พูดถึงถนน “หลานหลวง” หลายคนอาจจะงงว่าอยู่ตรงไหน ถนนเส้นนี้อยู่ในย่านเมืองเก่าในเกาะรัตนโกสินทร์ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากภูเขาทองและราชดำเนินค่ะ เหตุผลที่ชื่อว่า “หลานหลวง” เพราะตัดในปลายสมัยรัชกาลที่ 5 ตั้งตามสถานที่สำคัญที่ถนนตัดผ่าน คือกลุ่มวังทั้ง 6 ของพระโอรสในสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนรัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์ ซึ่งมีฐานะเป็นพระนัดดาในรัชกาลที่ ๕ จึงได้ตั้งชื่อว่า "ถนนหลานหลวง" นั่นเองค่ะ

1เช็คอินคาเฟ่ไม้สุดเท่ในกรุงเก่า Life & Kuisine
เรามาเริ่มที่ร้านคาเฟ่น่ารัก Life & Kuisine กันก่อน พิกัดร้านอยู่ตรงข้ามร้านโกปี๊ เฮี๊ยะไถ่กี่ ถนนผ่านฟ้า มาถึงนี่สังเกตเห็นง่ายมากเลย ตัวร้านตึกแถวทาสีฟ้าสดใส พอเปิดประตูเข้ามาด้านในจะเห็นการตกแต่งแบบดิบเท่สไตล์ไบค์เกอร์ ตัวร้านเพดานสูงแต่งสไตล์วินเทจลอฟต์ มีทั้งมุมโซฟาสีเข้มดูเป็นส่วนตัว และโต๊ะไม้เท่ ๆ น่านั่ง

เมนูส่วนใหญ่ของที่ร้านมาจากคุณจ๋า ยศสินี ผู้จัดละครช่อง 3 ที่เป็นหุ้นส่วนและเชฟของทางร้านค่ะ มีทั้งอาหารฝรั่งแบบโฮมมี่ทานง่ายของครอบครัว ทานได้ทุกวัน และเครื่องดื่มร้อน-เย็นทั้งชา กาแฟ โดยเฉพาะกาแฟของที่นี่มีทั้งเมล็ดกาแฟนอก “LK Kustom blend” เบลนด์พิเศษของร้านและเมล็ดกาแฟไทย “LK Thai House Blend”ด้วยค่ะ ประทับใจ “Hot Latte” (105-) เสิร์ฟในถ้วย double wall จับแล้วไม่ร้อน เสิร์ฟมาในอุณหภูมิพอเหมาะแบบที่ยกดื่มได้เลย


เมนูสำหรับคนที่รักสุขภาพ “Grilled Salmon and Salad” (420-) เป็นแซลมอนสดกริลล์แบบสุกกำลังดี หนังกรอบกรุบ ราดด้วยซอสโฮมเมดกินกับผัก spinach ที่แคลอรีต่ำ และ superfood อย่างเมล็ดควินัวค่ะ ใครที่มาสายเฮลตีนี่ต้องสั่งเลย

2ถ่ายรูปกับบรรยากาศเมืองเก่า
แดดร่มลมตก อากาศกำลังดี เดินจากร้านไปอีกนิดเลยขอแวะถ่ายรูปชิค ๆ กับรถเก่ากับบรรยากาศคลาสสิคซะหน่อย เห็นแล้วมันอดใจไม่ไหวต้องบิดไหล่ บิดเอว จิกหน้า บอกเลยว่าย่านนี้จุดถ่ายรูปสวยเพียบค่ะ ไม่ว่าจะเป็นตรงถนนผ่านฟ้า และเส้นถนนหลานหลวง


