"ชาเขียว" กับความลับที่นักดื่มชาต้องรู้
  1. "ชาเขียว" กับความลับที่นักดื่มชาต้องรู้

"ชาเขียว" กับความลับที่นักดื่มชาต้องรู้

เผยทุกความลับที่น่าสนใจในแบบฉบับชาเขียวที่คนรักการดื่มชาเขียวต้องไม่พลาด
writerProfile
17 ก.ค. 2018 · โดย

หลายคนคงไม่มีใครไม่รู้จัก "ชาเขียว" กันใช่ไหมล่ะ ? เพราะสมัยนี้หันไปทางไหนก็มีแต่ชาเขียวเต็มไปหมด และถ้าพูดถึงชาเขียวแล้วล่ะก็มั่นใจได้เลยว่าจะต้องนึกถึงกลิ่นหอม ๆ กับรสชาติที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้ลิ้มลอง แต่น้อยคนจะรู้เรื่องราวของชาเขียวแบบลึกซึ้ง วันนี้เพื่อไม่ให้เสียชื่อว่าเป็นสาวกชาเขียวแล้วล่ะก็ต้องอ่านบทความนี้กันให้ไวเลย

แม้จะดื่มกันบ่อย แต่หลายคนยังเข้าใจผิดคิดว่าชาเขียวคือรสชาติเดียวหรือประเภทเดียวกันหมดนั่นแหละ แต่จริง ๆ แล้วชาเขียวมีหลายประเภทที่มีรสชาติ กลิ่น สี รวมถึงที่มาที่ไปที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งวันนี้เราจะพาไปพบกับประเภทของชาเขียวที่ควรรู้จักกัน ตามมาได้เลย!

1ประเภทของชาเขียวที่ควรรู้จัก

1. เคียวคุโระ (Kyokuro)

ชาเคียวคุโระมีความหมายว่า “น้ำค้างหยก” ซึ่งสื่อถึงสีเขียวอ่อนของน้ำชาชนิดนี้ และชาชนิดนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นชาชั้นเยี่ยมในบรรดาชาเขียวญี่ปุ่น โดยต้นชาจะถูกคลุมด้วยเสื่อฟางในช่วงสัปดาห์ท้าย ๆ ก่อนการเก็บเกี่ยว ทำให้เกิดรสหวาน กาเฟอีนในชาซึ่งช่วยพัฒนาการทำงานของสมองและช่วยในการมองเห็น วิธีการชงเคียวคุโระแตกต่างไปจากการชงชาเขียวส่วนใหญ่เล็กน้อย โดยอุณหภูมิในการต้มจะต่ำกว่าและใช้เวลาแช่นานกว่า นอกจากนี้เคียวคุโระยังได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในชาที่มีราคาแพงที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย

เคียวคุโระ
เคียวคุโระ (Kyokuro)
เคียวคุโระ
เคียวคุโระ (Kyokuro)

2. เซนฉะ (Sencha)

เป็นชาที่ได้มาจากการเก็บเกี่ยวในเดือนแรกเท่านั้น จึงได้ชื่อเรียกว่า "ชาใหม่" โดยเซนฉะจะถูกนำไปนึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้ใบชาสูญเสียน้ำ ก่อนที่จะถูกนำไปรีด ปั้นเป็นก้อน ตากให้แห้ง และคัดแยกออกเป็นกลุ่มตามคุณภาพที่แตกต่างกันไป ใบชาเซนฉะมักจะมีรสหวานและสีเข้มกว่าชาเขียวจีน อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย และมีกลิ่นหอมสดชื่น ส่วนรสชาติของชาเซนฉะนั้นยังแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของน้ำที่ใช้ชงด้วย ซึ่งถ้าชงด้วยน้ำร้อนรสชาติจะยิ่งขม

เซนฉะ
เซนฉะ (Sencha)
เซนฉะ
เซนฉะ (Sencha)

3. เกนไมฉะ (Genmaicha)

