เชื่อว่าสถานการณ์ในตอนนี้การออกไปสนับสนุนร้านอาหารด้วยการกินที่ร้านไม่ใช่ทางออกแล้ว เพราะประกาศฉบับที่ 2 ที่ออกมาเมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา จึงเกิดการสร้างกระแสสังคมที่เรียกว่า Social Distancing #ห่างกันสักพัก เพื่อขอให้ทุกคนอยู่บ้าน ทำให้ร้านอาหารเหลือทางเลือกเพียงการเดลิเวอรี และเทคอะเวย์ วันนี้เรามี 5 ส่ิงที่คนกินอย่างเราจะช่วย #saveร้านอาหาร ให้อยู่รอดผ่านวิกฤตนี้ไปได้ด้วยกัน #สปดกรจรกม
1สั่งอาหารเดลิเวอรี ตามกำลังทรัพย์ที่มีอยู่
แน่นอนว่าไม่ใช่ร้านอาหารที่กระทบในวิกฤตนี้ เราเองก็เช่นกัน เนื่องจาก “อาหาร” คือปัจจัย 4 โดยเฉพาะคนที่ทำอาหารไม่เป็น การสั่งอาหารเดลิเวอรีจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าร้านอาหารที่กระทบมากที่สุด ก็คือร้านอาหารที่ไม่มีประสบการณ์การทำเดลิเวอรีมาก่อนเลย การเรียนรู้ในการเดลิเวอรีชั่วข้ามคืนจึงเป็นเรื่องยาก และอีกกลุ่มคือร้านอาหารประเภท Fine Dining ที่จะปรับรูปโฉมของอาหารให้ยังคงเอกลักษณ์เดิมได้หรือไม่ แต่เท่าที่เห็นหลายร้านก็พยายามหาทางออกสุดตัว
ในวิกฤตนี้จึงยังมีโอกาสให้ร้านอาหารหลายร้าน อาทิ Fried Dining ที่ปรับเมนูอาหารเดิมให้ราคาถูกลงไม่เกิน 100 บาท หรือ รสดีเด็ด by นพ ที่ทำเมนูอาหาราคาเบา ๆ เริ่มต้นที่ 29 บาท สำหรับคนที่ไม่ได้มีรายได้มาก เช่นเดียวกับร้านอาหารกลุ่ม Fine Dining ก็มีแคมเปญ และราคาอาหารที่ถูกกว่าภาวะปกติ มอบให้แฟนของร้าน อาทิ 80/20 ที่คิดชุดเมนูอาหารช่วยชาวนาและชาวประมงไทย เพื่อสนับสนุนผู้ผลิตวัตถุดิบ หรือการรวมตัวของเชฟในเครือ Issaya ที่รวมตัวเชฟทั้งหมดของร้านในเครือมาทำเดลิเวอรีภายใต้ชายคาเดียวกัน ซึ่งเป็นการสร้างสปิริตให้กับทีมเชฟที่เดิมแทบไม่เคยทำงานด้วยกัน
เช่นเดียวกับโรงแรมต่าง ๆ ที่ไม่สามารถรับลูกค้านอกโรงแรมได้ ทางออกหนึ่งในการดูแลพนักงานก็คือหารายได้เข้าโรงแรมให้มากที่สุด การส่งอาหารเดลิเวอรีจึงเป็นอีกทางออกหนึ่งเช่นกัน
แน่นอนว่ามีหลายร้านยอดตกลงทันทีหลังจากการประกาศฉบับที่ 2 เนื่องจากเป็นร้านสตรีทฟู้ดที่คนชื่นชอบไปนั่งกินที่ร้านมากกว่า อย่าง ครัวพรละมัย ในเยาวราช วันแรกที่หันมาเปิดขายเดลิเวอรียอดขายก็ตกลงแบบใจหาย อยากช่วยร้านอาหารที่คุณชอบ เราขอให้สั่งเดลิเวอรีไปก่อน
2สนับสนุนร้านอาหารที่มีน้ำใจช่วยเหลือสังคม
ในวิกฤตเรายังได้เห็นน้ำใจของร้านอาหาร แม้ว่าตัวเองเจ็บอยู่ แต่ก็ปันน้ำใจให้คนที่เจ็บยิ่งกว่า หมูทอดเจ๊จง ทำอาหารกล่องเพื่อส่งมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ประจำโรงพยาบาลราชวิถีและสถาบันบำราศนราดูร วันละ 1,200 กล่อง ภายใต้ชื่อโครงการ Chefs For Chance ซึ่งช่วยส่งแรงสนับสนุนไปที่เจ๊จงได้
Jamie’s Burgers ออกเมนูอาหารจานเดียวช่วยชาติ เพื่อช่วยพี่ ๆ คนขับที่ต้องรับหน้าที่เป็นตัวกลางของลูกค้าอย่างเรากับร้านอาหาร เริ่มต้นที่ 30 บาท ซึ่งตอนนี้มีเพื่อนเชฟมาช่วยเป็นสปอนเซอร์ให้พี่ ๆ คนขับกินส่งอาหารและบุคลากรทางการแพทย์ ใครอยากเป็นเจ้าภาพเลี้ยงและร่วมบริจาคแจ้งทางร้านโดยตรง และล่าสุดร้าน คอหมูพระราม 5 ของเชฟยีสต์ ที่แจกข้าวกล่องฟรีสำหรับคนที่ตกงานเพราะ Covid-19
