#วงในบอกมา
นี่คือร้านอาหารล่าสุดในเครือร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง Sushi Mori
BRITANNICA Brasserie เปิดมาด้วยตั้งใจเพื่อจะทลายกำแพงของอาหารไฟน์ไดนิ่ง ด้วยการเปิดโลกของอาหารแคชชวลไฟน์ไดนิ่ง โดยการตั้งคำถามว่า “ทำไมต้องกินตอนเย็น ทำไมต้องกินเป็นคอร์สเมนูใหญ่ ๆ ทำไมเราชอบอาหารคอร์สที่สามอย่างเดียวไม่ได้ ทำไมไฟน์ไดนิ่งแซร์ไม่ได้”
ตอนนี้มีเมนู Brunch ออกมาให้กินแล้ว เร็ว ๆ นี้จะปรับช่วงเย็นจาก BRITANNICA Brasserie สู่ BRITANNICA Bar ที่เปลี่ยนร้านอาหารสู่บาร์ด้วยลูกเล่นที่เพียงได้ฟังก็ร้องว้าว

“BRITANNICA สารานุกรมเล่มแรกของโลก แหล่งรวมความรู้ต่างๆ เราเอามาเชื่อมโยง เราชอบชื่อ สารานุกรมมันกว้างใหญ่ รวมทุกอินสปาย เป็นเรื่องราวของทั่วโลก เราหยิบตรงนั้น เอาสิ่งที่ดีที่สุดมาลงตรงนี้ เอามาเล่นได้หมด สารานุกรมประตูสู่โลก ให้คนที่ไม่เคยเจอโลกนี้ได้รู้จักกับโลกนี้ ที่นี่ก็เหมือนกันเราอยากให้คนรู้จักโลกของอาหารมากขึ้น” คุณส้ม-นัชชา เหตระกูล เจ้าของร้าน BRITANNICA Brasserie เล่าถึงที่มาของการนำเอาสารานุกรมเล่มแรกของโลกมาใช้เป็นชื่อและกิมมิคของร้าน
คุณส้มคือหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของร้านอาหารญี่ปุ่น Sushi Mori หนึ่งใน Users’ Choice ของ Wongnai เธอเป็นคนที่หลงใหลในเรื่องของอาหาร จากความชอบกินก็กลายเป็นคนทำธุรกิจอาหารอย่างเต็มตัว เธอเริ่มจากร้านอาหารญี่ปุ่นสาขาแรก ก่อนถูกชักชวนจาก Gaysorn ให้มาเปิด Sushi Mori สาขา 2 และเลยเถิดกลายเป็นธุรกิจอาหารที่กำลังขยายไปในหลากหลายประเภทอาหาร และ BRITANNICA Brasserie ก็เป็นหนึ่งในนั้น
“หลังจาก Sushi Mori เปิดมา 2 ปี เราแข็งแรงขึ้น ส้มไม่ได้เป็นเชฟ สัมอาศัยจินตนาการและประสบการณ์ เรารู้สึกว่าเราอยากกินแบบนี้ เราไปนั่งดูว่าเชฟทำอย่างไร เหมือนร้านอาหารฝรั่งร้านนี้ เราเรียนรู้และทำมันออกมา ตอนนี้ส้มเข้ามาทำธุรกิจร้านอาหารเต็มตัว และมีแผนเปิดร้านอื่นๆ อีก แต่ขออุบไว้ก่อน แน่นอนว่าแตกต่างออกไป”

เธอพูดถึงอาหารไฟน์ไดนิ่งว่ามีกำแพงกับคนค่อนข้างสูง ทำให้คนจำนวนไม่น้อยเข้าไม่ถึง ตัวเธอจึงไม่อยากให้ร้านอาหารของเธอเป็นไฟน์ไดนิ่ง แต่ก็ใส่เรื่องความใส่ใจพิถีพิถันแบบไฟน์ไดนิ่งเข้าไปด้วยเพิ่มความแคชชวลขึ้น “ส้มชอบไฟนไดนิ่งแต่รู้สึกว่าทำไมมีกำแพงสูงจัง ทำไมต้องกินตอนเย็น ทำไมต้องกินเป็นคอร์สเมนูใหญ่ ๆ ทำไมเราชอบอาหารคอร์สที่สามอย่างเดียวไม่ได้ แต่ความไฟน์ไดนิ่งมีเรื่องของความใส่ใจพิถีพิถัน เราคิดเผื่อลูกค้าว่าถ้าต้องการคุณภาพแบบนี้แต่มากินได้ทั้งวันได้ไหม นี่คือคอนเซปต์ของร้านนี้ เราอยากลดความหรูหราลง ให้คนมานั่งกินได้ เราลดกำแพงที่คนอ่านเมนูแล้วไม่รู้ว่าคืออะไร เราเลยทำ Casual Fine Dining พิถีพิถันแต่ราคาเป็นไปได้จริง กินคาเวียร์ได้ กินแชมเปญได้ ให้คนมากินแล้วกลับมากินได้อีก ไม่ใช่แค่โอกาสพิเศษ โอกาสพิเศษควรมีได้ทุกวัน”