เกนไมฉะมีชื่อเล่นอีกชื่อว่า “ชาป๊อปคอร์น” เพราะเสียงที่เกิดขึ้นเมื่อใบชาถูกนำไปคั่ว เกนไมฉะคือชาเขียวที่นำไปผสมกับข้าวกล้อง แรกเริ่มเดิมทีนั้นเป็นเครื่องดื่มของคนยากจนในญี่ปุ่นซึ่งนิยมเติมข้าวกล้องลงไปในชาหรือบรรดาคนที่อดอาหารตามวิถีปฏิบัติทางศาสนา แต่ปัจจุบันชาชนิดนี้เป็นที่นิยมของคนทั่วไป เพราะดื่มง่ายและยังช่วยปรับสภาพกระเพาะอาหารด้วยน้ำตาลและแป้งจากข้าวทำให้ชาชนิดนี้มีความอุ่นและมีรสคล้ายถั่วขณะที่ตัวใบชาจะให้กลิ่นคล้ายใบหญ้า สีของน้ำจะมีสีเหลืองอ่อน มีปริมาณคาเฟอีนน้อย

เกนไมฉะ
เกนไมฉะ (Genmaicha)
เกนไมฉะ
เกนไมฉะ (Genmaicha)

4. โฮจิฉะ (Hojicha)

ขณะที่ชาญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะถูกนำไปผ่านกรรมวิธีการนึ่ง แต่โฮจิฉะจะแตกต่างออกไป เพราะมันถูกนำไปคั่ว ทำให้ใบชาสีเขียวเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงและมีรสชาติของชาคั่วอย่างชัดเจน ปกติแล้ว ชาชนิดนี้จะทำจากใบชาบันฉะและเซนฉะ ที่ถูกเก็บในฤดูเก็บเกี่ยวครั้งสุดท้าย โดยกระบวนการคั่วจะช่วยลดระดับกาเฟอีนและความขมของชาลง ด้วยรสชาติอ่อน ๆ ทำให้ชาชนิดนี้เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมในยามเย็นและรสชาติของมันก็มีความแตกต่างหลากหลายโดยขึ้นอยู่กับความเข้มในการคั่วใบชา

โฮจิฉะ
โฮจิฉะ (Hojicha)
โฮจิฉะ
โฮจิฉะ (Hojicha)

5. มัทฉะ (Matcha) 

มัทฉะ คือผงชาเขียวบดละเอียดซึ่งในตอนต้นนั้น ถูกนำมาใช้ในพิธีชงชา "ชาโด" แบบดั้งเดิมและชงเพื่อรับรองแขกด้วยมารยาทที่งดงาม ด้วยความที่ชาชนิดนี้สามารถละลายน้ำได้จึงถูกนำไปใช้ทำนม ไอศกรีม และขนมหวานชนิดอื่น ๆ ชาชนิดนี้เต็มไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระและเป็นที่ชื่นชอบเพราะเมื่อดื่มแล้วจะรู้สึกสบาย รวมไปถึงยังมีรสชาติที่หวานและเข้มข้นผสมกันได้อย่างลงตัวอีกด้วย มัทฉะจะถูกปลูกในร่มในช่วงสามสัปดาห์ก่อนการเก็บเกี่ยวเหมือนกันกับเคียวคุโระ ส่วนวิธีการชงมัทฉะมี 2 แบบ ได้แก่ การชงแบบเข้มที่เรียกกันว่า "โคอิฉะ" และการชงแบบอ่อนหรือ "อุสุฉะ" นั่นเอง 

มัทฉะ
มัทฉะ (Matcha) 
มัทฉะ
มัทฉะ (Matcha) 

เครื่องดื่มชาเขียวปัจจุบันเป็นที่นิยมไปทั่วโลก และมีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น โดยมีชาเขียว 2 ชนิด ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก คือ "มัทฉะ" และ "กรีนที" แต่คนส่วนใหญ่มักแยกชาเขียว 2 ชนิดนี้ไม่ออก โดยเข้าใจว่าทั้งมัทฉะและกรีนที มีที่มาจากต้นชาเขียวคนละพันธุ์กัน มัทฉะคือชาเขียวญี่ปุ่น ส่วนกรีนทีก็คือชาเขียวทั่ว ๆ ไปมาจากหลาย ๆ ที่ เหตุเพียงเพราะว่าชื่อ "มัทฉะ" เป็นภาษาญี่ปุ่น ส่วน "กรีนที" เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษากลางของโลกแค่นั้นเอง

ความแตกต่างของ "มัทฉะ" และ "ชาเขียว"

ความแตกต่างกันของ "มัทฉะ" และ “ชาเขียว ที่ชัดเจนที่สุดคือลักษณะที่นำมาใช้ชง โดยมัทฉะจะมาในรูปแบบผงละเอียด ในขณะที่ชาเขียวโดยปกติจะมาในรูปแบบของใบชาแห้ง แต่ข้อแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดคงเป็นเรื่องของกรรมวิธีการเก็บชาที่ต้องบอกว่ามัทฉะจะมีความซับซ้อนมากกว่า

อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นข้อแตกต่างของ “มัทฉะ” และ “ชาเขียว” คือการนำไปใช้ โดยมัทฉะ นอกจากจะใช้ชงเครื่องดื่ม ร้อน เย็น หรือปั่นได้แล้ว ยังสามารถเอาไปทำขนม หรือไอศกรีมได้อีกด้วย ในขณะที่ชาเขียว (ชาใบ) สามารถใช้ชงเครื่องดื่ม ร้อน เย็น ปั่น ได้ แต่ไม่เหมาะที่จะไปทำขนม หรือไอศกรีม

ความแตกต่างของ "มัทฉะ" และ "ชาเขียว"
ความแตกต่างของ "มัทฉะ" และ "ชาเขียว"

2กรรมวิธีกว่าจะเป็นมัทฉะญี่ปุ่น

1) การปลูก
หัวใจสำคัญคือการปลูกในร่ม เมื่อใบชาเริ่มแตกยอดแล้วเพื่อไม่ให้ใบชากระทบแสงแดด เรียกได้ว่าเป็นการชะลอการเจริญเติบโตในช่วงนั้น ยอดใบชาที่ได้จึงมีสีเขียวเข้มมากขึ้น ให้รสชาติหวานไม่ขมอย่างที่หลายคนเข้าใจ

2) การเก็บเกี่ยว
การเก็บเกี่ยวใบชาต้องคัดสรรด้วยมือเท่านั้น โดยผู้เชี่ยวชาญในการเก็บใบชาจะเลือกช่วงที่ยอดอ่อนของใบชาบานสะพรั่ง

3) การอบใบชา
อบด้วยไอน้ำโดยใช้เวลาประมาณ 15 - 20 วินาที และจะพร้อมใช้งานได้ภายใน 12 - 20 ชั่วโมงหลังเก็บเกี่ยว

4) การเป่าแห้ง
จากขั้นตอนการอบไอน้ำใบชาที่งองุ้มจะถูกนำมาทำ “เคียวคุโระ” (Kyokuro) และ “เซนฉะ” (Sencha)ในขณะที่ใบชาที่ไม่งองุ้มจะถูกนำมาทำ “มัทฉะ” (Matcha) โดยจะใช้เครื่องเป่าที่ใช้ลมเย็น ๆ เบา ๆ ช่วยให้น้ำระเหยและแห้งตามต้องการโดยไม่ทำให้ใบชาเสียหาย

5) การบดเป็นผง
นำใบชาที่แห้งสนิทแล้ว มาบดต่ออีกที ซึ่งในสมัยก่อนนิยมใช้ครกหิน ขณะที่ปัจจุบันจะใช้เครื่องบดอัตโนมัติ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความร้อนน้อยที่สุดซึ่งจะช่วยรักษาคุณภาพและสารอาหารไว้

กรรมวิธีกว่าจะเป็นมัทฉะญี่ปุ่น
กรรมวิธีกว่าจะเป็นมัทฉะญี่ปุ่น

3คุณประโยชน์ของการดื่มชาเขียวแท้

ไม่ว่าจะเป็น "มัทฉะ" หรือว่า "กรีนที" นอกจากรสชาติที่ละมุนละไมและมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังแฝงไปด้วยประโยชน์มากมายต่อนักดื่ม การดื่มชาเขียวเป็นประจำในปริมาณที่พอเหมาะจะช่วยร่างกายได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น

- ดีต่อสุขภาพและสมอง

การดื่มชาเขียวสามารถช่วยป้องกันการก่อตัวขึ้นของคราบพลัค (Plaque) โดยมีความเชื่อมโยงกับการเป็นโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสันซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาท

- ลดระดับของน้ำตาลในเลือด
ชาเขียวมีสรรพคุณช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เสถียรในผู้ป่วยโรคเบาหวาน อีกทั้งการดื่มชาเขียวสามารถช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนอินซูลินในตับอ่อนและช่วยดูดซึมกลูโคสในผู้ป่วยเบาหวาน

