เอาล่ะค่ะ หลังจากที่ดูคลินิกที่น่าสนใจในการเสริมจมูกไปแล้วเราอยากพาทุกคนมาดูเพิ่มเติมอีกหน่อยว่าการทำศัลยกรรมจมูกสามารถทำได้แบบไหน และมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เผื่อใครที่อยากเสริมจมูกจะได้เก็บข้อมูลเอาไปคิดว่าจะทำแบบไหนทั้งนี้ราคาขึ้นอยู่กับแต่ละคลินิกและวัสดุที่ทุกคนเลือกใช้ในการเสริมจมูกนะคะ ฉะนั้นถ้าเรามีรายละเอียดในมืออย่างครบถ้วนตอนที่เราอยากเสริมจมูกจริง ๆ จะได้มีตัวเลือกที่ดีนั่นเองค่ะ
การเสริมจมูก คืออะไร?
Rhinoplasty หรือ การเสริมจมูก เป็นการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อทำการตกแต่งรูปทรงจมูกให้โด่งขึ้น สวยงามตามวัสดุที่ทุกคนสามารถเลือกเองได้ค่ะ ทั้งนี้การเสริมจมูกเป็นการเสริมความงามที่ค่อนข้างได้รับความนิยมมาก ๆ เพราะนอกจากจะเป็นการเพิ่มสมดุลให้กับใบหน้าแล้วยังเป็นการปรับโหวงเฮ้งได้ด้วย ทั้งนี้ใครที่มีปัญหารูปจมูกผิดปกติ ไม่ได้สัดส่วนหรือแม้แต่เกิดอุบัติเหตุจนเกิดความบกพร่องก็สามารถใช้การศัลยกรรมจมูกปรับรูปแบบให้สวยงามเข้ากับใบหน้าเพื่อเพิ่มความมั่นใจได้ค่ะ
การเสริมจมูกเหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่อยากทำศัลยกรรมเสริมจมูกควรมีอายุตั้งแต่ 18 - 20 ขึ้นไป เพราะช่วงอายุนี้จมูกจะเจริญเติบโตเต็มที่แล้วนั่นเอง
- สาว ๆ ที่อยากปรับรูปทรงของจมูกให้มีความโด่งมากขึ้นเข้ากับใบหน้า
- คนที่มีปัญหาในเรื่องของรูปทรงของจมูก
การเสริมจมูกมีความอันตรายไหม?
ต้องบอกว่าการเสริมจมูกเป็นการผ่าตัดศัลยกรรมอาจมีความเสี่ยงรวมถึงผลข้างเคียงต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว ทั้งนี้จะมากหรือน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละบุคคล ฉะนั้นก่อนที่ทุกคนจะเลือกเสริมจมูกควรเลือกคลินิกที่ปลอดภัยมั่นใจ ดูรีวิวให้เยอะ และเลือกคุณหมอที่มีประสบการณ์ได้จะดีมาก ๆ เพราะการเสริมจมูกไม่ควรตัดสินใจแบบเร่งรีบ ควรเลือกซิลิโคนและวิธีการทที่ถูกใจเพื่อความปลอดภัยหลังจากการเสริมจมูกแล้วนั่นเอง
การเสริมจมูกมีทั้งหมด 2 แบบ คือ การเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty) และ การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty)
การเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty) เป็นการเสริมจมูกที่ได้ความนิยมมานานมากแล้ว ซึ่งเป็นการผ่าตัดจากด้านในทำให้มีรอยแผลขนาดเล็กมาก ๆ มองภายนอกจะไม่เห็นบาดแผลมีการบวมช้ำน้อย เป็นการเสริมจมูกที่ใช้ซิลิโคนเข้าไปในบริเวณสันจมูกจนถึงปลายจมูกแบบที่เป็นแท่งตรง ๆ ที่ทำให้จมูกดูยาวขึ้น และ แบบทรงตัวแอล ที่ทำให้จมูกของเราดูมีมิติมากขึ้น