ไม่ว่าคุณจะเป็นลูกหลานชาวจีนหรือไม่ เราเชื่อสุดใจว่า “อาหารจีน” เป็นหนึ่งในอาหารที่คุ้นเคยและถูกปากโดนใจสำหรับคนไทยส่วนใหญ่กันอยู่แล้ว เพราะแค่เพียงเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ เราก็ถูกถามไถ่ว่าจะรับ “ซาลาเปา” หรือ “ขนมจีบ” มั้ยคะ/ครับ? กันถ้วนหน้า หรือแม้แต่อาหารสตรีทฟู้ดที่ติดอันดับยอดฮิตของคนไทยอย่าง “ก๋วยเตี๋ยว” ก็ว่ากันว่ามีรากฐานมาจากอาหารจีน นี่ยังไม่รวมถึงช่วง “ตรุษจีน” หรือ “กินเจ” ที่ในเมืองไทยก็คึกคักไม่แพ้ที่ใด รวมถึง “อาหารเหลา” ที่เราใจจดจ่อรอโอกาสพิเศษเพื่อได้ลิ้มลองอยู่ตลอดเวลา
“อาหารเหลา” หรือ “กินเหลา” แท้จริงนั้นแปลว่าอะไร? และมีที่มาอย่างไร? จริง ๆ คำว่า “เหลา” มาจากภาษาจีนคำว่า 酒樓 ซึ่งอ่านออกเสียงว่า จิ่ว-โหลว แปลว่า ภัตตาคาร จึงสันนิษฐานว่าน่าจะออกเสียงเพี้ยนต่อ ๆ กันมาจากคำว่า “โหลว” กลายเป็น “เหลา” และตัดทอนให้สั้นกระชับ หรือบางแหล่งข้อมูลบอกว่า เมื่อคำว่า 酒樓 จิ่ว-โหลว ออกเสียงเป็นสำเนียงแต้จิ๋วได้ว่า “จิ๋ว-เล้า” เลยอาจเพี้ยนมาเป็นคำว่า “เหลา” ได้เช่นกัน และเมื่อ “อาหารเหลา” ถือเป็นมื้อพิเศษบนโต๊ะอาหารของคนจีน เราจึงอยากชวนไปนั่งโต๊ะล้อมวงเพื่อทำความรู้จักและเข้าใจ “อาหารเหลา” หรือ “อาหารจีน” บนโต๊ะอาหารในภัตตาคารจีนกันมากยิ่งขึ้น
1กิน “อาหารเหลา” ที่ไม่ต้องเฝ้ารอเทศกาลสำคัญ
ไม่เพียงแต่เฉลิมฉลองด้วยอาหารมื้อพิเศษไปกับเทศกาลสำคัญต่าง ๆ แต่ชาวจีนยังขอใช้ “การกิน” และ “โต๊ะอาหาร” เป็นสื่อกลางในการพูดคุย แสดงความคิดเห็น และความรู้สึกต่อกันทั้งระหว่างคนในครอบครัว, ญาติพี่น้อง หรือเพื่อนพ้อง รวมถึงเป็นสื่อกลางในการสานสัมพันธ์ทางสังคมหรือทำธุรกิจ, การสัมภาษณ์งานที่เจ้านายไม่อยากให้ลูกน้องรู้สึกเกร็งและเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ (นัยยะว่าพอกินเพลินแล้วจะลดความเคอะเขินลงไปและเผยตัวตนที่แท้จริง) รวมถึงใช้โต๊ะอาหารเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลลับสุดยอดด้วยเช่นกัน (ให้นึกภาพถึงฉากหนังที่ตัวละครถูกนัดพบกับเจ้าพ่อในภัตตาคารจีนเป็นส่วนใหญ่)
2เมนู “อาหารเหลา” เคล้าความหมายมงคล
สำหรับลูกหลานชาวจีน อาจมีหลายโอกาสที่เราจะขอร่วมฉลองไปพร้อมกับมื้อพิเศษ แต่ถึงอย่างไร “เทศกาลตรุษจีน” ก็ยังคงเป็นเทศกาลสำคัญและพิเศษสุดสำหรับชาวจีนอย่างมั่นคงไม่เสื่อมคลาย โดยชาวจีนจะถือโอกาสวันส่งท้ายปีเก่าตามการนับของชาวจีน ด้วยการพาครอบครัวร่วมวงล้อมโต๊ะกินอาหารพร้อมหน้ากัน โดยในมื้อนั้น ๆ จะมีต้องมี “เมนูปลา” เป็นหลัก เพราะคำว่าปลาในภาษาจีนนั้นมีเสียงพ้องกันคำว่า “มีมากจนเหลือ” หรือความหมายแบบมีนัยยะคือ “การมีกินมีใช้ตลอดปี” เช่นเดียวกับ “เมนูไก่” ที่ควรมี เพราะคำว่าไก่เมื่อออกเสียงในภาษาจีนจะพ้องกับคำว่า “สิริมงคล” นั่นเอง
นอกจากความหมายมงคล จำนวนเมนูอาหารก็เป็นหัวข้อที่คนจีนให้ความสำคัญไม่แพ้กัน โดยจำนวนอาหารบนโต๊ะจะต้องรวมแล้วเป็นเลขคู่ตามความเชื่อว่าเป็นตัวเลขมงคล ดังนั้นอาหารจานหลักควรจะมี 6 อย่าง หรือ 12 อย่าง มากน้อยตามจำนวนคนร่วมโต๊ะ
3ที่นั่งล้อมโต๊ะ “อาหารเหลา” ที่เราควรนั่งให้ถูกที่
การเลือกที่นั่งเหมาะสมของโต๊ะอาหาร โดยชาวจีนถือกันว่าถ้าใครเป็น เจ้าภาพ จะนั่งที่นั่งหันหน้าตรงข้ามกับประตู ส่วนขวามือของเจ้าภาพคือ ที่นั่งของแขกที่มีความสำคัญสูงสุด แน่นอนว่าฝั่งซ้ายมือคือ ที่นั่งของแขกที่มีความสำคัญอันดับ 2 สำหรับที่นั่งตรงกันข้ามของเจ้าภาพก็คือเก้าอี้สำหรับ เจ้าภาพรอง และที่นั่งขวามือของเจ้าภาพรองก็คือ แขกที่มีความสำคัญอันดับ 3 ส่วน แขกที่มีความสำคัญอันดับ 4 จะนั่งอยู่ทางซ้ายมือของเจ้าภาพรอง หรือจำง่าย ๆ ว่าคนจีนจะถือ ฝั่งขวา เป็นหลักสำคัญในการไล่เรียงตำแหน่งเริ่มต้นจากสูงลดหลั่นลงไปนั่นเอง (หรือนี่จะเป็นที่มาของผู้ช่วย “มือขวา” ที่เราใช้กันอย่างคุ้นชินกัน?)
