#วงในบอกมา
- อาม่าต้องเลี้ยงดูตัวเอง เพราะไม่มีสามี ไม่มีลูก จึงต้องออกมาขายโจ๊กคนเดียวเป็นเวลากว่า 30 ปี
- โจ๊กของอาม่าต้มผสมกับฟองเต้าหู้ และในสมัยก่อนยังไม่มีน้ำหมู อาม่าจะใส่เกลือลงไปในโจ๊ก กินคู่กับปาท่องโก๋ทุบหยาบ
- โจ๊กของอาม่าแต่ละวันมีจำกัด หมดแล้วหมดเลย มีลูกค้าหลายคนมาถามหาระหว่างที่เราคุยกับอาม่าแล้วต้องคอตกกลับไป รีบ ๆ มากินกันนะ
วันนี้ Wongnai ขอพาทุกคนไปลิ้มรสชาติแห่งวัยเยาว์ ที่ร้านโจ๊กรถเข็นเล็ก ๆ ไม่มีกระทั่งชื่อบนป้ายราคา อยู่ตรงข้ามตลาดเก่าเล่งบ้วยเอี้ย คนที่นั่งอยู่ข้างรถเข็นนั้นคือหญิงชราที่แม้กายจะเริ่มโรยรา แต่ยังออกมาทำงานค้าขาย พบปะพูดคุยกับแฟนคลับด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ ที่แสนกินใจ เรารู้จักกันในชื่อ “โจ๊กเกลืออาก๊า”
คุณ “เมงนั้ง แซ่เจ็ง” ชื่อเล่นว่า “อาก๊า” แต่เหล่าแฟนคลับเรียกกันอย่างสนิทสนมว่า “อาม่า” ปัจจุบันอายุ 68 ปี แต่ยังมีร่างกายแข็งแรง และขยันออกมาฉายเดี่ยวทุกวันเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว และยังคงทำอยู่ทุกวันโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
อาม่าจะเข็นรถเข็นคู่ใจออกมาขายที่พิกัดนี้ทุกวัน ตั้งแต่เวลาประมาณเกือบ ๆ บ่ายสามโมง และอยู่จนกว่าจะขายหมดหม้อ หากไม่ติดธุระปะปังอะไร อาม่าก็จะออกมาขายตลอด วันหนึ่งอาม่าจะทำโจ๊กมาขายแค่วันละหม้อ หมดแล้วหมดเลย หากใครอยากมาลิ้มรส "โจ๊กเกลืออาก๊า" ก็ต้องรีบมาหน่อย เพราะเปิดร้านได้แค่ประมาณ 2 ชั่วโมงก็ขายหมดเกลี้ยงจนต้องขูดก้นหม้อแล้ว แฟนคลับอาม่าหลายคนมาเยี่ยมเยียน และต้องคอตกกลับไปด้วยความเสียดายที่ไม่ได้กินโจ๊กเจ้าโปรด
คุณแม่ของอาก๊าเริ่มขายโจ๊กเมื่อประมาณ 60 ปีก่อน ปัจจุบันอาก๊าเป็นรุ่นที่ 2 ขาย “โจ๊กเกลือ” บ้างก็เรียก “โจ๊กเด็ก” โดยที่อาม่าตกทอดสูตรมาจากคุณแม่อีกทีหนึ่ง โจ๊กลักษณะนี้เริ่มหากินยากขึ้นไปทุกวัน จุดเด่นอยู่ที่เนื้อโจ๊กไม่จับเป็นก้อน กินเข้าไปได้อย่างคล่องคอ เพิ่มรสชาติด้วยน้ำซุปหมูสับละมุนลิ้น ไม่มันเยิ้มและไม่เค็มโดดจนเกินไป ใส่ไข่ลวกที่ไข่แดงสุกพอดีแต่ไข่ขาวยังเหลว โรยปาท่องโก๋ทุบหยาบ ๆ เพิ่มความกรุบกรอบ เหล่าแฟนคลับคอนเฟิร์มว่า นี่แหละรสชาติที่คุ้นเคยในวัยเด็ก