- ดีต่อสุขภาพในช่องปาก
การดื่มชาเขียวช่วยทำให้สุขภาพช่องปากดีขึ้นและลดความเสี่ยงที่จะเกิดฟันผุ เนื่องจากในชาเขียวอุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอล (Polyphenols) และแคทีชิน (Catechins) ซึ่งมีฤทธิ์ในการกำจัดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดฟันผุ กลิ่นปาก และโรคเหงือก

- ชะลออความชรา
สารโพลีฟีนอล (Polyphenols) และสาร OPC (Oligomeric proanthocyanidins) ในชาเขียวที่ดื่มไปนั้นจะช่วยปกป้องผิวคุณจากอนุมูลอิสระ โดยสารชนิดนี้จะช่วยต่อสู้กับปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น ริ้วรอยก่อนวัย และจุดด่างดำต่าง ๆ

- ช่วยให้กระดูกแข็งแรง
ชาเขียวอุดมไปด้วยธาตุฟลูออไรด์ซึ่งเป็นหนึ่งในสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก อีกทั้งยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระและสารต่อต้านการอักเสบที่ช่วยป้องกันการสูญเสียมวลกระดูก

- ป้องกันผมร่วง
ใครมีปัญหาผมร่วง การดื่มชาเขียวช่วยได้ เพราะในชาเขียวอุดมไปด้วยสารแคทีชิน (Catechins) ช่วยป้องกันการเกิดผมร่วงและมีสาร EGCG (Epigallocatechin gallate) ซึ่งมีบทบาทในการช่วยกระตุ้นการงอกของผมอีกด้วย

คุณประโยชน์ของการดื่มชาเขียวแท้
คุณประโยชน์ของการดื่มชาเขียวแท้

4วิธีชงชา “มัทฉะ” แบบต้นตำรับญี่ปุ่น

ชาเขียวเป็นเครื่องดื่มที่คนไทยนิยมดื่มมากขึ้น โดยเฉพาะ “มัทฉะ” (Matcha) ซึ่งในปัจจุบันสามารถหาดื่มได้ง่าย หรือสามารถชงดื่มเองก็ได้ โดยใช้วิธีการชงตามแบบฉบับญี่ปุ่นต้นตำรับ ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในพิธีชงชาญี่ปุ่นสมัยก่อนที่เรียกกันว่า “ชาโด” หรือ “ชาโนะยุ”

วิธีชงมัทฉะถือเป็นเอกลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นว่าด้วยการใช้เวลาอย่างสุนทรีย์ เพื่อการพบปะกันในวงสังคม การดื่มชาได้แพร่หลายในบรรดาชนชั้นสูง ต้นฉบับของพิธีชงชาที่ปฏิบัติกันสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบันนั้นเกิดขึ้นครั้งแรกในยุคนาระ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านชาคือ เซนโนะ ริคิว (Sen no Rikyu) นั่นเอง โดยมีวิธีชงง่าย ๆ ที่เรารวบรวมเอาไว้ทั้งหมด 4 ขั้นตอนเท่านั้น

ขั้นตอนที่ 1:
- อุ่นถ้วยชา และแปรงชงชา ด้วยน้ำร้อนพักไว้ 10 วินาที แล้วจึงเทน้ำทิ้ง

ขั้นตอนที่ 2:
- ตักผงมัทฉะใส่ถ้วยประมาณ 1-2 กรัม

วิธีชงชา “มัทฉะ” แบบต้นตำรับญี่ปุ่น
วิธีชงชา “มัทฉะ” แบบต้นตำรับญี่ปุ่น
วิธีชงชา “มัทฉะ” แบบต้นตำรับญี่ปุ่น
วิธีชงชา “มัทฉะ” แบบต้นตำรับญี่ปุ่น

ขั้นตอนที่ 3:
- เทน้ำร้อนอุณหภูมิประมาณ 70-80 องศาเซลเซียสลงไปในถ้วย แล้วคนผงชาให้ละลาย

ขั้นตอนที่ 4:
- จากนั้นให้ใช้แปรงตีชาจนเกิดเป็นฟอง ถือว่าเสร็จเรียบร้อย พร้อมจิบสไตล์ญี่ปุ่น

วิธีชงชา “มัทฉะ” แบบต้นตำรับญี่ปุ่น
วิธีชงชา “มัทฉะ” แบบต้นตำรับญี่ปุ่น
วิธีชงชา “มัทฉะ” แบบต้นตำรับญี่ปุ่น
วิธีชงชา “มัทฉะ” แบบต้นตำรับญี่ปุ่น

5เทคนิคเก็บชาเขียวให้ใช้ได้นาน

ชาเขียวส่วนใหญ่ทั้งผงมัทฉะ และใบชาเขียวแห้งอื่น ๆ จะสามารถใช้ชงได้เป็นระยะเวลานานพอสมควร อย่างไรก็ตาม หากอยากให้ใช้ได้นาน ก็ต้องรู้จักเทคนิคการเก็บรักษาเพื่อจะได้คงไว้ซึ่ง กลิ่น สี รสชาติ พร้อมทั้งคุณภาพของชาเอาไว้ให้เสมือนตอนเปิดใช้ครั้งแรก มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง ?