แม้แต่คาเฟ่ฮิป ๆ ก็ส่งใจให้คนส่งอาหาร Cocoa Bar กับโปรเจกต์เล็ก ๆ “You Order and We Give” เพราะคนส่งเดลิเวอรีช่วยลดความเสี่ยงไปซื้ออาหาร โดยทางร้านจะบริการโกโก้ให้กับคนขับฟรี ทุกออร์เดอร์ที่ลูกค้าสั่งบริการเดลิเวอรี
อีกโปรเจกต์ก็น่าสนใจ "ซื้อ 1 ที่ ช่วย 1 ท่าน" ร้านอาหาร INN Train ร่วมกับ Thank God It's Organic ทำอาหารและเครื่องดื่มชนิดเดียวกับที่คุณสั่งเพิ่มอีก 1 ชุด โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม เพื่อนำไปมอบให้ทีมแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลรามา(ศูนย์บางพลี) และ โรงพยาบาลพระมงกุฏ ซึ่งดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อ Covid-19 ยาวไปถึง 31 มีนาคม
3Covid Relief Gift Voucher
แคมเปญที่ทาง Wongnai มีความตั้งใจอยากจะช่วยเหลือร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 หลังจากไม่สามารถรับลูกค้าเข้าไปใช้บริการร้านอาหารได้ ทำให้ขาดรายได้ในส่วนนี้ไป ทาง Wongnai จึงทำแคมเปญผ่านการขาย Gift Voucher เพื่อให้คนที่ต้องการสนับสนุนร้านโปรดของตัวเองซื้อเก็บในวันนี้เพื่อไปใช้ในวันหน้า! โดยร้านค้าได้รับเงินสดทันที เพื่อนำไปหมุนเวียนในระบบ ลูกค้าได้ #Saveร้านอาหาร ร้านโปรดของตัวเองผ่าน Covid Relief Gift Voucher ซื้อได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 เมษายน 2563
4Gift Voucher จากร้านอาหาร
ร้านอาหารและบาร์ไม่น้อยได้รับผลกระทบโดยตรง ทำให้หลายร้านหันมาพึ่งพาตนเองด้วยการสร้างสภาพคล่องให้กับร้านของตนผ่านการขายเวาเชอร์ โดยเจาะกลุ่มลูกค้าของร้านโดยตรง แน่นอนว่าทุกร้านยังคงทำเดลิเวอรีควบคู่ไปด้วยเพื่อให้พนักงานยังคงมีงานรองรับ และการันตีว่าพวกเขาจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งหลังจากที่สถานการณ์ดีขึ้น นั่นจึงเปรียบได้กับความเชื่อใจกันของร้านและลูกค้าที่ส่งถึงกัน
ร้านแรกที่เราเห็นความเคลื่อนไหวอย่างทันสถานการณ์ก็คือ Foodie Collection group ที่มีร้านอาหารและบาร์ในเครืออย่าง 80/20, Vesper, il Fumo, La Dotta และ 1919 Italian Bar & Restaurant ที่ออกเวาเชอร์ในแบบท๊อปอัพราคาซื้อที่ 2,000-50,000 บาท และท๊อปอัพเป็น 2,500-75,000 บาท รายละเอียด ที่นี่
เช่นเดียวกับ Teens of Thailand และ Asia Today ที่ประกาศขาย Drink Voucher ราคา 220 บาท สำหรับใช้ที่ร้านหลังสถานการณ์ดีขึ้น สอบถามผ่าน Messenger หรือ รายละเอียด ที่นี่ และ DAG ที่เชฟบอกว่าทุ่มเงินก่อนสุดท้ายกับการเปิดร้านใหม่ แต่สถานการณ์ไม่อำนวยก็ต้องเดลิเวอรี ควบคู่ไปกับออกเวาเชอร์ไว้ใช้หลังเปิดให้บริการได้ เริ่มที่ 500-1,500 บาท และท๊อปอัพเป็น 700-2,000 บาท รายละเอียด ที่นี่
5สนับสนุนร้านอาหารเมื่อร้านเปิดให้บริการอีกครั้ง
ข้อสุดท้ายควรเป็นข้อแรก แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปพาให้เราต้องห่างกัน การสนับสนุนร้านอาหารด้วยการไปกินที่ร้านจึงไม่สามารถทำได้ แต่อย่าลืมว่าสถานการณ์นี้จะอยู่กับเราอีกไม่นาน ร้านอาหารและบาร์จะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นเราจึงต้องออกไปสนับสนุนและ #saveร้านอาหาร
ติดตามเรื่องราวร้านอาหารดี ๆ ที่จะมาเล่าเรื่องราวของร้านอาหารมากกว่าเพียงรีวิวร้านอาหารใหม่ แต่อาหารมีเรื่องราวซ่อนอยู่เสมอ อ่านต่อได้ที่