3จิบโกโก้ กินขนมเค้กในร้านสุดคลาสสิค Eden’s
มาต่อกันที่ร้านคาเฟ่เปิดใหม่สุดสวย Eden’s ร้านนี้อยู่ตรงข้ามกับตึกการบินไทย หลานหลวงเลยค่ะ ตัวร้านเป็นห้องแถวเล็ก ๆ โดดเด่นตั้งแต่ตั้งแต่หน้าร้านที่ตกแต่งด้วยสีดำกับตัวอักษรร้านสีทองสไตล์วินเทจ เปิดประตูเข้ามาด้านในเหมือนกับหลุดไปอยู่เมืองนอกไปชั่วขณะ ด้วยเฟอร์นิเจอร์กับบรรยากาศแสนคลาสสิค บอกเลยว่ายกกล้องขึ้นมาถ่ายมุมไหนก็สวยไปหมดเลยค่ะ

เมนูซิกเนเจอร์ที่ต้องลองเลยคือเหล่าเค้กโฮมเมดที่ร้านทำเอง “Dark Chocolate Beer Cake” (150-) เค้กเบียร์สุดชุ่มฉ่ำ เนื้อนุ่มฟูเข้ากับครีมชีสด้านบน ไม่หวานมากและยังมีกลิ่นเบียร์จางหอม พิเศษมากเลย นอกจากนี้ยังมี Hot Cocoa สุดเข้มข้น ไม่หวานมาก พร้อมกับมาร์ชเมลโล่นุ่ม ๆ โรยด้วยผงโกโก้เจ้ม ๆ ใส่มาให้ โอ๊ย ชุบชูใจเรามาก ๆ แต่แอบกระซิบว่าควรไปตั้งแต่เช้าหรือไปวันธรรมดาจะดีกว่านะคะ เพราะว่าฮอตฮิตมาก เค้กหมดเร็วมากค่ะ :)

4ดินเนอร์ในร้านสวยโรแมนติก Seven Spoons
นั่งชิลล์แป๊บเดียวหันไปดูอีกทีฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีแล้วค่ะ บรรยากาศเริ่มมืดลงแบบนี้ก็ได้เวลาไปดินเนอร์กันแล้ว เซตเป้าหมายไว้ที่ร้าน Seven Spoons ร้านอาหารฝรั่งบรรยากาศสวย รีวิวดี เราเดินลัดเลาะมาตามแผนที่ใน Wongnai แป๊บเดียวก็มาหยุดอยู่ที่หน้าร้าน สะดุดตาด้วยไฟสีส้ม มองเข้าไปเห็นตัวร้านตกแต่งด้วยไม้อารมณ์วินเทจเล็ก ๆ เข้ากับบรรยากาศถนนสายเก่าของที่นี่ สวยโรแมนติกมากจนอยากพาแฟนมาด้วยเลย

เดินเข้ามาเจอกับบอร์ดเขียนเมนู Recommened ของที่ร้าน เลยสั่งเมนูแรกที่เขียนเลยค่ะ “Angel Hair Pasta with Crab Meat” (340-) พาสต้าเส้นแองเจิลแฮร์ผัดเส้นเล็กผัดกับเนื้อปูที่แกะมาแล้วพูน ๆ เข้ากับซอสเข้มกลมกล่อม จานนี้ลองคำแรกแล้วหยุดไม่ได้เลยทีเดียวดีงามมาก


ต่อไปยาว ๆ กับเมนู “Creamy Risotto Mushroom” (340-) ริซอตโตเห็ดสุดแสนจะครีมมี่ เจ้มจ้นแบบที่กินคำแรกแล้วต้องตบอก โอมายกอช! มันดีย์มาก!

5กินไอศกรีมในร้านโรงพิมพ์สุดชิค Hazel’s Ice-cream Parlor
อิ่มหนำกับอาหารเย็นกันไปแล้ว เราก็เดินต่อจากร้าน Seven Spoons มาอีกหน่อย มาหยุดที่ร้านไอศกรีมสุดวินเทจที่ Hazel’s Ice-cream Parlor and Fine Drinks ร้านนี้เก๋ตั้งแต่ประตูยันหลังคา ความพิเศษคือเป็นโรงพิมพ์เก่าค่ะ เปิดเข้าไปปุ๊บก็เจอเครื่องพิมพ์ตั้งอยู่ วินเทจทั้งเฟอร์นิเจอร์ยันชุดของพี่พนักงานเลย แถมยังเปิดเพลงแจ๊สคลอให้บรรยากาศอีกต่างหาก ตัวร้านมี 2 ชั้น เลือกนั่งตรงชั้นล่างหรือชั้นบนก็มีมุมเก๋ ถ่ายรูปสวยทุกจุดค่ะ

