#วงในบอกมา
4 Hands Dinner ไม่ได้มีความหมายแฝง แต่สื่อตรงตัวว่าเป็นดินเนอร์สุดเอกซ์คลูซีฟที่เชฟ 2 คน มาทำร่วมกัน จึงมีทั้งหมด 4 มือ นั่นเอง
โอกาสที่เชฟมากกว่า 2 คน จะมาทำงานร่วมกันก็มีให้เห็นไม่มาก บางครั้งจึงเกิดเป็น 6 Hands Dinner ที่เชฟ 3 คน มาทำอาหารร่วมกัน แต่ก็เป็นเชฟหลักและเชฟขนมหวานของร้านไปชวนเชฟรับเชิญมาทำดินเนอร์ด้วยกัน
มื้ออาหารที่ผ่านการทำโดยเชฟ 2 คน โดยที่ไม่ได้พูดคุยกันมาก่อน ก็ไม่ต่างจากเชฟต่างคนต่างโชว์อาหารของตัวเอง
ไม่ใช่เทรนด์ใหม่ในวงการอาหารและเชฟ เพียงแต่ว่าในช่วงนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จน Wongnai ก็อดไม่ได้ที่จะนำมาเล่าสู่กันฟัง เพียงเดือนเดียวเรามีโอกาสไป 4 Hands Dinner ดินเนอร์สุดเอกซ์คลูซีฟที่มีเมนูพิเศษจากเชฟชื่อดังถึง 3 มื้อ ไม่นับรวม 4 Hands Dinner ที่จะเกิดขึ้นอีกครั้งในเดือนนี้ เดี๋ยวเราจะสรุปให้ฟังในตอนท้าย
4 Hands Dinner ไม่มีอะไรซับซ้อน คือ มื้อดินเนอร์ที่เชฟ 2 คน จากร้านอาหาร 2 แห่ง ตกลงกันว่าจะทำมื้อดินเนอร์ร่วมกันที่ร้านใดร้านหนึ่ง หรือบางครั้งเชฟก็สลับกันไปทำมื้ออาหารร่วมกันทั้ง 2 ร้าน ทำให้คนกินได้ประโยชน์ แถมยังได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอาหารของกันและกันไปด้วยในตัว วันนี้เราจะมาเล่าถึงอาหาร 4 Hands Dinner ทั้ง 3 มื้อ ที่เรามีโอกาสได้ไปกินมาเมนูพิเศษจากเชฟชื่อดัง
มื้อแรก “The Italian Jobs Vol.5” ที่ร้าน La Scala ของโรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ มื้ออาหาร 4 Hands Dinner ของที่นี่ล่วงเลยมาถึงมื้อที่ 5 แล้ว ภายใต้คอนเซปต์เก๋ด้วยการชวนเชฟอาหารอิตาเลียนมาทำมื้ออาหารด้วยกัน แน่นอนว่าวัฒนธรรมอาหารที่ใกล้กันทำให้อาหารมื้อนี้ไปกันด้วยดี มีการแอบมีปล่อยของของตัวเองบ้างเป็นระยะ
เชฟ David Tamburini เชฟของ La Scala ได้ชวนเชฟ Fabrizio Crocetta เชฟใหญ่จากร้านอาหาร BVLGARI Il Ristorante - Luca Fantin จากบาหลี อินโดนีเซีย มาร่วมกันปรุงดินเนอร์อาหารอิตาเลียน 7 คอร์ส โดยเชฟ Fabrizio นำเอาอาหารอิตาเลียนที่ใส่ความเป็นญี่ปุ่นลงไปด้วยมาทำ เนื่องจากเชฟ Luca Fantin วางคอนเซปต์ของอาหารไว้แบบนั้น
เชฟรับเชิญทำเป็น “Carpaccio De Capesante, Mais Ed Agrumi” หอยเชลล์ฮอกไกโดคาปาชิโอกับซอสข้าวโพดผสมส้มยูซุ ตามด้วยจานของเชฟเจ้าบ้าน “Buttuta di Wagyu “Bruciato”” ทาร์ทาร์เนื้อวากิวรมควันกับมะเขือม่วง แต่จานที่เป็นไฮไลต์ของเชฟรับเชิญเป็น “Spaghetti "Monograno Felicetti", Ai Ricci Di Mare” ไอเดียมาจากหมี่เย็นของญี่ปุ่น แต่เชฟทำเป็นสปาเกตตีเย็นคลุกกับไข่หอยเม่นที่รสชาติริชมาก ส่วนของเชฟเจ้าบ้านเราว่าอยู่ที่เมนคอร์ส “Abbacchio Laziale, Vignarola Di Stagione” เนื้อซี่โครงลูกแกะอิตาเลียนที่ไม่ใหญ่เท่ากับแกะออสเตรเลีย แต่นุ่มละมุนจากการเลี้ยงด้วยน้ำนม
มื้อที่ 2 "Le Du x Happy Paradise" ที่ร้านฤดู เราแทบจะกรี๊ดดัง ๆ เมื่อเห็นเชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร พาเชฟ May Chow เจ้าของร้าน Happy Paradise ในฮ่องกง ไปกินอาหารและซื้อวัตถุดิบในเยาวราชก่อนที่มื้ออาหารนี้จะเกิดขึ้นจริง
เชฟ May เคยมาเปิดร้านอาหาร Little Bao ในกรุงเทพฯ เมื่อหลายปีก่อน หลังจากที่เธอได้ตำแหน่งเชฟผู้หญิงที่ดีที่สุดของเอเชีย หลังจากนั้นเธอเปิดร้านอาหารแห่งใหม่ในย่านเซ็นทรัลในชื่อ Happy Paradise แน่นอนว่าเราเคยกินอาหารที่ร้านนี้และเราชอบมาก เมื่อมาทำร่วมกับเชฟต้นจึงทำออกมาในแนวของเอเชี่ยน ไทย-จีน ที่ไปด้วยกันได้ดี