BRITANNICA Brasserie ถูกกล่อมเกลาให้ทุกอย่างออกมาดีผ่านอาหารฝรั่งเศสที่ใส่เอาความเป็นโกบอลอินสปายลงไป ทั้งสแปนิชและอิตาเลียน เปลี่ยนรสอาหารของฝรั่งเศสให้เข้าถึงได้ดีขึ้น เพิ่มเนื้อสัมผัสของวัตถุดิบบางอย่างให้ต่างจากอาหารจานคลาสสิกทั่วไป อย่างอาหารสเปนที่อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่ก็เป็นรสชาติของอาหารฝรั่งที่คนไทยน่าจะเข้าถึงได้ง่ายที่สุด ด้วยรสชาติที่เข้มข้น และการแชริ่งแบบสำรับอาหารไทย ซึ่งคนไทยน่าจะชอบความรู้สึกนี้
“อาหารฝรั่งเศสก็อร่อย แต่จะเลี่ยน ๆ เนยๆ หน่อย เราสอดแทรกสเปนที่มีเครื่องเทศ มีน้ำมะมะกอกที่รสลึกๆ และเรายังแทรกอิตาเลียนด้วย เราใช้คำว่า โกลบอลอินสปาย แฮมก็เลือกแล้วเป็น Iberico Ham ของสเปนเพราะเราชอบ สมัยเด็กชอบ Parma Ham ก็รสลึก แต่พอลองเอบิริโก้มันแตกต่างมาก เข้มข้นมาก อย่างปาร์มามีตัวแพง ชื่อ Curatello เรายังไม่เคยกิน ต้นปีเราไปอิตาลีไปเมืองที่ทำคูลาเทลโล่ที่แรก ซึ่งใกล้โมเดน่า ไปลองกินว่าที่สุดของปาร์ม่าเป็นยังไง กินแล้วก็เฉยมาก เรารู้สึกว่าเอบิริโก้ดีกว่า”


คงต้องบอกว่าร้านอาหาร BRITANNICA Brasserie ที่เห็นในตอนนี้ยังเป็นเพียงส่วนเดียว ด้วยความตั้งใจเปิดร้านตั้งแต่ 7.30 น. เพราะอยากให้ลูกค้าได้กินอาหารเช้าดี ๆ ก่อนเริ่มต้นวันใหม่ และขยายเวลาเปิดไปถึงเที่ยงคืนในเดือนธันวาคม จากชื่อ BRITANNICA Brasserie จะเปลี่ยนป้ายไฟและคอนเซปต์กลายเป็น BRITANNICA Bar ช่วงประมาณ 2-3 ทุ่ม คุณส้มตั้งใจให้ที่นี่เป็นร้านแรกที่แปลงร่างได้ จากป้ายร้านที่เห็นจะถูกฉายด้วยไฟสีแดงส่องออกมาเปลี่ยนจาก “Brasserie” เป็น “Bar” ยังคงความเป็น “BB” ซึ่งเป็นแบรนด์ดิ้งของร้านอยู่ ได้ยินว่าจะมีโชว์จากเชฟส่งต่อร้านอาหารให้ทีมบาร์ด้วย ให้เป็นบาร์แฮงก์เอาต์ให้ดูเข้ามาง่ายขึ้น โดยมีคุณเค จาก Salon de Japonisant เป็นที่ปรึกษาเรื่องค็อกเทล นอกจากนั้นยังเตรียมเพิ่มเมนูดินเนอร์และบรันช์ในเดือนหน้า


ส่วนรายละเอียดของร้าน BRITANNICA Brasserie ก็มีรายละเอียดเยอะมาก ตั้งแต่กระเบื้องปูพื้นที่สั่งดีไซน์พิเศษที่กว่าจะปูให้ได้ลายที่เห็นก็ใช้เวลาหลายวัน การตกแต่งภายในที่นำเอา Arch ความโค้งมนแบบยุโรปมาใช้ รวมถึงลายกราฟริก BB ที่พิมพ์ลงบนจานก็เป็นเอกลักษณ์ที่เด่น รวมถึงสั่งปั้นหมูเซรามิกมาใช้สำหรับวางแฮมให้ลูกค้า เพราะอยากตัดเรื่องการจัดจานที่ซีเรียสออกไป รวมถึงการเลือกช้อนที่ผ่านการทดลองช้อนหลากหลายขนาดเพื่อเพิ่มอรรถรสเรื่องการกิน เช่นเดียวกับที่คีบอาหารแต่งจานของเชฟก็ถูกนำมาใช่เพื่อการแชริ่งตามคอนเซปต์ร้าน คีบอาหารให้ตัวเองคีบอาหารให้เพื่อน เพื่อลดช่องว่างของไฟน์ไดนิ่งที่ไม่สามารถแชร์อาหารกันได้ หรือกิมมิคของการนำเอาสารานุกรม BRITANNICA เล่มที่ตรงกับวันที่เกิดมาฉลองวันเกิดให้ลูกค้า รวมถึงการนำเอา Book Lamp ของ Lumio ที่ดูคล้ายกับสารานุกรมเล่มแรกของโลก มาให้ลูกค้าใช้เปิดโคมไฟเพื่อสั่งแชมเปญ เชื่อว่าสาว ๆ น่าชอบ