เมนูของที่ร้านก็มีทั้งไอศกรีมต่าง ๆ ทั้งแบบรสชาติปกติและแบบผสมแอลกอฮอล์ (รสชาติไอศกรีมสลับเปลี่ยนตลอด บางทีก็มีเมนูพิเศษ) จะสั่งเป็นสกู๊ปเปล่า ๆ หรือสั่งเป็นไอศกรีมซันเดย์ก็ยังได้ แถมยังมีค็อกเทลหลากรสให้เลือกลองอีกด้วยค่ะ


ซันเดย์น่ารักกรุบกริบ “Strawberries Gone Wild Sundae” (220-) ไอศกรีมสตรอว์เบอร์รีซันเดย์ เสิร์ฟมาได้เก๋ไก๋ชวนให้นึกถึงสมัยขุ่นแม่ยังสาว ตัวนี้ที่ร้านราดด้วยซอสสตรอว์เบอร์รี ด้านในยังมีเมอแรงค์ ท็อปด้วยวิปครีม และวาฟเฟิลสุดกรุบ หวานหอมกลมกล่อม ครบสูตรความเป็นซันเดย์จริง ๆ ค่ะ

เมนูโปรดของเรา “Creme Brûlée Hazelnut” เป็นไอศกรีมช็อกโกแลตผสมถั่วฮาเซลนัทกรุบกรอบ เวลากินก็เอาช้อนกระเทาะตัวเครมบูเล่ออกมา ตักกินกับเนื้อไอศกรีม และวาฟเฟิล แถมยังมีซอสคาราเมลหวานหอมราดผสมมาด้วย โอยยยยย~ ดีงามแบบลืมไปเลยว่าอยากลดความอ้วนอยู่


ร้านนี้เปิดตอน 5 โมงเย็นนะคะ และตอนนี้มีวงดนตรีมาเล่นด้วยในวันศุกร์ช่วง 3 ทุ่มค่ะ
6ฟังเพลงเคล้ากับแกล้มที่ Mad Moa
ปิดท้ายด้วยการไปนั่งชิลล์ที่ร้านคนฮิป บรรยากาศทรอปิคัล Mad Moa ร้านนี้สามารถเดินต่อมาจาก Hazel’s ได้เลยค่ะ การตกแต่งออกเน้นด้วยไม้เป็นหลักให้บรรยากาศแบบทรอปิคัลด้วยผ้าสีสดกับต้นไม้สีเขียว น่ารักไม่เหมือนใคร ตัวร้านมีที่นั่งทั้งด้านในและด้านนอก เหมาะกับการนั่งชิลล์ยาว ๆ พร้อมกับสั่งกับแกล้มมาทานค่ะ

เราเลือกสั่งเป็น “Chicken Wings” (220-) วิงส์ไก่คลุกน้ำซอสสุดเข้มข้นเหมาะกับการสั่งมาแย่งกินกับเพื่อน แทะกันให้มันส์มือ พร้อมกับจิบเครื่องดื่ม นอกจากนี้ทางร้านมีพวกเบอร์เกอร์ ของทอด ของทานเล่นอื่น ๆ อีกเพียบด้วยนะคะ


ลิสต์ร้านมาให้ขนาดนี้แล้ว ใครที่อยากบุกเมืองเก่า ตามรอยเราก็ไปกันได้เลยนะคะ ตามแผนที่ใน Wongnai ได้เลย รับรองว่าหาไม่ยาก หรือถ้ายังไม่สะใจ เรายังมีบทความพาไปร้านลับร้านใหม่ในท่าเตียนให้ไปอ่านกันต่อได้ที่นี่เลย!