จานที่เราว่าเชฟคุยกันอย่างดีเป็น “Stuffed Chicken Wing” เชฟ May ทำไก่ยัดไส้แบบจีนที่เอากระดูกออกหมดแล้วยัดด้วยไส้ที่รสชาติคล้ายกับทอดมันไทย ไอเดียนี้ได้มาหลังจากได้กินทอดมันปลากรายข้างถนนในกรุงเทพฯ และให้เชฟต้นแนะนำวิธีทำ จานต่อมา “Crab / Peanut / Curry” เมนูของฤดูที่ไอเดียมาจากขนมจีนน้ำพริก “Seared Skirt Steak Noodles / Himawari Beef Skirt Steak” จานนี้เป็นซิกเนเจอร์ในฮ่องกง แต่ปรับมาใช้เนื้อวัวไทยอย่างเนื้อฮิมาวาริ ผัดเส้นใหญ่กับกานาฉ่าย และมะนาวดอง และของหวานของเชฟต้น “Jackfruit / Its Seeds / Tamarind” ไอศกรีมขนุน เม็ดขนุนต้มซีรัป ราดด้วยคาราเมลมะขาม และครัมเบิลชาร์โคล
และมื้อสุดท้าย "Friends of 80/20 Series: Chef Jimmy Lim of JL Studio" เชฟโจ-ณพล จันทรเกตุ และเชฟ Saki Hoshino 2 สามีภรรยาเจ้าของร้าน 80/20 ได้ชวนเพื่อนเชฟชาวสิงคโปร์ที่ไปโด่งดังในเมืองไถจง ไต้หวัน เชฟ Jimmy Lim เจ้าของร้าน JL Studio ที่ไปคว้ารางวัลร้านอาหารน่าจับตามองของเอเชียมาเมื่อต้นปี
มื้อนี้จะเรียกว่า 6 Hands Dinner ก็ได้ เนื่องจากเชฟโจกับเชฟ Jimmy ทำอาหารคาว และเชฟ Saki กับเชฟ Jimmy ทำของหวานด้วยกันออกมาถึง 15 คอร์ส โดยนำเอาวัตถุดิบไทยมาใช้เป็นส่วนใหญ่ “Beef Tartare” ที่นำดอกงิ้วมาจับคู่กับเนื้อและน้ำปลาคาราเมล ตามด้วยซุปของเชฟโจ “Chicken Essence and Bua Loy” ซุปไก่เข้มข้นที่ให้ฟีลเหมือนกำลังกินบัวลอยน้ำขิง
ตามด้วยซิกเนเจอร์ของเชฟ Jimmy กับเมนู “PORKY” ที่มาเป็นกล่องแบบป๊อกกี้ แต่ด้านในคือหมูบัควาจากสิงคโปร์และเม็ดพริกไทยจากไต้หวัน ที่สื่อตัวตนของเชฟ ปิดท้ายด้วยของหวาน “Honey” น้ำผึ้งอีสานกับมะยงชิดซอร์เบต์ของเชฟ Saki และ “Yaw Kun Kopitiam 2017” ของเชฟ Jimmy สังขยาในไข่กินได้ มาพร้อมกาแฟโทนิก
ส่วนในเดือนนี้ยังมี 4 และ 6 Hands Dinner ให้ชิมอีกถึง 3 มื้อ มื้อแรก “Celadon Meets Chim”เชฟรสริน ศรีประทุม ห้องอาหาร Celadonโรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ ชวนเชฟหนุ่ม-ธนินทร จันทรวรรณ ร้านChim By Siam Wisdomมาทำดินเนอร์อาหารไทยในวันแม่แห่งชาติ วันที่ 12 สิงหาคม 2562 กับเทสติ้งเมนูอาหารไทย ราคา 3,000++ บาท
มื้อที่ 2 “6 Hands Dinner with Chatchai Klanklong” โดยเชฟอ้อม-สุจิรา พงษ์มอญ และเชฟเปเปอร์-อริสรา จงพาณิชกุล ได้ชวนเชฟ Chatchai Klanklong จากร้าน L’Orchidée ร้านอาหารไทยหนึ่งเดียวที่ได้ 1 ดาวมิชลินจากฝรั่งเศส มาร่วมปรุงอาหารที่ร้าน Saawaan ใันวันที่ 18-19 สิงหาคม 2562 กับอาหาร 9 คอร์ส ราคา 4,950++ บาท
มื้อที่ 3 “Le Du x Ode” เป็นการพบกันของเชฟต้น และเชฟ Yusuke Namai จากร้าน Ode โตเกียว ในวันที่ 21-22 สิงหาคม 2562 ที่ร้าน Le Du กับอาหารแพริ่งไวน์ ราคา 5,999++ บาท
และมื้อสุดท้าย “Friends of 80/20 Series: Chef Ryohei Hieda of Shoun RyuGin” เชฟชาวญี่ปุ่นจากร้านอาหารในไต้หวันที่จะมาที่ 80/20 ในวันที่ 22-23 สิงหาคม 2562 กับอาหาร 10 คอร์ส ราคา 4,900++ บาท
ติดตามเรื่องราวร้านอาหารดี ๆ จาก #ห้ามพลาด ที่จะมาเล่าเรื่องราวของร้านอาหารมากกว่าเพียงรีวิวร้านอาหารใหม่ แต่อาหารมีเรื่องราวซ่อนอยู่เสมอ อ่านต่อได้ที่