การเสริมจมูกแบบปิดจะใช้เวลาในการทำไม่นานมากเพราะไม่ได้เป็นการเปลี่ยนโครงสร้างของจมูกทำแค่เสริมให้จมูกโด่งขึ้นมาจากการใส่ซิลิโคนเป็นส่วนใหญ่ค่ะ ร่วมถึงอาจมีการใช้กระดูกอ่อนบางส่วนมาช่วยเหมาะกับสาว ๆ ที่มีทรงจมูกดีอยู่แล้วไม่ได้มีปัญหาเรื่องของจมูกมากนัก หรือคนที่มีจมูกทรงสั้น ทั้งนี้เนื้อจจมูกต้องไม่น้อยจนเกินไปเพราะถ้าเนื้อจมูกน้อยอาจจะทำให้จมูกทะลุได้
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบปิด : ใช้เวลาในการพักฟื้นน้อยเหมาะกับสาว ๆ ที่มีเวลาจำกัด อีกทั้งยังแผลเล็ก พักฟื้นได้ไว บวมช้ำน้อย และได้ทรงจมูกที่ดูสวยราคาไม่แพง
ข้อเสียของการเสริมจมูกแบบปิด : หากใช้งานไปนาน ๆ อาจจะทำให้จมูกทะลุ หรือว่าเบี้ยวได้เนื่องจากไม่เห็นโครงสร้างของจมูกภายใน
การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) สำหรับการเสริมจมูกแบบเปิดเป็นวิธีการทำที่พึ่งได้รับความนิยมในช่วงหลัง ๆ ค่ะ เพราะว่าการเสริมจมูกแบบเปิดเป็นการผ่าตัดเสริมจมูกช่วยในการปรับโครงสร้างโดยตรง ทำให้สามารถเสริมจมูกได้เข้ารูปทรงของจมูกได้ ฉะนั้นใครที่มีปัญหาเรื่องของจมูกสั้น เนื้อจมูกน้อย หรือผ่านการเสริมจมูกมาก่อนแล้วและต้องแก้หลาย ๆ รอบอาจใช้วิธีการเสริมจมูกแบบเปิดได้ค่ะ ซึ่งการเสริมจมูกแบบเปิดจะแตกต่างจากการทำแบบปิดเพราะจะใช้เลือกใช้กระดูกบริเวณซี่โครงแทน (เป็นส่วนของกระดูกอ่อนนะคะ) การเสริมจมูกแบบนี้จะช่วยป้องกันปัญหาจมูกทะลุ และป้องกันการเกิดผลแทรกซ้อนหลังจากการผ่าตตัดได้ค่ะ เนื่องจากเป็นชิ้นส่วนภายในร่างกายของผู้เสริมจมูกเอง ทำให้มีความปลอดภัยและดีกว่าการใส่ซิลโคนด้วย
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบเปิด : การเสริมจมูกแบบเปิดสามารถแก้ปัยกาได้อย่างตรงจุด และช่วยปรับโครงสร้างสำหรับคนที่มีปัญหาจมูกมาก ๆ ทำให้ได้ทรงจมูกที่สวยสามารถทำทรงจมูกได้หลายทรง และสามารถปรับแต่งให้เป็นทรงที่เหมาะสมได้ มีความปลอดภัยเพราะมี้เป็นชิ้นส่วนในร่างกายทำให้โครงสร้างของจมูกมีความแข็งแรง
ข้อเสียของการเสริมจมูกแบบเปิด : เป็นการผ่าตัดค่อนข้างยาก ใช้เวลานาน ทำให้ต้องเลือกคลินิกและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญประสบการณ์สูง ต้องระวังภาวะแทรกซ้อนจากการทำจมูกเช่นแผลผ่าตัด หรือว่าทรงจมูกมีปัญหา เป็นต้น นอกจากนี้การเสริมจมูกแบบนี้จะทำให้เห็นแผลชัดเจนที่ใต้จมูก มีราคาแพงกว่าการเสริมจมูกแบบปิดเนื่องจากเป็นการปรับโครงสร้างของจมูก สุดท้ายจะต้องใช้การดูแลเป็นพิเศษมีข้อห้ามที่ค่อนข้างเยอะในการดูแลตัวเอง
การเสริมจมูกแบบปิด และ การเสริมจมูกแบบเปิด ต่างกันอย่างไร?
