยตวง
  12. มะนาว 1 ลูก

วิธีทำข้าวยำปักษ์ใต้

  • ใส่น้ำบูดูลงในหม้อ ตามด้วยตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า หอมแดง และปลาอินทรีเค็ม ตั้งไฟกลางเคี่ยวให้งวดลง ให้เหลือน้ำสัก ¾ ของน้ำบูดูเดิม
  • ปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าวแล้วเคี่ยวต่อสักพัก หมั่นคนนะคะ ระวังไม่ให้ไหม้ก้น เมื่อได้ที่แล้วยกลง กรองเอากากออก จะได้น้ำบูดูไว้ราดข้าวยำของเราค่ะ
  • เตรียมเครื่องทอปปิงที่เราต้องการเสิร์ฟ โดยซอยผักทั้งหมดเตรียมไว้
  • จัดจานให้สวยงาม เริ่มจากข้าวสวย ตามด้วยน้ำบูดูที่เคี่ยวเสร็จแล้ว และทอปปิงผักทั้งหมด กุ้งแห้งโขลก มะพร้าวคั่ว และพริกแห้งป่น เท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟแล้วจ้า 

2.11 ใบเหลียงผัดไข่

เป็นเมนูอาหารใต้ยอดฮิตอย่าง “ใบเหลียงผัดไข่” ที่กินได้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ที่สำคัญใช้วัตถุดิบน้อยด้วยนะคะ มาดูวัตถุดิบ และวิธีทําใบเหลียงผัดไข่กันเลยค่า

ใบเหลียงผัดไข่
ใบเหลียงผัดไข่

วัตถุดิบใบเหลียงผัดไข่

  1. ใบเหลียง 200 กรัม
  2. ไข่ไก่ 3 ฟอง
  3. กระเทียมสับ 1½ ช้อนโต๊ะ
  4. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  5. ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ
  7. กุ้งเสียบ สำหรับโรยหน้า

วิธีทำใบเหลียงผัดไข่

  • ล้างใบเหลียงให้สะอาด และสะเด็ดน้ำพักไว้
  • เด็ดใบเหลียง เลือกเอาเฉพาะใบอ่อน และใบเพสลาด (ใบที่ไม่อ่อน และไม่แก่เกินไป) ใบไหนใหญ่ไปให้ฉีกครึ่ง พอเด็ดหมดแล้วพักไว้
  • ตั้งกระทะใช้ไฟกลาง ใส่น้ำมันลงไป รอให้น้ำมันร้อน ใส่กระเทียมสับลงไปผัดให้หอม
  • ใส่ใบเหลียงที่เด็ดเตรียมไว้ตามลงไป ผัดให้พอสลด แล้วตอกไข่ใส่ลงไป ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว และซอสหอยนางรม ยีไข่ให้เข้ากับเครื่องปรุง แล้วผัดให้คลุกเคล้ากับใบเหลียง
  • ตักใบเหลียงผัดไข่ขึ้นใส่จานจัดเสิร์ฟ โรยด้วยกุ้งเสียบ เท่านี้ก็พร้อมอร่อย!

2.12ผัดสะตอกะปิกุ้งสด

พิมขอยอมรับเลยค่ะว่าเมื่อก่อนพิมไม่กินสะตอเพราะกลิ่น แต่พอพิมได้เลงกินเมนู “ผัดสะตอกะปิกุ้งสด” แล้วถึงกับเปลี่ยนใจเลย ติดใจเมนูอาหารใต้เมนูนี้สุด ๆ ที่สำคัญทำเองได้ง่าย แถมใช้วัตถุดิบน้อย ระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้นเอง

ผัดสะตอกะปิกุ้งสด
ผัดสะตอกะปิกุ้งสด

วัตถุดิบผัดสะตอกะปิกุ้งสด

  1. สะตอแกะผ่าครึ่ง 100 กรัม
  2. กุ้งสด 200 กรัม
  3. กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนชา
  5. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  6. พริกขี้หนู 20 เม็ด
  7. กระเทียมไทย 1 หัว
  8. มะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
  9. น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำผัดสะตอกะปิกุ้งสด

  • ใส่กระเทียมลงไปในครก ตามด้วยพริกขี้หนู กะปิ และน้ำตาลปี๊บ โขลกให้ละเอียด ตักใส่ถ้วยพักไว้
  • นำกระทะตั้งไฟความร้อนปานกลาง เทน้ำมันพืชลงไป รอน้ำมันร้อน ใส่พริกแกงผัดจนหอม จากนั้นใส่กุ้งลงไปผัดจนสุก
  • ใส่สะตอแกะผ่าครึ่ง ผัดจนสุก จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำปลา และมะนาวค่ะ ผัดต่อให้เข้ากันดี เสร็จแล้วปิดไฟยกลง ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟแล้วจ้า

2.13เนื้อปูผัดสะตอ

อีกหนึ่งเมนูอาหารปักษ์ใต้สุดฟินต้อง “เนื้อปูผัดสะตอ” ผัดสะตอใส่ปูม้า เนื้อแน่นชิ้นโตเต็มคำ พร้อมกับเครื่องแกงสมุนไพรที่โขลกเอง ใครได้ลองทำกินเองต้องติดใจแน่นอนค่ะ

เนื้อปูผัดสะตอ
เนื้อปูผัดสะตอ

วัตถุดิบเนื้อปูผัดสะตอ

  1. เนื้อปูม้าแกะ 800 กรัม
  2. สะตอ 100 กรัม
  3. หอมหัวใหญ่ 80 กรัม
  4. หอมแดง 50 กรัม
  5. พริกขี้หนูจินดา 15 เม็ด
  6. กระเทียม 10 กลีบ
  7. กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  9. น้ำตาล 2 ช้อนชา
  10. มะนาว 2 ซีก

วิธีทำเนื้อปูผัดสะตอ

  • โขลกพริกขี้หนู กระเทียม และกะปิ ให้เข้ากัน
  • ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงไปผัดจนส่งกลิ่นหอม ตามด้วยหอมหัวใหญ่ และหอมแดง
  • ใส่น้ำล้างครกลงไป ตามด้วยเนื้อปู และสะตอ ผัดให้ทุกอย่างเข้ากัน ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาล และมะนาว ตักขึ้นใส่จานจัดเสิร์ฟ กินกับข้าวสวยร้อน ๆ ฟินสุด!

2.14คั่วกลิ้งซี่โครงหมู

ปกติแล้วเราจะคุ้นเคยกับคั่วกลิ้งหมูใช่ไหมคะ วันนี้พิมขอแนะนำเป็น “คั่วกลิ้งซี่โครงหมู” เนื้อเต็ม ๆ คำ และเข้มข้นเผ็ดร้อยถึงเครื่องสมุนไพรเช่นเคยค่ะ ที่สำคัญถ้าได้กินกับข้าวสวยร้อน ๆ คือที่สุด!

คั่วกลิ้งซี่โครงหมู
คั่วกลิ้งซี่โครงหมู

วัตถุดิบคั่วกลิ้งซี่โครงหมู

  1. ซี่โครงหมู 1 กิโลกรัม
  2. พริกชี้ฟ้าแดงแห้ง 7 เม็ด
  3. ใบมะกรูดซอย 10 ใบ
  4. กระเทียม 1 หัว
  5. พริกไทยสด 30 กรัม
  6. ขมิ้นหั่นแว่น 30 กรัม
  7. พริกไทยเม็ด 2 ช้อนโต๊ะ
  8. ข่าหั่นแว่น 30 กรัม
  9. ตะไคร้ซอย 3 หัว
  10. เกลือสมุทร 1 ช้อนโต๊ะ
  11. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  12. น้ำตาลทราย ½ ช้อนโต๊ะ
  13. กะปิ ½ ช้อนโต๊ะ
  14. ผิวมะกรูด ½ ช้อนโต๊ะ
  15. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำคั่วกลิ้งซี่โครงหมู

