เชื่อว่าใครที่เคยกิน Subway มาก่อน ก็คงเคยมีประสบการณ์ยืนเลิ่กลั่กในร้านกันมาแล้ว เพราะมีอะไรให้เลือกเต็มไปหมดจนไม่รู้ว่าจะต้องสั่งอะไรบ้าง ความจริงแล้วการสั่ง Subway ไม่ใช่เรื่องยากเลย มีทั้งหมดเพียง 6 ขั้นตอนเท่านั้น เราก็จะได้แซนด์วิชที่ถูกใจใช่เลยมากิน มาดูพร้อม ๆ กันไปทีละขั้นตอนนะ
1เลือกขนมปัง
ขนมปังของที่ร้าน Subwayb นั้นจะมีทั้งหมด 5 ชนิด ซึ่งขนมปังทั้งหมดจะเป็นขนมปังเนื้อนุ่มกินง่าย แต่จะแตกต่างกันที่ส่วนผสม รสชาติ และท็อปปิงด้านบน
- ขนมปังวีท (Wheat) ขนมปังที่มีส่วนผสมจากธัญพืช 9 ชนิด มีความหอมนุ่ม
- ขนมปังฮันนี่โอ๊ต (Honey Oat) ตัวนี้จะมีรสชาติออกหวาน มีกลิ่นหอมของน้ำผึ้ง และมีข้าวโอ๊ตผสมอยู่ด้วย ได้ประโยชน์ง่าย ๆ เลยค่ะ
- ขนมปังอิตาเลี่ยน (Italian) ขนมปังหอมนุ่ม มีกลิ่นอายคล้าย ๆ แป้งพิซซ่าเล็กน้อย ลักษณะเนื้อจะคล้ายกับขนมปังขาวที่กินกันทั่วไป
- ขนมปังพาร์เมซาน ออริกาโน (Parmesan Oregano) เป็นขนมปังที่ใส่ชีสพาร์เมซานและเครื่องเทศอย่างออริกาโน่ ทำให้ได้กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์แบบอิตาเลี่ยนเน้น ๆ เดินเข้าไปในร้านจะได้กลิ่นขนมปังตัวนี้ก่อนใครเพื่อน เลย
- ขนมปังเซซามี (Sesame) หรือขนมปังงา จะมีงาขาวโรยอยู่ทั่วทั้งชิ้น ได้แคลเซียมแบบเต็ม ๆ พอนำไปอบก็จะได้กลิ่นหอมของงาชัดเจน

2เลือกขนาด
หลังจากที่เลือกขนมปังแล้ว ขั้นตอนต่อมาก็คือการเลือกขนาด ซึ่งมีให้กัน 2 ขนาดนั่นก็คือ 6 นิ้ว และ 12 นิ้ว ซึ่งเป็น 2 ขนาดที่มีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก ถ้าไม่ได้เป็นคนที่กินจุ หรือหิวในระดับพร้อมล้มวัวกิน สั่งแค่ 6 นิ้วก็อิ่มกำลังดีแล้ว แต่ถ้าเป็นสายกินจุ 12 นิ้วก็เป็นไซส์ที่สะใจไม่ใช่น้อย หรือใครอยากจะสั่ง 12 นิ้ว แล้วให้ทางร้านหั่นครึ่งแบ่งกินกับเพื่อน อันนั้นก็ทำได้ไม่ว่ากัน

3เลือกแซนด์วิช

มาถึงขั้นตอนสำคัญนั่นก็คือการเลือกไส้แซนด์วิช ซึ่งแต่ละไส้นั้นก็จะมีราคาที่แตกต่างกันออกไป โดยมีให้เลือกกว่า 19 ไส้ แบ่งออกเป็น 3 หมวดหมู่ ได้แก่
Signatures
1. ไก่บูลโกกิ (Bulgogi Chicken)
2. สเต็กและชีส (Steak & Cheese)
3. มีทบอล มารินาร่า (Meatball Marinara)
4. ซับเวย์ เม้ลท์ (Subway Melt)
5. ไก่เทริยากิ (Teriyaki Chicken)
6. เนื้ออบ (Roast Beef)