มาที่อาหารฝรั่งเศสที่สอดแทรกเทคนิคอาหารสแปนิชและอิตาเลียน โดยเน้นการจัดจานที่เรียบง่าย จัดจานแบบมีเหตุผลเน้นความแคชชวล ให้กินทุกอย่างในจานได้ แน่นอนว่าอาหารบางจานก็ใส่รสชาติบางอย่างเพื่อเพิ่มมิติให้กับอาหารจานคลาสสิก เริ่มที่จานแรกมาในฝาปิดรูปหมู “Iberico Bikini” แซนวิชที่ใช้ขนมปังบริยอชใส่แฮมเอบิริโก้ที่บ่มนาน 2 ปี ชีสมาร์เชโกจากสเปน และทรัฟเฟิล ขนมปังฉ่ำเนยกับรสเค็มของแฮม กลิ่นรสของชีสและทรัฟเฟิลที่เป็นเอกลักษณ์


จานนี้บอกเลยว่ารักมาก “Razor Clam” หอยหลอดตัวใหญ่ที่ผ่านการผัดน้ำมันมะกอกและกระเทียมมาเท่านั้น แต่รสชาติใช้ได้ แถมมาแบบเยอะมาก เห็นราคาแล้วแบบว่าต้องมองอีกรอบว่าไม่ได้พิมพ์ผิด
“Cured Salmon Salad” เชฟนำเอาปลาแซลมอนสดไปแช่กับเบอร์เบิ้นและบีทรูท ทำให้ได้สีของแซลมอนที่ชมพูสวย กินกับซีซาร์สลัด

อีกจานที่ดี “Crab Arrabiata” พาสต้าสไตล์อิตาเลียนที่เพิ่มมิติของรสชาติด้วยบีทรูทพูเร เชฟทำพาสต้าซอสอาราเบียตตาปกติ แต่ด้านล่างซ่อนบีทรูทพูเรที่ได้ความเอิร์ทตี้หน่อย ๆ แถมมีเนื้อปูก้อนแบบเยอะมาก จานนี้เป็นแบบเพิ่มปูแล้ว ปิดท้ายด้วยของหวาน “French Toast Brulee with Valhona Ice Cream” เฟรนซ์โทสต์ฉ่ำ ๆ กับไอศกรีมช็อกโกแลตเข้มข้น หรือจะปิดมื้ออาหารด้วย “Signature Cocktails” ก็ได้


คุณส้มยังฝากมาบอกด้วยว่า “ตอนนี้เราสื่อไปไม่ถึงลูกค้า ด้วยร้านสวยดูหรูหรา ทำให้คนไม่กล้าเข้า เราต้องสื่อสารออกไปให้เข้าใจว่าร้านเรา อาหารไม่แพง” เอาล่ะไปกันนะทุกคน เราการันตีว่าราคาดีจริง ๆ ติดตามเรื่องราวร้านอาหารดี ๆ จาก #ห้ามพลาด ที่จะมาเล่าเรื่องราวของร้านอาหารมากกว่าเพียงรีวิวร้านอาหารใหม่ แต่อาหารมีเรื่องราวซ่อนอยู่เสมอ อ่านต่อได้ที่
- “Jamies Burgers” ร้านสเต๊กที่ชูโรงเนื้อวัวไทยให้ไม่แพ้เนื้อวัวใดในโลก
- จาก “ร้านข้าวต้มเลิศทิพย์วังหิน” สู่ “เชฟเทเบิล เลิศทิพย์ by Chef Gigg”
- Gelinaz มื้ออาหารระดับโลกที่เปลี่ยนจาก “เชฟลับ” เป็น “สูตรอาหารลับ”
- “Littleblue” และ “Wood Cafe” ย่อส่วนให้เอกมัย 24 ได้ชิคกว่าเดิม
- I am Curry ฉันคือ(แกง)กะหรี่โดยเชฟปอนด์อดีตสจ๊วตผู้ถอดปีกตามหาความฝัน