  • ใส่พริกชี้ฟ้าแดงแห้งลงไปในครก ตามด้วยกระเทียม ขมิ้นหั่นแว่น พริกไทยเม็ด ข่าหั่นแว่น ตะไคร้ซอย เกลือสมุทร กะปิ และผิวมะกรูด โขลกให้ละเอียด
  • นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลาง เทน้ำมันลงไป และรอจนร้อน ใส่ซี่โครงหมูลงไปผัดจนแห้ง
  • ใส่พริกแกงที่ทำไว้ลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาลทราย ผัดให้เข้ากัน
  • ใส่ใบมะกรูดซอย และพริกไทยเม็ดลงไป ผัดให้เข้ากัน และยกออกจากเตา
  • ตักใส่จานที่เตรียมไว้ พร้อมเสิร์ฟจ้า

2.15หมูโคะ

“หมูโคะ” เป็นเมนูอาหารพื้นบ้านภาคใต้ที่ทำตามได้ง่ายมาก ๆ เลยค่ะ เตรียมวัตถุดิบเพียงไม่กี่อย่างก็ได้เอร็ดอร่อยกับหมูสามชั้นนุ่ม ๆ รสเข้มข้น สำหรับบางบ้านก็จะน้ำจิ้มออกรสเปรี้ยวมาตัดรสชาติยิ่งฟินเลยค่ะ

หมูโคะ
หมูโคะ

วัตถุดิบหมูโคะ

  1. หมูสามชั้น 1 กิโลกรัม
  2. กระเทียม ½ ถ้วยตวง
  3. หอมแดง ½ ถ้วยตวง
  4. กะปิ 2 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำตาลปี๊บ 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำเปล่า ½ ลิตร
  7. น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำหมูโคะ

  • นำกระเทียม และหอมแดงมาซอยให้พอหยาบ
  • นำหมูสามชั้น มาหั่นเป็นชิ้น ชิ้นละประมาณ 2 นิ้ว
  • ใส่กระเทียม และหอมแดงซอยลงไปผัดกับน้ำมันในกระทะจนหอมแดงสุกใส แล้วจึงใส่กะปิลงไป ผัดให้เข้ากัน
  • ใส่หมูสามชั้นลงไปผัด แล้วเติมน้ำเปล่าลงไป ตั้งไฟให้เดือด แล้วปรับเป็นไฟกลาง ตุ๋นไว้ประมาณ 20 นาที จนน้ำงวด
  • เมื่อน้ำลดลงประมาณครึ่งหนึ่ง เติมน้ำตาลปี๊บลงไป คนให้ละลายเข้ากัน
  • เมื่อน้ำงวดลง น้ำมันจากหมูสามชั้นจะเริ่มออกมา เร่งไฟให้แรงขึ้น แล้วใช้น้ำมันที่ออกมาทอดหมูให้สีน้ำตาลสวย ตักขึ้นจัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ

2.16น้ำพริกกุ้งเสียบ

เมนู “น้ำพริกกุ้งเสียบ” เป็นของฝากที่ทุกท่านต้องติดไม้ติดมือกลับมาฝากจากภูเก็ตกันตลอดใช่ไหมคะ วันนี้พิมจะมาแบ่งสูตรให้เพื่อน ๆ ได้ไปทำเมนูอาหารใต้ยอดฮิตเมนูนี้ตามกันนะคะ

น้ำพริกกุ้งเสียบ
น้ำพริกกุ้งเสียบ

วัตถุดิบน้ำพริกกุ้งเสียบ

  1. กุ้งเสียบ 1 ถ้วยตวง ขข
  2. หอมแดง 5 หัว
  3. กระเทียม 15 กลีบ
  4. พริกขี้หนู 10 เม็ด
  5. กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
  9. ผักสดตามชอบ