มาดูความแตกต่างของการเสริมจมูกันหน่อยดีกว่าค่ะ การเสริมจมูกแบบปิด เป็นการเสริมจมูกขนาดเล็กอาจใช้แค่ยาชาระหว่างการผ่าตัด ใช้เวลาในการทำประมาณ 60 - 90 นาที แล้วแต่เคสก่อนที่จะนำเอาซิลิโคนเข้าไปเสริมจมูก ซิลิโคนจะต้องถูกนำไปเหลาให้ได้รูปก่อนโดยการตะไบที่ฐาน ปรับทรง เพื่อให้ซิลิโคนได้รูปทรงมากขึ้น แต่การเสริมจมูกแบบเปิด จะเป็นการผ่าตัดใหญ่ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ยานอนหลับระหว่างการทำการผ่าตัด ใช้เวลาในการทำ 3 - 4 ชั่วโมง แล้วแต่เคสเหมือนกันค่ะ ทั้งนี้ก่อนเสริมจมูกจะต้องทำการปรับโครงสร้างของจมูกให้ได้รูปทรงก่อน โดยคุณหมอจะประเมินว่าปรับโครงสร้างยังไงบ้าง เมื่อปรับโครงสร้างเสร็จก็จะทำการใส่กระดูกอ่อนเข้าไปเพื่อเสริมให้จมูกได้ทรงที่โด่งขึ้น
การเสริมจมูกแบบไหนเหมาะกับใครบ้าง?
- การเสริมจมูกแบบปิด – เหมาะหับคนที่มีโครงสร้างจมูกดีอยู่แล้วในส่วนของปลายจมูกมีเนื้อจมูกไม่น้อยจนเกินไป และเหมาะกับคนที่ต้องการเสริมจมูกแบบที่ไม่โด่งมากจนเดินไป ประมาณ 3 - 5 mm ไม่อย่างนั้นอาจจะเสี่ยงต่อการทะลุได้ค่ะ รวมถึงเหมาะกับที่ไม่ชอบให้เห็นรอยแผลและไม่ต้องพักฟื้นนาน ๆ นั่นเองค่ะ
- การเสริมจมูกแบบเปิด – สาว ๆ ที่มีปัญหาในเรื่องของโครงสร้างจมูก ไม่ว่าจะเนื้อจมูกน้อย จมูกสั้น จมูกเบี้ยวเสียรูป รวมถึงคนที่เคยผ่านการเสริมจมูกมาแล้วเกิดปัญหากฌสามารถใช้วิธีการเสริมจมูกแบบเปิดในการปรับรูปทรงได้เหมือนกันค่ะ เพราะการเสริมจมูกแบบเปิดจะทำให้ได้ทรงจมูกที่ยาวขึ้น ได้สัดส่วนของจมูกที่ดี และไม่ต้องกังวลเรื่องจมูกทะลุ
Source : เทคนิคการเสริมจมูก, การเสริมจมูกและความอันตรายสาว ๆ คนไหนอยากทำจมูกครั้งแรกให้สวย นอกจากจะต้องเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือได้แล้ว การเลือกคุณหมอเสริมจมูกที่เก่งและมากประสบการณ์ ก็จะทำให้จมูกที่ได้สวยงามปลอดภัยเป๊ะและปังมากยิ่งขึ้น บอกเลยว่าการ
เสริมจมูกครั้งแรกไม่ใช่แค่การเลือกหมอค่ะ แต่ต้องดูเรื่องทรงจมูกด้วย ซึ่งนับเป็นสิ่งที่คนทำจมูกครั้งแรกกควรให้ความสำคัญมาก ๆ ค่ะ เพราะคุณหมอแต่ละท่านมีดีไซน์และเทคนิคที่ใช้แตกต่างกัน ถึงจะใช้ซิลิโคนเหมือนก็ได้รูปทรงที่ต่างอยู่ดี เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจทำจมูกครั้งแรก ต้องศึกษารูปทรงจมูกของคุณหมอท่านนั้น ๆ ด้วยค่ะ
บทความที่น่าสนใจอื่น ๆ