4การเสิร์ฟ “อาหารเหลา” ตามลำดับ
อาหารจีนบนโต๊ะอาหารจะประกอบด้วย อาหารจานเย็น, อาหารจานหลัก, ของหวาน และ ผลไม้ ซึ่งจะไล่เรียงลำดับการเสิร์ฟเริ่มจาก อาหารจานเย็น ซึ่งหลัก ๆ จะปรุงรสด้วย เกลือ, น้ำตาล, พริกป่น, ซีอิ๊วขาว, น้ำส้มสายชู และน้ำมันงา เพื่อให้อาหารมีรสชาติที่ไม่หนักจนเกินไป และสามารถกระตุ้นความอยากอาหารได้ดี ส่วน อาหารจานหลัก ที่เสิร์ฟเป็นลำดับต่อมาโดยส่วนใหญ่จะเป็นเมนูปลา, ไก่, หมู, ซุป, และผัดผักต่าง ๆ ซึ่งจะสลับการเสิร์ฟระหว่างอาหารรสจืดและอาหารรสจัดเพื่อความสมดุลในร่างกาย และเมื่อจบอาหารคาวจึงต่อด้วย ของหวาน (โอวนีแปะก๊วยคือเมนูในดวงใจ) ก่อนจะปิดท้ายด้วย ผลไม้ เป็นลำดับสุดท้ายนั่นเอง
5ก่อนกิน “อาหารเหลา” เราต้องใจเย็น
แต่ก่อนจะหยิบตะเกียบแล้วเริ่มลิ้มลองรสชาติของเมนู “อาหารเหลา” เราจะขอเตือนให้หักห้ามใจไว้ก่อน เพราะการร่วมโต๊ะอาหารจีนจะต้องเคารพและให้เกียรติผู้ใหญ่ให้ท่านเริ่มคีบหรือตักกินก่อน หรือจะให้แขกคนสำคัญประเดิมก่อนก็ถือเป็นการส่งสัญญาณให้ทุกคนลิ้มลองอาหารบนโต๊ะได้เช่นกัน
6“ชนแก้ว” ให้ครบสามและห้ามเหลือ
ว่ากันว่าการชนแก้วล้อมวงบนโต๊ะอาหารของคนจีนหลัก ๆ จะมีทั้งหมด 3 ครั้ง โดยครั้งแรกคือ ก่อนเริ่มมื้ออาหาร ซึ่งเปรียบเสมือนการต้อนรับหรือยินดีที่ได้เจอกัน ส่วนครั้งที่ 2 และ 3 เป็น การอวยพรเพื่อให้เกิดสิ่งดี ๆ ในชีวิตหรือเป็นการเรียกพลังแรงใจสำหรับการทำงานร่วมกัน อีกทั้งชาวจีนยังถือเรื่องการดื่มเครื่องดื่มให้หมดแก้วเพื่อ สื่อถึงความจริงใจ ถึงไหนถึงกัน (แต่ถ้าใครไม่คุ้นชินเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ แนะนำให้บอกกล่าวก่อนจะเสิร์ฟเครื่องดื่ม)
รู้คำตอบว่า “อาหารเหลา” คืออะไร? ไปพร้อม ๆ กับเรื่องราวของ “อาหารจีน” ที่แฝงด้วยหลากหลายความหมายที่รู้แล้วยิ่งอยากดิ่งตรงไปภัตตาคารอาหารจีนกันเลยใช่มั้ยล่ะ? ถือโอกาสเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง ชวนครอบครัวไปกินอาหารจีนพร้อมเล่าถึงเรื่องราวที่เรานำมาฝากกันไปพลาง รับรองว่าสนุกสนานกินเพลินยิ่งกว่าเดิมแน่นอนค่ะ :)
ข้อมูลอ้างอิง
Mrg online, 2562. “New China Insights: วัฒนธรรมการดื่มของคนจีนกับความสัมพันธ์ในสังคมเป็นอย่างไร? [online]. เข้าถึงจาก https://mgronline.com/china/detail/9620000034142 สืบค้น 14 ธันวาคม 2563
China Discovery, 2563. “Chinese Food Culture” [online]. เข้าถึงจาก https://www.chinadiscovery.com/chinese-food/food-culture สืบค้น 14 ธันวาคม 2563
China Discovery, 2563. “Chinese Dining Etiquette” [online]. เข้าถึงจาก https://www.chinadiscovery.com/chinese-food/dining-etiquette สืบค้น 14 ธันวาคม 2563
อ่านมาถึงตรงนี้หวังใจอยากกิน "อาหารเหลา" หรือ "อาหารจีน" เรามีลายแทงมาให้พิชิตกันค่ะ