วิธีทำน้ำพริกกุ้งเสียบ

  • ห่อกะปิด้วยอะลูมิเนียมฟอยล์ แล้วนำไปนาบกับกระทะด้วยไฟอ่อน จนส่งกลิ่นหอม
  • ใส่หอมแดง กระเทียม และพริกขี้หนู ลงในครก ตำให้ละเอียดเข้ากัน
  • นำกะปิที่นาบกระทะไว้ใส่ลงไปในครก ตามด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะนาว คลุกให้เข้ากัน
  • นำกุ้งเสียบลงไปคั่วในกระทะไฟกลาง จนกุ้งเสียบเริ่มกรอบ แล้วนำขึ้น
  • ตักกุ้งเสียบที่คั่วไว้ลงในครก คลุกให้เข้ากันแล้วขึ้นจัดเสิร์ฟพร้อมกับผักสดตามชอบ

2.17ไก่กอและ

ถ้านึกถึงไก่ย่างของภาคใต้ก็ต้องเป็นเมนู “ไก่กอและ” เลยค่า ตอนนี้กลายเป็นเมนูอาหารใต้หากินยากไปแล้ว แต่พิมจะไม่ทำให้มันหายไป เพราะพิมจะมาแจกสูตรพร้อมวิธีทำไก่กอและ ที่ทำตามได้ง่าย และเอาไปทำขายได้ด้วยนะคะ

ไก่กอและ
ไก่กอและ

วัตถุดิบไก่กอและ

  1. สะโพกไก่หั่นชิ้น 800 กรัม
  2. กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
  3. ผงขมิ้น 1 ช้อนชา
  4. เกลือ 1 ช้อนชา
  5. กะทิ ½ ถ้วยตวง
  6. วัตถุดิบพริกแกง
  7. พริกชี้ฟ้าแห้งแช่น้ำสับ 5 เม็ด
  8. พริกขี้หนูแห้งแช่น้ำสับ 5 เม็ด
  9. หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
  10. กระเทียมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
  11. ลูกผักชีคั่ว ½ ช้อนชา
  12. ยี่หร่าคั่ว ½ ช้อนชา
  13. อบเชยป่น ½ ช้อนชา
  14. กะปิ 1 ช้อนชา
  15. กะทิ 1 ถ้วยตวง
  16. น้ำมะขามเปียก 4 ช้อนโต๊ะ
  17. น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
  18. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  19. น้ำมันพืช สำหรับผัด

วิธีทำไก่กอและ

  1. เริ่มทำพริกแกง โดยการใส่พริกชี้ฟ้าแห้งแช่น้ำสับ พริกขี้หนูแห้งแช่น้ำสับ หอมแดง กระเทียม ลูกผักชี ยี่หร่า อบเชย และกะปิ ลงในครก แล้วโขลกให้ละเอียดเข้ากัน
  2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชจนพอร้อน นำเครื่องแกงที่โขลกไว้ลงไปผัดจนหอม ใส่กะทิลงไปเคี่ยวจนแตกมัน
  3. ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ และน้ำปลา เคี่ยวต่อซักครู่แล้วยกลงพักไว้ให้เย็น
  4. โขลกกระเทียม ผงขมิ้น และเกลือป่น ให้ละเอียด
  5. หมักสะโพกไก่หั่นชิ้น ด้วยส่วนผสมที่โขลกไว้ และกะทิ คลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักไว้ 30 นาที
  6. นำไก่ที่หมักไว้มาเสียบไม้ แล้วนำขึ้นเตาย่าง คอยทาด้วยพริกแกงที่ทำไว้อย่างสม่ำเสมอทั้งสองด้าน ย่างจนสุกสวย จึงนำขึ้นจัดเสิร์ฟ