1) หลีกเลี่ยงการว่างใกล้อาหารที่มีกลิ่น

ไม่ควรนำภาชนะที่มีกลิ่นมาบรรจุผงมัทฉะ หรือใบชาแห้ง หรือเก็บไว้ใกล้กับอาหารหรือสิ่งของที่มีกลิ่นเพราะผงมัทฉะนั้นมีคุณสมบัติดูดกลิ่นได้ดี ยิ่งถ้าเป็นมัทฉะ หรือใบชาแห้งคุณภาพและราคาแพงไม่ควรใช้มือหยิบแต่ควรใช้ช้อนที่แห้งสนิทตักจะดีที่สุด

2) หลีกเลี่ยงความชื้นที่ทำให้ใบชาเสื่อม
ความชื้นเป็นอีกหนึ่งตัวการสำคัญที่ทำลายคุณภาพของผงมัทฉะ หรือใบชาแห้งได้ง่าย ๆ ในกรณีที่ซื้อมัทฉะ หรือใบชาแห้งมาในปริมาณมาก ควรแบ่งใบชาใส่ภาชนะที่เล็ก ๆ และพอเหมาะกับการใช้ในแต่ละครั้ง เมื่อเปิดห่อที่บรรจุผงมัทฉะ หรือใบชาแห้งให้รีดลมออกให้หมด และปิดห่อทันที

3) หลีกเลี่ยงใบชาให้ห่างจากแสงแดด
ใช้ภาชนะทึบแสงและเก็บในตู้ที่ทึบแสง ซึ่งการเก็บใบชาควรหลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะที่แสงสามารถลอดผ่านได้ เนื่องจากมีผลเสียต่อผงมัทฉะ หรือใบชาแห้งและทำให้เสื่อมคุณภาพเร็วขึ้น

4) หลีกเลี่ยงการถูกอากาศโดยไม่จำเป็น
เพราะอากาศมีผลกระทบต่อสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในมัทฉะ หรือใบชาแห้งซึ่งจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสีผงมัทฉะ หรือใบชาแห้ง รวมถึงรสชาติที่อาจเปลี่ยนและผิดเพี้ยนไปจากเดิมได้เช่นกัน

ข้อควรระวัง: ควรชงชาให้พอเหมาะกับการดื่ม และให้ดื่มจนหมด ไม่ควรทิ้งไว้จนค้างคืน เพราะหากนำมาดื่มอีกครั้ง ชาที่สัมผัสกับอากาศอาจจะบูด และรสชาติหรือกลิ่นที่ไม่ดี อาจทำให้ท้องผูกได้

เทคนิคเก็บชาเขียวให้ใช้ได้นาน
เทคนิคเก็บชาเขียวให้ใช้ได้นาน

อ่านมาถึงตรงนี้ หลาย ๆ คนคงอยากเดินไปจิบชาสักถ้วยแลวใช่ไหมล่ะ ? แต่จะอย่าลืมดื่มชาทั้งทีต้องเลือกชาเขียวที่มีคุณภาพดีทั้งรสชาติ กลิ่น สี อย่างชาเขียวพร้อมชงตรา CHADO ที่มีทั้งมัทฉะและโฮจิฉะ ที่คัดสรรชาคุณภาพ คงความสดใหม่ โดยผ่านกระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน หอมกลิ่นมัทฉะ สะดวก ชงง่าย แถมดื่มได้ทุกที่ นักดื่มชาตัวจริงสนใจสามารถสั่งซื้อได้ผ่าน 3 ช่องทาง ดังนี้

- สั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ออนไลน์คลิก www.espressomanshop.com

- สั่งซื้อทาง LINE add ไปที่ @espressoman หรือคลิก http://bit.ly/2HMkZkR

- สั่งซื้อผ่านโทรศัพท์ โทร. 02-538-3345, 02-538-3184

CHADO