อาม่าไม่มีสามี ไม่มีลูก ต้องอาศัยอยู่ตัวคนเดียว อาม่าเลยต้องฉายเดี่ยวมาขายโจ๊กคนเดียวเพื่อหาเงินเลี้ยงดูตัวเองมากว่า 30 ปี แต่อาม่าก็ยังขยันขันแข็ง หนึ่งในแรงใจที่ทำให้อาม่าฮึดสู้ คือเหล่าลูกค้าผู้น่ารักที่แวะเวียนกันมาเยี่ยมเยียนอาม่ากันอย่างไม่ขาดสายนี่แหละ
อาม่าขายโจ๊กราคามิตรภาพ ถุงเล็ก 10 บาท ถุงใหญ่ 15 บาท แยกเครื่องต่างหาก สั่งผสมทั้งหมดได้ในราคาถ้วยละ 20 บาทเท่านั้น อาม่าขายราคานี้มานานนับปี จึงเป็นที่ถูกใจในบรรดาคนทำงานในพื้นที่ เหตุที่ไม่คิดจะขึ้นราคา เพราะอาม่าคิดว่าเศรษฐกิจช่วงหลังไม่ค่อยจะสู้ดี เกิดขึ้นราคาไปจะลำบากกันหมด คนซื้อก็ลำบาก คนขายก็ขายไม่ได้ เราจึงได้เห็นว่าอาม่าก็ไม่ได้คิดถึงแต่ตัวเอง เพราะโจ๊กอาม่าเป็นอาหารที่เป็นดั่งแรงกายและแรงใจให้คนในพื้นที่ได้สู้ชีวิตในแบบของตัวเองต่อไป
คนที่มากินส่วนใหญ่มักเป็นเจ้าประจำที่คุ้นเคยกัน อาม่าหวังว่าหากรถไฟฟ้าใต้ดินแถวนั้นสร้างเสร็จ ลูกค้าก็จะเข้ามาหาอาม่าได้สะดวกขึ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าถึงเวลานั้นเทศกิจจะยอมให้อาม่าตั้งแผงขายอยู่อย่างปัจจุบันหรือไม่ แต่ถ้ามีอันต้องย้ายก็คงไม่ได้ไปที่ไหนไกล บรรดาแฟนคลับจะได้หายคิดถึงกัน
ชีวิตของคนเราบางครั้งก็ไม่ได้ต้องการอะไรหวือหวา ดูอย่างอาม่าที่หาความสุขได้จากการขายโจ๊กอย่างเรียบง่ายแต่วันละหม้อ ไม่ได้แสวงหากำไร ไม่คิดขึ้นราคาเพราะเกรงกระทบการใช้ชีวิตของผู้อื่น เราได้เห็นความเรียบง่ายแบบนี้ในเยาวราชที่แสนวุ่นวาย ต้องขอขอบคุณอาม่าที่ทำให้เราเห็นความสุขจากความเรียบง่ายที่หาได้ยากในเมืองกรุง และได้กินโจ๊กเด็กที่เหมือนรสชาติในความทรงจำ ภาพในวันวานพลันหวนคืนมา พร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ ที่อาม่าแย้มให้เราได้เห็นก่อนจากกัน
หากใครอยากลองลิ้มรสชาติแห่งวัยเยาว์ ก็สามารถมาเจออาม่าได้ที่ “โจ๊กเกลืออาก๊า” ร้านโจ๊กเยาวราชในซอยเจริญกรุง 21 ตรงข้ามกับตลาดเก่าเล่งบ้วยเอี้ย เดินเข้าซอยไปสัก 100 เมตร ร้านจะอยู่ตรงทางแยกขวามือตรงหัวมุมพอดี เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 15.00 น. จนกว่าจะขายโจ๊กหมด หากได้ไปเยี่ยมเยียนอาม่าแล้ว เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปรีวิวร้านของอาม่าได้ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของ Wongnai ได้เลย
ติดตามเรื่องราวของแม่ค้าหญิงเดี่ยวสร้างกำลังใจต่อได้ที่