2.18ไก่ทอดหาดใหญ่

ไม่มีใครไม่รู้จักแน่นอน กับเมนูอาหารใต้ชื่อดังที่มีขายไปทั่วบ้านทั่วเมืองอย่าง “ไก่ทอดหาดใหญ่” ไก่ทอดที่มีลักษณะเฉพาะตัว หนังกรอบเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ หอมกลิ่นเครื่องเทศเฉพาะตัว จะกินเปล่า ๆ ก็อร่อย หรือจะจิ้มน้ำจิ้มก็ดี ยิ่งมีข้าวเนียวร้อน ๆ ก็ยิ่งฟินสุด ๆ

ไก่ทอดหาดใหญ่

วัตถุดิบไก่ทอดหาดใหญ่

  1. น่องไก่ติดสะโพก 2 กิโลกรัม
  2. พริกไทยขาวเม็ด 2 ช้อนโต๊ะ
  3. ลูกผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
  4. ยี่หร่า 2 ช้อนชา
  5. กระเทียม ¼ ถ้วย
  6. รากผักชี 5 ราก
  7. ซอสหอยนางรม 3 ช้อนโต๊ะ
  8. ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
  9. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  10. น้ําตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  11. แป้งสาลี ½ ถ้วย

วิธีทำไก่ทอดหาดใหญ่

  • โขลก พริกไทยขาว ลูกผักชี กระเทียม รากผักชี และยี่หร่า ให้ละเอียดเข้ากัน
  • นำเครื่องเทศที่โขลกไปมักกับน่องไก่ติดสะโพก ปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม เกลือป่น และน้ำตาล โรยแป้งสาลี เติมน้ำเล็กน้อย แล้วคลุกให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง หรือจะหมักข้ามคืนก็ได้
  • เมื่อหมักจนเข้าเนื้อแล้ว นำไก่ลงทอดในน้ำมันท่วม ใช้ไฟกลาง ทอดจนไก่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล จึงยกขึ้นพักไว้ จัดเสิร์ฟพร้อม หอมเจียว เท่านี้ก็พร้อมรับประทาน!

2.19ไข่ครอบ

พิมพาเมนูอาหารใต้หากินยากมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันอีกหนึ่งเมนูค่ะ นั่นก็คือ เมนุ “ไข่ครอบ” นั่นเอง ชื่ออาจจะฟังดูแปลก แต่ถ้าได้ลองจะต้องติดใจกันแน่ ๆ เป็นของดีจากเมืองสงขลา ชาวใต้จะทำเมนูนี้เพื่อถนอมอาหารจากการที่มีไข่เป็ดที่เหลือเยอะค่ะ

ไข่ครอบ
ไข่ครอบ

วัตถุดิบไข่ครอบ

  1. ไข่เป็ด 24 ฟอง (ใช้เฉพาะไข่แดง)
  2. เกลือ 100 กรัม
  3. น้ำต้มสุก 2 ถ้วยตวง

วิธีทำไข่ครอบ

  • นำไข่มากระเทาะเพียงเปลือกด้านบนเพื่อแกะเปลือกออก จากั้นเทไข่ออกใส่ภาชนะที่เตรียมไว้โดยพยายามไม่ให้ไข่แดงแตกเสียหาย แล้วเก็บเปลือกไข่ไว้
  • แช่เปลือกไข่ในน้ำสะอาดและสะเด็ดน้ำพักไว้
  • ใช้กรรไกรตัดเปลือกไข่ออกประมาณ ¾ ของฟอง
  • ใช้มือค่อย ๆ ช้อนไข่แดงที่แยกไว้ โดยใส่ไข่แดง 2 ฟองในเปลือกไข่เป็ดที่ตัดแต่งไว้
  • นำเกลือป่นมาละลายในน้ำต้มสุก จากนั้นตักน้ำและเกลือหยอดลงบนไข่ โดยให้มีเกลือติดไปด้วย จากนั้นหมักทิ้งไว้ประมาณ 5 - 6 ชั่วโมง เพื่อให้เกลือป่นละลายเข้าไปในไข่แดงแต่พอดี
  • นำไข่มานึ่งประมาณ 3 - 5 นาที พอให้ผิวไข่แดงสุก และเนื้อด้านในยังเป็นยางมะตูม