Favorite
1. ไก่รมควัน (Smoked Chicken)
2. สไปซี่อิตาเลี่ยน (Spicy Italian)
3. อิตาเลียน บีเอ็มที (Italian B.M.T.)
4. ซับเวย์คลับ (Subway Club)
5. ไก่อบ (Roasted Chicken)
6. บาร์บีคิวไก่ (BBQ Chicken)
7. เว็จจี้ ดีลักซ์ (Veggie Deluxe)

Classic
1. เนื้อไก่สไลด์และแฮม (Sliced Chicken & Ham)
2. แฮม (Ham)
3. บีแอลที (B.L.T.)
4. เนื้อไก่สไลด์ (Sliced Chicken)
5. ทูน่า (Tuna)
6. เว็จจี้ ดีไลท์ (Veggie Delite)



นอกจากแซนด์วิชแล้ว Subway เค้ายังมีแร็ปด้วยนะ! สำหรับคนที่ไม่อยากกินแป้งเยอะก็มีเมนูสุขภาพอย่างแร็ปทูน่า ที่ถูกห่อมาแบบอัดแน่นในแผ่นแป้งตอร์ติญ่า คู่กับชีสและซอส Honey Mustard หวานมัน แถมใส่ผักแบบจัดเต็ม รับรองว่าถูกใจสายเฮลตีแน่นอน

หรือใครที่อยากจะลีนกว่านั้น Subway ก็ยังมีเมนูสลัดอีกด้วย! เหมาะสำหรับมื้อเบา ๆ ที่ได้เนื้อสัตว์กับผักไปแบบเน้น ๆ โดยที่สามารถเลือกท็อปปิงได้ตามชอบ หรือจะสั่งท็อปปิงตามเมนูที่ Subway เค้ามีจัดไว้ก็ได้ อย่างสลัดของเราวันนี้ก็เป็นเมนูสลัดไก่เทอริยากิ พร้อมซอส Sweet Onion กับ Mayonnaise หรือจะเปลี่ยนเป็นน้ำสลัดอย่างอื่นเช่น Thousand Island ก็ย่อมได้
4เลือกผัก
นับเป็นหนึ่งขั้นตอนที่ชอบมากที่สุดขั้นตอนหนึ่ง เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะกินผักทุกอย่าง! ขั้นตอนนี้ก็คือเราสามารถชี้ได้เลยว่าอยากกินผักอะไร ไม่กินผักอะไรบ้าง จะได้ไม่เจอผักที่ไม่ชอบ ผักที่ไม่กินมาขัดใจให้อารมณ์เสีย

5เลือกซอส
เป็นอีกขั้นตอนที่สนุกมาก เพราะนอกจากที่เราจะสามารถเลือกซอสได้ตามใจชอบแล้ว เรายังสามารถที่จะเลือกซอสได้มากกว่า 1 อย่าง! นำมาผสมเป็นซอสสูตรส่วนตัวได้ จะเก็บไว้กินเอง หรือจะแบ่งสูตรกับเพื่อนก็เอ็นจอยไม่น้อย

6เลือกอาหารชุด
มาถึงขั้นตอนสุดท้ายนั่นก็คือการเลือกชุดอาหาร ซึ่งอันนี้เราจะเลือกหรือไม่เลือกก็ได้ แต่สำหรับคนที่อยากกินแบบครบชุด ได้ทั้งน้ำอัดลมและคุกกี้ไว้กินล้างปากจบมื้อฟิน ๆ ก็จ่ายเงินเพิ่มเพียง 44 บาท

ได้ดูเมนู Subway แบบจัดเต็มกันไปแล้วเรามาทวนวิธีสั่ง Subway กันอีกที แค่เลือกขนาด เลือกขนมปัง เลือกเมนูไส้ ผัก และซอส เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วละค่ะ ต่อไปนี้เพื่อน ๆ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะยืนงงหน้าตู้ท็อปปิงอีกแล้ว!