TIPS : แช่เปลือกไข่ในน้ำประมาณ 10 นาทีขึ้นไป จะช่วยให้เปลือกไข่ตัดได้ง่ายยิ่งขึ้น, ใช้ถ้วยใบเล็กเพื่อตั้งเวลานึ่ง เพื่อให้ไข่ไม่ล้มและทรงตัวอยู่ได้

2.20ขนมตาหยาบ

หลายคนอาจจะยังไม่เคยได้ยินชื่อ “ขนมตาหยาบ” กันมาก่อนใช่ไหมคะ “ขนมตาหยาบ” เป็นเมนูของหวานจากภาคใต้ เดิมทีจะใช้สีเขียวจากใบเตย แต่สมัยนี้จะใช้สีผสมอาหารผสมเข้าไปเพื่อให้เกิดสีสันที่น่ารับประทานยิ่งขึ้น ตัวไส้ขนมนั้นก็ทำไม่ยากเลย ทำจากมะพร้าวขูดขาวผัดกับน้ำตาล (ไส้กระฉีก) ไปจดสูตรและวิธีทำขนมตาหยาบด้วยกันเลยค่า

ขนมตาหยาบ
ขนมตาหยาบ

วัตถุดิบขนมตาหยาบ

  1. มะพร้าวขูดขาว 200 กรัม
  2. น้ำตาลมะพร้าว 50 กรัม
  3. น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำตาลทรายขาว ½ ช้อนโต๊ะ
  5. เกลือ ½ ช้อนชา
  6. แป้งข้าวเจ้า ½ ถ้วยตวง
  7. แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วยตวง
  8. แป้งมันสำปะหลัง ¼ ถ้วยตวง
  9. น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
  10. ไข่ไก่(เบอร์ 0) 1 ฟอง
  11. น้ำใบเตยหรือสีผสมอาหารตามใจชอบ

วิธีทำขนมตาหยาบ

  • ตั้งกระทะ ใส่น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลทรายแดง และน้ำตาลทรายขาว คนจนน้ำตาลละลาย
  • ใส่มะพร้าวขูดขาวลงไป ปรุงรสด้วยเกลือ ผัดจนงวด พักไว้
  • ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว แป้งมันสำปะหลัง เกลือ น้ำเปล่า และไข่ไก่ ลงไป
  • คนจนส่วนผสมเข้ากันดี แบ่งใส่สีตามใจชอบ
  • ตั้งกระทะ ทาน้ำมันบาง ๆ ใส่แป้งลงไป เกลี่ยแป้งเป็นแผ่นบาง ๆ รอจนแป้งสุก หยิบออกจากกระทะ
  • นำแป้งที่ได้มาห่อไส้กระฉีก พร้อมเสิร์ฟ

เรียกได้ว่า 20 สูตรอาหารใต้ที่พิมมาแนะนำในวันนี้ ใครได้ลองทำตามทุกเมนู สามารถเปิดร้านกันได้เลยนะคะ มีทั้งเมนูอาหารพื้นบ้านภาคใต้ ทั้งเมนูหากินยาก แถมของหวานให้อีกหนึ่งเมนู ครบเครื่องสุด ๆ และที่สำคัญ พิมก็สามารถหาคำตอบให้ทุกคนได้แล้วนะคะ ว่าทำไมอาหารใต้ส่วนใหญ่ถึงมีสีเหลือง! นอกจากนี้ใครอยากลองโชว์สูตรของตัวเองก็สามารถมาแจกจ่ายสูตรอาหารใต้ได้ที่นี่เลยน้า

อ่านบทความที่เกี่ยวกับ “อาหารใต้” เพิ่มเติมได้ที่

Reference